ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - เล่มที่ 10 บทที่ 293 พี่ใหญ่เป็นเจ้าทึ่มหรืออย่างไร
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต
- เล่มที่ 10 บทที่ 293 พี่ใหญ่เป็นเจ้าทึ่มหรืออย่างไร
เซี่ยยวี่หลัวไม่ได้นอนดีๆ ตลอดคืน แต่เมื่อถึงตอนฟ้าสาง นางก็ยังคงลุกขึ้นด้วยอาการสะลึมสะลือ นางหาวพลางเปิดประตู จากนั้นจึงเห็นเสื้อผ้าที่ตากไว้ในลาน
มีของนาง ของจื่อเซวียน ของจื่อเมิ่ง รวมถึง…
ยามสายลมพัดผ่าน โบกพัดกางเกงสีขาวผ่องดุจหิมะตัวหนึ่งที่ตากอยู่บนราวไม้ไผ่ขึ้น กางเกงตัวบางทำจากผ้าฝ้ายชั้นดี เป็นมิตรต่อผิวทั้งยังระบายอากาศได้ดี ขากางเกงโบกพลิ้วตามสายลม เผยให้เห็นใบไผ่สีเขียวมรกตบนขากางเกง
ไม่ได้มีแค่ตัวเดียว หนึ่ง สอง…
เอ๋ มีสองตัวเชียว
ทำไมเซียวยวี่ถึงซักกางเกงสองตัว ควรมีเพียงตัวเดียวไม่ใช่หรือ?
ระหว่างที่นางกำลังมองกางเกงของเซียวยวี่อย่างเหม่อลอย เสียงฝีเท้าทุ้มต่ำก็ดังเข้ามาในโสตประสาท เซี่ยยวี่หลัวเพิ่งหันหน้าไป ก็เห็นเซียวยวี่ยกโจ๊กหม้อใหญ่เดินออกมา
เซี่ยยวี่หลัวมองเพียงแวบเดียว ก็รีบก้มหน้าลงทันที
เรื่องเมื่อคืนนี้…
ใบหน้าของนางร้อนราวกับจะไหม้อย่างไรอย่างนั้น ร้อนผ่าวและแดงก่ำ เซี่ยยวี่หลัวไม่ต้องดูก็รู้ว่าใบหน้าของตัวเองเป็นสีแดงประหนึ่งทาเครื่องประทินโฉมทั้งกล่อง
จริงๆ เลย…
อายแทบตาย!
“พี่สะใภ้ใหญ่…”
ในจังหวะที่เซี่ยยวี่หลัวไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี เสียงเรียกของเซียวจื่อเมิ่งก็ดังขึ้นจากด้านใน
เปรียบเสมือนเสียงสวรรค์!
เซี่ยยวี่หลัวรีบสาวเท้าก้าวเดินเข้าไปในห้อง ประหนึ่งได้รับการปลดปล่อย
ไม่ทันสังเกตเลยว่า เซียวยวี่ที่อยู่ตรงข้าม เทียบกับนางแล้ว ใบหน้าแดงกว่านางเสียอีก
สายลมยามเช้าเย็นสบาย อุณหภูมิพอเหมาะ ค่อนข้างเย็นเล็กน้อย
หน้าผากของเซียวยวี่ปรากฏเหงื่อซึม ใบหน้าแดงก่ำดุจสีโลหิต แม้แต่ใบหูก็แดงราวกับจะมีเลือดหยดออกมาอย่างไรอย่างนั้น
เขายกหม้อโจ๊ก ออกแรงทั้งสองมือ ด้วยเกรงว่าหากไม่ระวัง ก็อาจทำให้ผลของความพยายามที่ตัวเองทำมาตกแตก แต่ร่างกายของเขาเกร็งจนเหยียดตรง คล้ายกับสายคันธนูที่ถูกดึงรั้งถึงที่สุด ทั้งยังสั่นเทิ้มเล็กน้อย
เซียวยวี่ไม่รู้ว่าตัวเองยืนอยู่นานเพียงใด นานจนตอนที่เขาหันคอ ยังได้ยินเสียง “แกร๊กแกร๊ก” ดังขึ้นจากลำคอ
ลมเย็นพัดผ่าน โบกพัดเสื้อผ้าที่ตากอยู่บนราวไม้ไผ่จนพลิ้วไหวอีกครั้ง
กางเกงสีขาวโบกพลิ้วตามสายลม บนขากางเกงปักลายใบไผ่สีเขียวมรกตที่ดูราวกับของจริงก็มิปาน นั่นเป็นลายที่เซี่ยยวี่หลัวปักให้เขากับมือ
เนื้อผ้าสวมใส่สบายระบายอากาศได้ดี สบายเป็นพิเศษ เมื่อคืนหลังจากเขาอาบน้ำ จึงสวมใส่กางเกงสะอาดนอนหลับ
น้ำเย็นถังแล้วถังเล่าก็ยังไม่อาจดับเพลิงในใจเขาได้ ไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา แม้แต่ในความฝัน ก็เป็นท่าทางของคนผู้นั้นที่แย้มรอยยิ้มพราวงดงามชดช้อย รวมทั้ง… ภาพที่เขาเห็นเพียงเลือนรางนั่น
เขารู้ว่าเขาไม่ได้เห็นอย่างชัดเจน หรือเรียกได้ว่า แทบไม่เห็นอะไรเลย
ทว่า…
กลับไม่อาจควบคุมห้วงความคิด ที่จะคิดถึงภาพที่เขาเคยเห็น รวมถึงสิ่งที่เขาไม่เคยเห็น ทั้งยังมีสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน
เขาจำได้ว่าในความฝันของเขา เขาโอบกอดเซี่ยยวี่หลัวไว้แน่น กอดรัดคลอเคลียกับนาง…
ระหว่างที่อยู่ในอาการกึ่งหลับกึ่งตื่น ก็พบว่ากางเกงของตัวเองเปียก เซียวยวี่ผงะไปชั่วขณะ ไม่รู้ว่านั่นคือสิ่งใด
ยังดีที่เขาเคยอ่านตำราการแพทย์มาบ้าง หลังจากห้วงภวังค์แจ่มชัด รู้ว่านี่คือปฏิกิริยาตอบสนองทั่วไปของบุรุษที่เติบใหญ่แล้ว เขาจึงลุกขึ้น ถอดกางเกงที่สกปรกออก เปลี่ยนเป็นกางเกงสะอาด
โชคดีที่เซี่ยยวี่หลัวทำกางเกงให้เขาสองตัว ตัวเก่าก็ยังไม่ได้ทิ้ง ไม่อย่างนั้นคงต้อง…
นอนเปลือยกายเสียแล้ว
เหมือนที่เซี่ยยวี่หลัวเคยกล่าวไว้
เซียวยวี่รู้สึกหงุดหงิดนัก แทบอยากชกตัวเองสักหมัด เหตุใดถึงคิดถึงนางอีกแล้ว
กางเกงสกปรกหนึ่งตัว บวกกับกางเกงที่ถอดตอนอาบน้ำเมื่อคืน ทั้งหมดสองตัว
เซียวยวี่มองประตูห้องของเซี่ยยวี่หลัวที่ปิดสนิทด้วยความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เมื่อครู่นางมองกางเกงของเขาด้วยท่าทางเหม่อลอย คงไม่พบอะไรกระมัง?
“พี่ใหญ่…” เซียวจื่อเซวียนจะเข้าไปล้างหน้าบ้วนปากในห้องครัว เห็นพี่ใหญ่ยืนนิ่งอยู่หน้าประตู
เซียวยวี่เรียกสติคืนกลับมา เพียงกล่าวว่า “รับไป” จากนั้นจึงวางชามใหญ่ที่ใส่โจ๊กไว้ลงบนมือเซียวจื่อเซวียน
โจ๊กที่เพิ่งต้มเสร็จ ร้อนจนแทบลวก แม้แต่ตรงขอบชามใหญ่ก็ยังร้อน ร้อนจนทนไม่ไหว
เซียวยวี่รู้สึกร้อนจนแสยะปาก ส่งเสียงอุทานพร้อมกระโดดสองที ร้อนจนต้องรีบใช้นิ้วมือไปจับตรงติ่งหู
เซียวจื่อเซวียน “…”
นี่พี่ใหญ่โดน… ลวกเช่นนั้นหรือ?
แต่ดูจากปฏิกิริยาของพี่ใหญ่ เหมือนจะดูไม่ค่อยปกติ
เซียวจื่อเซวียนส่งเสียงอัยโย่สองที “พี่ใหญ่ ร้อน ร้อนๆๆ…”
เซียวยวี่ยื่นมือมารับไปอีกครั้ง
เซียวจื่อเซวียนบ่นพึมพำ พี่ใหญ่ ท่านเป็นเจ้าทึ่มหรืออย่างไร โจ๊กร้อนถึงเพียงนี้ ท่านยกมานานขนาดนี้เพิ่งรู้สึกร้อน ปฏิกิริยาตอบสนองของท่านช้าเกินไปแล้วกระมัง?
เซี่ยยวี่หลัวช่วยผูกผมให้เซียวจื่อเมิ่งอย่างเชื่องช้า ทำทรงผมที่ซับซ้อนและดูดียิ่งขึ้น งดงามจนเซียวจื่อเมิ่งชอบเสียยิ่งกว่าอะไร จับใบหน้าเซี่ยยวี่หลัว “จุ๊บ” ทีหนึ่ง ก่อนกล่าวว่าขอบคุณเจ้าค่ะพี่สะใภ้ใหญ่
“…” เซี่ยยวี่หลัวยิ้มขม ขอบคุณอะไรกัน พี่สะใภ้ใหญ่ใช้เจ้าเป็นข้ออ้าง จงใจถ่วงเวลาต่างหากเล่า!
เซี่ยยวี่หลัวรู้สึกเก้อเขินนัก หวีผมเสร็จแล้ว จึงไปล้างหน้าบ้วนปาก ทางที่ดีก็ต้องทาเครื่องประทินผิวด้านซ้ายสามชั้น ด้านขวาสามชั้น ด้านในสามชั้น ด้านนอกสามชั้นก่อนถึงจะดี เช่นนี้ถึงจะถ่วงเวลาได้ดียิ่งขึ้น
ไม่รู้ว่าเซียวจื่อเซวียนมาตามกี่หนแล้ว เซี่ยยวี่หลัวจึงกล่าวตอบว่าเสร็จแล้วอย่างเชื่องช้า
นางรอนานถึงเพียงนี้ ท่านราชบัณฑิตน้อยน่าจะกินเสร็จแล้ว
และแล้ว เมื่อมาถึงห้องโถง ในนั้นมีเพียงเด็กสองคน ท่านราชบัณฑิตน้อยไม่อยู่
ดีเหลือเกิน เซี่ยยวี่หลัวตบอกเบาๆ ผ่อนลมหายใจยาวด้วยความโล่งอก
เซียวจื่อเซวียนและเซียวจื่อเมิ่งหันสบตากัน รู้สึกสงสัยยิ่งนัก “พี่สะใภ้ใหญ่ ท่านเป็นอะไรไป? ”
เซี่ยยวี่หลัวนั่งลง หัวเราะพร้อมกล่าว “ไม่เป็นอะไร ไม่เป็นอะไร กินข้าว กินข้าวเถอะ”
แต่พอมองดูอาหารบนโต๊ะ เอ๋ หน็อยแน่ ยังไม่มีคนแตะเลย!
“พี่ใหญ่ของพวกเจ้ายังไม่ได้กินข้าวหรือ? ” เซี่ยยวี่หลัวเอ่ยถาม
เซียวจื่อเซวียนส่ายหน้า “พี่ใหญ่บอกว่าเกิดแรงบันดาลใจ จะเขียนบทความให้เสร็จหนึ่งบทแล้วค่อยมาขอรับ เขาให้พวกเรากินก่อน เขาเขียนเสร็จก็จะมาขอรับ”
เซี่ยยวี่หลัวขานตอบ “อ่อ ได้ เช่นนั้นพวกเรากินเถอะ” รีบกินหน่อย
การเขียนบทความ หรือเขียนเรียบเรียงถ้อยคำ ต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว
พอให้นางกินข้าวเช้าแล้ว
เซียวยวี่นั่งอยู่ข้างโต๊ะหนังสือด้วยอาการเหม่อลอย มองดูกระดาษขาวหนึ่งแผ่นที่วางอยู่เบื้องหน้าตัวเองราวกับเจ้าทึ่มคนหนึ่ง
บนกระดาษขาวไม่มีรอยน้ำหมึกแม้แต่น้อย มองสีขาวเป็นเวลานาน ทำให้เซียวยวี่รู้สึกปวดตา
หลังจากยกอาหารเข้าห้องโถง เซียวยวี่ก็กลับห้องของตัวเอง เซียวจื่อเซวียนล้างหน้าบ้วนปากเสร็จจึงมาตามเขาไปกินข้าว เซียวยวี่ไม่กล้าไป ได้แต่หาข้ออ้าง บอกว่าตัวเองเกิดแรงบันดาลใจ จะเขียนบทความให้เสร็จแล้วค่อยไป
ปกติเซียวจื่อเซวียนไม่กล้ารบกวนยามเขาอ่านตำราเขียนหนังสือ หลังจากได้ฟังดังนั้นจึงไม่ได้มาอีก
เซียวยวี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองนั่งอยู่ตรงนี้นานเพียงใด อย่าว่าแต่เขียนบทความอย่างลื่นไหลเลย เกรงว่าตอนนี้ให้เขาเขียนชื่อตัวเองยังเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ
ห้วงความคิดขาวโพลง ตัวเขาเหมือนต้องมนตร์สะกดก็มิปาน ไม่รับรู้อะไรอีก
“โครก…” ท้องกำลังส่งเสียงต่อต้าน เซียวยวี่ลูบท้องตัวเอง หิวแล้วจริงๆ
เขานั่งมานานถึงเพียงนี้แล้ว อา… ไม่แน่ เซี่ยยวี่หลัวน่าจะกินเสร็จแล้ว!
เซียวยวี่สาวเท้าก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ ออกจากห้อง ใต้ชายคามีเพียงเสียงฝีเท้าของเขาคนเดียว ห้องโถงไม่มีเสียงแม้แต่น้อย เซียวยวี่ผ่อนลมหายใจยาว น่าจะกินเสร็จแล้ว
เมื่อเดินถึงหน้าประตูห้องโถง เซียวจื่อเซวียนจึงเอ่ยเรียกพี่ใหญ่ด้วยความดีใจ “พี่ใหญ่ ท่านเขียนเสร็จแล้วหรือขอรับ? รีบมากินสิขอรับ พวกเราก็เพิ่งกิน”
เซียวยวี่ “…”
เซี่ยยวี่หลัว “…”