ทะลุมิติไปเป็นภรรยาชาวสวนของท่านบัณฑิต - ตอนที่ 2 บทที่ 60 ไข่ไก่แลกถั่ว
สตรีนางหนึ่งไปหักร้างถางพงหญ้าที่มีความสูงเท่าตัวคนเพียงลำพัง นั่นไม่ต่างอะไรกับการบุกเบิกพื้นที่รกร้างเลย!
เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง!
ท่านลุงสี่รีบส่งสายตาให้ภรรยาที่อยู่ข้างๆ “เจ้ารีบไปเอาเมล็ดถั่วเหลืองให้จื่อเซวียนจำนวนหนึ่ง”
ท่านป้าสี่รีบขานตอบ “อ่อ” อยู่หลายครั้ง เข้าไปในบ้าน เพียงครู่เดียว ใช้ผ้าห่อถั่วเหลืองออกมาหนึ่งห่อ “เอ้า ถั่วเหล่านี้ น่าจะพอสำหรับที่นาบ้านเจ้าแล้ว”
เซียวจื่อเซวียนไม่ได้รับ แต่ยื่นส่งไข่ไก่ไป “ท่านป้าสี่ ไข่ไก่เหล่านี้ พอหรือไม่?”
ไข่ไก่ห้าฟอง เท่ากับห้าอิแปะ ตามหลักแล้วย่อมไม่พอ แต่ไข่ไก่เหล่านี้เป็นไข่ทั้งหมดที่บ้านเขามีแล้ว
ท่านลุงสี่ “พอไม่พออะไรกัน เจ้านำไข่เหล่านี้กลับไป รอให้ถั่วเหลืองบ้านเจ้างอกแล้ว ค่อยคืนข้า ดีหรือไม่?”
ท่านป้าสี่ก็กล่าว “จริงด้วย เจ้านำไข่ไก่เหล่านี้กลับไป รอให้เจ้าปลูกถั่วได้แล้วค่อยคืนเรา”
แต่เซียวจื่อเซวียนกลับไม่รับ ยังคงยืนกรานที่จะยื่นส่งไข่ไก่ให้ “ข้ารู้ว่าไข่ไก่เหล่านี้ไม่พอแน่ ท่านลุงสี่ ท่านป้าสี่ ไข่ไก่เหล่านี้พวกท่านรับไว้ก่อน รอให้บ้านข้ามีเงิน ก็จะรีบนำมาให้ท่าน”
ท่านลุงสี่ “เรื่องนี้…”
“หากท่านไม่ยอมรับ ข้าได้แต่ไปแลกที่บ้านอื่นแล้ว!” เซียวจื่อเซวียนกล่าว กล่าวจบก็กำลังจะไป
ท่านป้าสี่เรียกเขาไว้ “เจ้านี่นะ ทำไมถึงทำตัวห่างเหินกับพวกเรานัก แค่ถั่วเล็กน้อยเท่านั้น ทำราวกับเป็นเรื่องใหญ่อย่างไรอย่างนั้น!”
ไข่ไก่ห้าฟอง กับถั่วจำนวนหนึ่ง แม้จะยังต่างกัน แต่ก็ต่างกันไม่มากนัก
เซียวจื่อเซวียนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่สะใภ้ใหญ่บอกไว้ ว่าจะรับของของคนอื่นโดยง่ายไม่ได้”
พี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ เซียวจื่อเซวียนกล่าวอะไรก็เกี่ยวกับพี่สะใภ้ใหญ่ของเขา เซียวหมิงจูโมโหจนใบหน้าแดงก่ำ หันขวับเข้าบ้านไป ปิดประตูเสียงดังสนั่น
ท่านลุงสี่หันมองตามแผ่นหลังของบุตรสาวตัวเองด้วยความประหลาดใจ กล่าวกับท่านป้าสี่ที่อยู่ข้างๆ “หมิงจูนาง… นางเป็นอะไรไป?”
ภายในใจท่านป้าสี่รู้สึกอึดอัดใจนัก แต่กลับไม่แสดงออกทางสีหน้า ยิ้มพร้อมกล่าว “บางทีอาจเพราะวันนี้นางเหนื่อย”
ท่านลุงสี่ขานตอบ
เซียวจื่อเซวียนกล่าวเช่นนี้แล้ว ท่านป้าสี่ก็ได้แต่รับไข่ไก่ เซียวจื่อเซวียนเอ่ยคำขอบคุณ จากนั้นจึงโค้งคำนับทั้งสองคน แล้วจึงจากไป
มองส่งแผ่นหลังของเซียวจื่อเซวียนที่เดินจากไป ท่านลุงสี่ยังไม่ค่อยเข้าใจนัก “ภรรยาอายวี่ เหตุใดถึงประหลาดนัก! แต่แบบนี้ก็ดี หากอายวี่กลับมา เห็นว่าภรรยาของเขาทั้งดีต่อเด็กๆ ทั้งทำอะไรมากมาย ต้องรู้สึกดีใจแน่!”
ท่านป้าสี่ถลึงตามองเขาทีหนึ่ง เขารู้สึกงงงวย “เจ้าถลึงตาใส่ข้าทำไม?”
เย็นนี้ เซียวหมิงจูไม่ได้ออกมากินข้าว ท่านป้าสี่เป็นคนยกเข้าไป ไม่รู้ว่าสองแม่ลูกคุยอะไรกันอยู่ข้างใน สุดท้ายท่านป้าสี่ก็ออกมาด้วยท่าทางโมโห โมโหแทบตาย
เมื่อกลับถึงห้องตัวเอง ท่านลุงสี่กำลังจิบสุรา กล่าวด้วยท่าทางอารมณ์ดี “เจ้าเป็นอะไรไป? ทำไมถึงโมโหขนาดนี้?”
เขาหันมองออกไปด้านนอก จากนั้นจึงเอ่ยถาม “หมิงจูอารมณ์เสียใส่เจ้า? หมิงจูก็โตแล้ว เรื่องบางอย่างเจ้าอย่ากล่าวหนักเกินไป นางเป็นสตรีย่อมหน้าบาง”
กล่าวจบ จึงแหงนหน้าจิบสุราอีกคำหนึ่ง ท่าทางมีความสุขทั้งยังเริ่มฮัมเพลง ราวกับว่าไม่มีเรื่องวุ่นวายใจใดๆ!
ท่านป้าสี่นั่งลงบนเตียงเตา เมื่อเห็นท่านลุงสี่ที่ทำตัวประหนึ่งคนไร้หัวจิตหัวใจ ก็โมโหแทบตายอีก “พวกเจ้าสองคนพ่อลูก ต่างก็ชอบหาเรื่อง ข้าเหนื่อยยากมาครึ่งค่อนชีวิต ก็เพื่อพวกเจ้าไม่ใช่หรือ พอมาตอนนี้ กลับพูดเหมือนข้าเป็นคนไม่ดี”
“เกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?” ท่านลุงสี่โดนกล่าวว่าทั้งที่ไม่ได้ทำอะไร ภายในใจจึงรู้สึกอัดอั้นนัก
เซียวจื่อเซวียนหอบถั่ววิ่งเหยาะๆกลับบ้านไป
ปลายเดือนสองแล้ว พระจันทร์ครึ่งเสี้่ยวลอยอยู่บนท้องฟ้า เส้นทางไม่สว่างเท่าไหร่ แต่เซียวจื่อเซวียนไม่กลัวแม้แต่น้อย หอบถั่วไว้ ท่าทางหวงแหนราวกับหอบอนาคตวันข้างหน้าไว้อย่างไรอย่างนั้น
พี่สะใภ้ใหญ่บอกแล้ว ว่าอนาคตวันข้างหน้า จะใช้ชีวิตให้ดีขึ้นเรื่อยๆ
เซียวจื่อเซวียนมีความมั่นใจเต็มเปี่ยม
เมื่อมีถั่ว ก็มีเมล็ดพันธุ์ เซี่ยยวี่หลัวทำงานอย่างขมักเขม้นยิ่งขึ้น เพียงแต่นางไม่เคยทำงานหนักถึงเพียงนี้ เช้าวันรุ่งขึ้น จึงมีตุ่มน้ำพองขึ้นที่มือจำนวนหนึ่ง เมื่อจับของ ก็เจ็บปวดถึงหัวใจ
นางไม่กล้าพูด ได้แต่ใช้ผ้าห่อฝ่ามือไว้อย่างแน่นหนา จึงทุเลาลงบ้าง แต่เพราะต้องใช้แรงมาก ตุ่มน้ำถูกบีบอัด ทั้งน้ำและเลือดไหลออกมา เจ็บปวดจนเซี่ยยวี่หลัวกัดฟันแสยะปาก
เพียงแต่ นางไม่ได้ให้เด็กสองคนเห็น และไม่ได้บ่นเจ็บแม้แต่คำเดียว
ทำมาสองวัน ในที่สุดก็กำจัดหญ้าในที่นาจนสะอาดไปกว่าสามส่วนแล้ว ส่วนที่ลากกลับบ้านได้ก็ลากกลับ ส่วนที่ลากกลับไม่ได้ ก็กองรวมกันไว้ จุดไฟค่อยๆเผาทิ้ง
เพียงแต่ ต้นอ่อนต้นหญ้าที่อยู่ใต้ดินไม่สามารถใช้ไฟเผาได้
โบราณกล่าวไว้ ไฟป่าเผาไม่สิ้น เมื่อสายลมวสันต์พัดผ่านก็กำเนิดใหม่ หากไม่ขุดรากถอนโคน ผ่านไปไม่กี่วัน ก็จะงอกขึ้นใหม่
เซี่ยยวี่หลัวเห็นที่นาที่สะอาดขึ้นไม่น้อย ก็แบกจอบขึ้นมาขุดต้นหญ้าต่อ
ชาวบ้านที่กำลังง่วนอยู่กับงานไม่ห่างนักเห็นว่าตรงตีนเขามีควันไฟลอยขึ้น ต่างก็หันมองไปทางนั้น เมื่อเห็นอย่างชัดเจน จึงเห็นว่าเด็กกลุ่มหนึ่งกำลังขุดถอนหญ้าอยู่ในที่นา
คนขุดนำที่ตัวสูงนั่น คือเซี่ยยวี่หลัวไม่ใช่หรือ?
เมื่อได้ยินว่าเซี่ยยวี่หลัวมาทำงานในไร่นา คนที่อยู่ในไร่นาจึงเกิดความชุลมุน ทุกคนต่างหยุดทำงาน บ้างก็มองจากไกลๆ บ้างก็วิ่งมาพูดคุยอย่างสนุกปาก
“พระอาทิตย์ขึ้นทางทิศตะวันตกแล้ว มาดูเร็ว เซี่ยยวี่หลัวมาทำงานในไร่นาด้วย!”
“นั่นสิ ข้ารู้สึกว่าหญ้ารกในที่นาบ้านนางเกรงว่าจะสูงเท่าตัวคนแล้ว คิดไม่ถึงว่าจะขุดถอนจนสะอาด เจ้าดูสิ เก็บกวาดได้สะอาดทีเดียว พวกเขาคงไม่ได้คิดจะปลูกพืชผลกระมัง?”
“ไม่ปลูกพืชผลแล้วจะขุดดินทำไม!”
“เซี่ยยวี่หลัวผู้นี้ปลูกพืชผลเป็นหรือ? ตอนนั้นนางอาละวาดไม่ยอมให้เซียวยวี่ทำงานในไร่นาไม่ใช่หรือ? ไหนบอกว่าเป็นงานที่คนชั้นต่ำถึงจะทำ เหตุใดตอนนี้นางถึงทำเสียเองล่ะ?”
“ใครจะไปรู้… เจ้าดูเด็กสองคนนั้นสิ พูดคุยหัวเราะ พวกเขาไม่กลัวเซี่ยยวี่หลัวแล้วงั้นหรือ?”
เซี่ยยวี่หลัวรู้ว่ามีคนจำนวนไม่น้อยมาหัวเราะเยาะนาง แต่นางไม่เงยหน้าด้วยซ้ำ กวัดแกว่งจอบในมือ ทำงานอย่างแข็งขัน เพียงแต่ สองวันที่ผ่านมาเหวี่ยงจอบมากเกินไป บนมือจึงเกิดตุ่มน้ำพองจำนวนไม่น้อย เมื่อเหวี่ยงจอบ กระทบโดนตุ่มน้ำพอง ก็ปวดจนนางขมวดคิ้วมุ่น
แต่นางก็ไม่บ่นอะไรแม้แต่คำเดียว ตอนนี้เลยช่วงเวลาในการไถพรวนดินมาหลายวันแล้ว หากยังไม่จัดเตรียมที่นาให้เรียบร้อย หว่านเมล็ดลงไป พลาดช่วงเวลาที่เหมาะสม ผลผลิตก็จะลดลง
เด็กสองคนตามหลังนางติดๆ ถอนโคนหญ้าที่ผ่านการพรวนดินแล้วออกมา โยนไปไว้ตรงคันนา ขอเพียงตากแดดสองวัน ก็สามารถทำให้ต้นหญ้าอ่อนตายได้
ต้นหญ้าอ่อนเหล่านี้มีพลังชีวิตล้นเหลือ ขุดออกมาแล้ว หากไม่เผาทิ้งหรือตากให้แห้ง ขอเพียงมีดินที่สามารถหยั่งรากเติบโตได้แม้เพียงน้อยนิด ใช้เวลาไม่ถึงสองวัน ก็จะโตขึ้นอีก
เซี่ยยวี่หลัวเหยียดกายทีหนึ่ง มองดูที่นาที่ใกล้จะจัดการเสร็จสมบูรณ์ ภายในใจรู้สึกยินดียิ่ง ตุ่มน้ำพองที่ฝ่ามือก็ไม่ได้รู้สึกปวดเท่าไหร่แล้ว
ในตอนนี้เอง เสียงหนึ่งที่ไม่คาดคิดดังขึ้นจากด้านหลัง “อัยยะ นี่คือน้องยวี่หลัวไม่ใช่หรือ? เหตุใดถึงมาทำงานในไร่นาล่ะ? สตรีที่งดงามดุจบุปผา ยังต้องทำงานหนักที่สกปรกแบบนี้ เจ้าว่าทำไมเซียวยวี่นั่นถึงทำได้ลงคอ!”
เซี่ยยวี่หลัวหันกลับมาช้าๆ ก็เห็นบุรุษคนหนึ่งที่สวมใส่ชุดทั้งเก่าและขาด แสยะปากจนเห็นฟันเหลือง หรี่ตาที่ฉายประกายมักมากในกามเพ่งมองเซี่ยยวี่หลัว