ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 714 สงครามแม่สามีลูกสะใภ้ปะทุ
ตอนที่ 714 สงครามแม่สามีลูกสะใภ้ปะทุ
…………….
ตอนที่ 714 สงครามแม่สามีลูกสะใภ้ปะทุ
พี่สาวจางเป็นคนฉลาด เมื่อเห็นป้าหวังนั่งขัดสมาธิบนเตียงของคนอื่นแล้วพูดถึงโจวลี่หรงในทางที่ไม่ดีอย่างไม่เกรงใจ หล่อนจึงรีบลุกขึ้นและพูดกับหลินเซี่ยว่า “เซี่ยเซี่ย พักผ่อนให้ดีๆ นะ พวกฉันขอตัวกลับก่อนล่ะ”
พี่สาวจางยังไม่ได้เกษียณ และยังทำงานร่วมกับเฉินเจียเหออยู่
หล่อนเป็นแค่คนงานธรรมดา ในขณะที่เฉินเจียเหอเป็นวิศวกรเทคนิคหลักของโรงงานยานยนต์ของพวกเขา การที่หล่อนมาที่บ้านของคนอื่นเพื่อพูดถึงแม่ของหัวหน้าวิศวกรในแง่ลบ หล่อนเป็นบ้าไปแล้วหรือ?
ป้าหวังยังไม่พอใจ เมื่อเห็นพี่สาวจางและพี่สาวหลิวจะกลับ จึงต้องตามไปด้วย
ป้าหวังขยิบตาให้หลินเซี่ย พร้อมกับกระซิบเตือนว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าอีกฝ่ายรังแกเธอ อย่าทนเชียวนะ ฉันบอกเธอไว้ ยิ่งทนเขายิ่งเอาเปรียบ”
“ป้าหวัง รีบไปเถอะ คุณไปพูดแบบนี้กับป้าหยางด้วยแล้วกัน ลูกสะใภ้กับป้าหยางจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่ปรองดองกันเลย” พี่สาวจางรีบพาป้าหวังออกไป
พอคนออกไป โจวลี่หรงก็อุ้มลูกเข้ามา มองหลินเซี่ยด้วยสีหน้าไม่สู้ดี
หล่อนมองหลินเซี่ยพลางถามเสียงเข้มว่า “เซี่ยเซี่ย ทำไมเมื่อกี้ตอนพวกเขาอุ้มลูก เธอไม่ห้ามล่ะ เธอไม่เห็นหรือไงว่าป้าหวังคนนั้นน้ำลายกระเด็นใส่หน้าลูกด้วย”
หลินเซี่ยพูดว่า “แม่คะ ไม่มีนะคะ คุณมองผิดไปแล้ว หล่อนอยู่ห่างลูกไปตั้งวา”
เธอจ้องป้าหวังตลอด ป้าหวังมัวแต่คุยกับเธอ แทบไม่ได้มองลูกเลย
โจวลี่หรงพูดอย่างโมโหว่า “ห่างที่ไหน เธอคิดว่าฉันตาบอดหรือไง เธอเป็นแม่ประสาอะไรกัน ไม่สนใจปัญหาสุขภาพของลูกเลย ทั้งวันรู้แต่จะคบค้าสมาคมกับพวกคนพูดจาไร้สาระพวกนี้”
“เธอรู้ไหมว่าป้าแซ่หวังคนนี้ทุกวันชอบไปยุแหย่ให้เพื่อนบ้านทะเลาะกันที่ชั้นล่าง ทุกคนในหมู่บ้านนี้ที่เป็นแม่สามีหรือลูกสะใภ้ต่างก็ถูกหล่อนพูดจนเสียหน้าเสียตาหมด เธอไปคบค้าสมาคมกับคนแบบนั้นมันทำให้ระดับชนชั้นของพวกเราต่ำลงนะ เข้าใจไหม”
หลินเซี่ยไม่คาดคิดเลยจริง ๆ ว่าโจวลี่หรงจะพูดจาไม่สุภาพกับเธอขนาดนี้
ความโกรธของเธอก็พุ่งขึ้นมาด้วย
เธอมองไปที่โจวลี่หรง ขมวดคิ้วตอบโต้กลับ “ระดับชนชั้นต่ำลง? ฉันมีระดับชนชั้นอะไรคะ? ฉันอยู่ในบ้านพักสวัสดิการครอบครัวเดียวกันกับพวกเขา เจียเหอทำงานกับพวกเขา ระดับชนชั้นของฉันสูงกว่าพวกเขาหรือไง?”
“แม่ คุณเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ คุณสูงส่ง คุณมีสถานะ ฉันเปรียบเทียบกับคุณไม่ได้หรอกค่ะ”
หลินเซี่ยพูดว่า “ต่อให้เพื่อนบ้านพวกนั้นมีข้อเสียเยอะ ป่วยเยอะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? พวกเขาไม่ได้ทำร้ายฉัน ไม่ได้ทำลายผลประโยชน์ของฉัน ตรงกันข้าม ตอนที่อยู่ในบ้านพักเก่า ฉันกับเจียเหอได้รับความช่วยเหลือจากพวกเขาตั้งหลายครั้ง ตอนที่หู่จือยังเด็กไม่มีใครดูแล ก็มีพี่สาวบ้านใกล้เรือนเคียงช่วยดูแล เจียเหอถึงได้มีเวลาไปทำงานได้”
“ตอนนี้คุณยินดีที่จะปรองดองกับพวกเรา ก็เลยจะให้พวกเราตัดขาดจากเพื่อนบ้านพวกนั้นใช่ไหม? พวกเขาถือไข่ไก่มาเยี่ยมฉัน อยากอุ้มลูก ถ้าฉันไม่ให้อุ้ม ฉันจะยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า?”
“คุณไม่ใช่แค่รังเกียจเพื่อนบ้าน คุณยังรังเกียจญาติฝั่งฉันด้วย พวกเขาเพิ่งเข้ามา คุณก็ขมวดคิ้วใส่แล้ว อย่าคิดว่าฉันตาบอดมองไม่เห็น! คุณจ้องมองทุกคนที่เข้ามาเหมือนมีเชื้อโรคติดตัว เจ้ากี้เจ้าการให้พวกเขาล้างมือจนพวกเขาแม้แต่จะจามก็ไม่กล้า เพียงแต่ฉันเคารพคุณในฐานะแม่แท้ ๆ ของเจียเหอก็เลยอดทนทุกอย่าง คุณคิดว่าฉันเป็นลูกพลับนิ่มจริง ๆ เหรอ? คุณคิดว่าฉันยังเป็นเหมือนตอนที่เพิ่งแต่งงานกับเจียเหออยู่หรือไง?”
หลินเซี่ยหัวเราะเย็นชา “ไม่ใช่ ตอนนั้นคุณกับเสิ่นเสี่ยวเหมยร่วมมือกันไปที่บ้านเก่าเพื่อไล่ฉัน แต่คุณก็ทำไม่สำเร็จ มาตอนนี้คุณยังคิดจะควบคุมบงการฉันอีก คิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือ?”
หลินเซี่ยเอ่ยเน้นสรรพนามอีกฝ่ายด้วยคำว่า ‘คุณ’ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ย พูดรัวเร็วราวกับสาดกระสุน
ทำเอาโจวลี่หรงมึนงง
“นี่คือลูกที่ฉันตั้งท้องอย่างยากลำบาก”
หลินเซี่ยแย่งเด็กจากอ้อมแขนโจวลี่หรงเหมือนกับที่หล่อนทำกับพี่สาวจาง เธอกอดเด็กไว้แน่น มองโจวลี่หรงแล้วพูดอีกครั้ง “ที่ฉันให้คุณอยู่ที่นี่ดูแลฉันช่วงอยู่เดือนไม่ใช่เพราะฉันต้องการคุณหรอก แต่เป็นเพราะคุณเป็นแม่ของเฉินเจียเหอ เป็นย่าของเด็ก ที่คุณมาอยู่ตรงนี้ได้เป็นเพราะฉันทำเพื่อหน้าตาของทุกคน เพื่อให้คนอื่นคิดว่าครอบครัวเราสามัคคีกลมเกลียว ไม่ให้คนนินทา ฉันถึงยอมให้คุณอยู่ที่นี่ช่วยดูแลหลาน”
“ช่วงที่คุณดูแลพวกเราแม่ลูกก็น่าจะเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปพักผ่อนที่บ้านให้ดีนะคะ ฉันเองก็ใกล้จะออกจากการอยู่เดือนแล้ว เลี้ยงลูกเองได้”
หลินเซี่ยพูดตัดบทด้วยน้ำเสียงเฉยชา อุ้มลูกกลับห้องแล้วเตะประตูปิด ก่อนเอนตัวนอนบนเตียงให้นมลูก
ในใจข่มกลั้นโทสะเอาไว้ จนรู้สึกเหมือนน้ำนมจะหยุดไหล
โจวลี่หรงไม่ได้เข้ามาอีก เธอไม่รู้ว่าหล่อนออกไปแล้วหรือยัง
แต่ไม่ได้ยินเสียงประตู หล่อนน่าจะยังไม่ได้ออกไป
อารมณ์ที่เธอเก็บกดไว้ในช่วงนี้ได้ระเบิดออกมาหมดในวันนี้
เธอรู้ว่าบางท่าทางและคำพูดของเธอที่มีต่อโจวลี่หรงอาจไม่เหมาะสมนัก แต่เธอไม่อยากใส่ใจมากแล้ว
ต้องปล่อยวางเสียบ้าง น้ำนมถึงจะไหล
พูดตามตรง เธอเกือบเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอดแล้ว
วันนี้ถ้าโจวลี่หรงไม่พูดประโยคที่ว่า “การคบหากับพวกเขาจะทำให้ระดับชนชั้นของเราต่ำลง” จนทำให้เธอโกรธ บางทีเธออาจจะเลือกอดทนต่อไป
แต่คำพูดนั้นของหล่อน ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะโต้ตอบ
ระดับชนชั้นอะไรกัน?
คนอื่นอยู่ระดับชนชั้นต่ำแล้วอย่างไร พวกเขาไม่ได้อยู่หมู่บ้านเดียวกับเราหรอกเหรอ?
นี่แสดงให้เห็นว่าโจวลี่หรงดูถูกชาวบ้านธรรมดาจากก้นบึ้งของหัวใจ
เป็นเพราะตัวเองตอนสาวๆ เรียนหนังสือเก่งจนหลุดพ้นจากชนบท คิดว่าหลุดพ้นจากชนชั้นนั้นจนกลายเป็นคนในเมืองแล้ว ก็เลยดูถูกชาวบ้าน
ต่อมาตอนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ดูถูกชาวบ้านธรรมดาในเมือง
ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมโจวลี่หรงถึงมีสีหน้าเคร่งขรึมเวลาเผชิญหน้ากับใครก็ตาม
นั่นไม่ใช่เพราะบุคลิกเฉพาะตัวของหล่อน
แต่เป็นการมองคนจากที่สูงที่มาจากสันดาน
หยิ่งทระนงถือตัว
หลินเซี่ยยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ
เธอถึงกับเสียใจที่ตั้งแต่แรกเริ่มเหตุใดต้องทำตัวเป็นลูกสะใภ้ที่ดีและฉลาดเพื่อรักษาผลประโยชน์โดยรวม และเห็นด้วยกับการให้โจวลี่หรงเข้ามาดูแลเธอ?
ผ่านไปนาน เหมือนว่าเธอได้ยินเสียงประตูข้างนอกดังขึ้น
ไม่รู้ว่าโจวลี่หรงออกไปหรือไม่
เฉินเจียเหอกลับมาและเห็นหลินเซี่ยอุ้มลูกนั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่บนเตียง จึงถามด้วยความสงสัย “เซี่ยเซี่ย คุณกับแม่ทะเลาะกันเหรอ?”
เขาพูดต่อ “แม่เพิ่งออกไปพร้อมกับของ ผมเจอหล่อนข้างล่าง ผมถามแล้วแต่หล่อนก็ไม่ตอบ เกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“ฉันไล่หล่อนออกไปแล้ว” หลินเซี่ยจ้องเฉินเจียเหอและตอบกลับด้วยน้ำเสียงห้วนกระด้าง
เฉินเจียเหอไม่เชื่อคำพูดของหลินเซี่ยทั้งหมด
“คุณไม่ใช่คนแบบนั้น” เขายิ้มอย่างอ่อนโยน พยายามทำความเข้าใจ “อย่าเพิ่งโมโหเลย บอกผมมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
หลินเซี่ยสูดหายใจลึกหลายครั้งเพื่อสงบสติอารมณ์ แล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านให้เฉินเจียเหอฟังทั้งหมด
“แม่คุณบอกว่าการที่เราคบหากับพี่สาวจาง ป้าหวัง และเพื่อนบ้านเก่า ๆ จะทำให้เราเสื่อมเสีย”
หลินเซี่ยมองเฉินเจียเหออย่างดุดัน ระบายความโกรธใส่เขา “ตระกูลเฉินของคุณเป็นตระกูลใหญ่ คุณเป็นวิศวกร พวกคุณมีระดับก็จริง แต่พวกเราก็อาศัยอยู่ในชุมชนเดียวกับพวกเขาไม่ใช่หรือ? คุณยังต้องทำงานร่วมกับพวกเขาด้วย ถ้าโรงงานรถยนต์ไม่มีคนงานธรรมดา แค่มีคุณคนเดียวที่เป็นวิศวกรจะทำสำเร็จหรือ?”
“ร้านตัดผมของฉัน ตอนเปิดใหม่ ๆ ก็ต้องพึ่งพาลูกค้าจากละแวกบ้านมาอุดหนุนเหมือนกันถึงจะอยู่รอดและเติบโตได้”
ตอนนี้ดูถูกว่าพวกเขามีระดับต่ำงั้นหรือ?
นี่มันไม่ใช่ทำลายสะพานข้ามแม่น้ำหลังจากข้ามไปแล้ว หรือฆ่าลาหลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้วหรอกหรือ?
สำคัญที่สุดคือเธอยังคงทำธุรกิจอยู่ ร้านอาหารของพ่อแม่เธอก็เปิดอยู่ในเขตโรงงานเก่า ลูกค้าก็เป็นคนธรรมดาทั่วไป
โจวลี่หรงเคยเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ต่อไปหล่อนจะได้รับเงินบำนาญและยังคงมองคนธรรมดาอย่างเหยียดหยามต่อไปได้ แต่พวกเขาทำไม่ได้
พวกเขาเองก็เป็นคนธรรมดา
เฉินเจียเหอได้ยินคำพูดของหลินเซี่ยแล้วก็รู้สึกอึดอัดใจมาก
แม่ของเขาเป็นคนแบบไหน ไม่มีใครรู้ดีไปกว่าเขา
ช่วงนี้หลินเซี่ยก็อดทนอย่างยากลำบาก เขาเองก็เคยแนะนำกับแม่อย่างอ้อม ๆ ให้กลับไปพักผ่อน
แต่หล่อนไม่ยอมไปเลย
แม้แต่ตอนไปซื้อของทำกับข้าว หล่อนก็จะรีบกลับมาอย่างเร่งรีบ ไม่ไว้ใจใครเลย
กับเพื่อนบ้านชั้นล่างก็เหมือนกัน ไม่เคยทักทายเลย
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เซี่ยเซี่ยทนไม่ไหวแล้ว วีนระเบิดฉ่ำๆ แตกเป็นแตก ไม่งั้นแม่สามีก็ไม่รู้ตัวสักที
ไหหม่า(海馬)
…………….