ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 706 ตั้งชื่อว่าเฉินจิ่งชู
…………….
ตอนที่ 706 ตั้งชื่อว่าเฉินจิ่งชู
เมื่อพูดถึงเรื่องของเสิ่นอวี้อิ๋ง ผู้เฒ่าเซี่ยก็รู้สึกเจ็บใจ
เขาบ่นกับเซี่ยหลานด้วยความโกรธ “แกก็ผิดด้วย ไม่รู้จักหาวิธีแก้ปัญหาอย่างอื่น เอาเด็กไปส่งที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเฉยๆ พวกแกนี่ช่างใจร้ายเหมือนกันนะ”
เรื่องที่เสิ่นอวี้อิ๋งมีลูกโดยไม่ได้แต่งงานกลายเป็นเรื่องน่าอับอายที่ยังเป็นปมในใจของผู้เฒ่าเซี่ยและภรรยาในทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้
พวกเขาเป็นถึงอาจารย์ผู้มีเกียรติทั้งคู่ ทำงานสอนหนังสือมาทั้งชีวิต
พอแก่ตัวมากลับเกิดเรื่องเสื่อมเสียชื่อเสียงแบบนี้ขึ้นในครอบครัว
ถึงเสิ่นอวี้อิ๋งจะติดคุกไปแล้ว แต่ก็ยังมีลูกสาวนอกสมรสอยู่ข้างนอก
ถ้าปัญหานี้ไม่รีบแก้ไข ก็จะกลายเป็นปัญหาในอนาคต
หากเด็กคนนั้นโตขึ้นแล้วจะอยู่อย่างไร
เป็นปัญหาทั้งนั้น
คำตำหนิของผู้เฒ่าเซี่ยทำให้เซี่ยหลานพูดไม่ออก
การที่ลูกสาวไม่ได้รับการอบรมสั่งสอนก็นับว่าผิดที่แม่
เสิ่นอวี้อิ๋งออกนอกลู่นอกทางมาถึงขั้นนี้ ในฐานะแม่แล้ว หล่อนไม่สามารถปฏิเสธเรื่องนี้ได้จริง ๆ
ในตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งกลับเข้าเมืองมาเรียนมัธยมปลาย หล่อนรู้สึกผิดกับเสิ่นอวี้อิ๋ง จึงพูดจากระทำต่อหล่อนอย่างระมัดระวังมาก
กลัวว่าจะทำให้เสิ่นอวี้อิ๋งรู้สึกไม่พอใจ
ในด้านการศึกษา นอกจากจะใช้เส้นให้หล่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยมต้นไห่เฉิงแล้ว ก็ดูเหมือนหล่อนจะไม่เคยทุ่มเทอะไรอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสิ่นอวี้อิ๋งที่แสดงออกต่อหน้าพวกเขาว่าเป็นคนเก็บตัวและอ่อนโยน ทำให้พวกเขารู้สึกราวกับว่าลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาช่างฉลาดและเอาใจใส่ผู้อื่น
แม้จะรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจก็ทำแค่น้ำตาคลอเท่านั้น หญิงสาวเช่นนี้จะมีอะไรที่ต้องอบรมสั่งสอน
เด็กสาวที่ดูอ่อนแอเช่นนี้ เบื้องหลังกลับเป็นคนใจร้ายและสำส่อนไปได้อย่างไร
หล่อนคิดไม่ตกจริง ๆ กับพฤติกรรมของเสิ่นอวี้อิ๋ง
เหมือนโดนของหรืออย่างไร
ผู้เฒ่าเซี่ยพูดว่า “เอาเถอะ มีเวลาก็ไปเยี่ยมหลานบ่อย ๆ ถ้ามีคนยินดีอุปการะ ก็ให้อุปการะไปเถอะ อย่างน้อยเด็กก็มีบ้าน”
เด็กตัวเล็กขนาดนั้นทำอะไรผิด ถึงต้องมาลืมตาดูโลกแล้วต้องถูกทอดทิ้งเช่นนี้
ชีวิตช่างไม่ยุติธรรม
“คุณพ่อ ฉันรู้แล้วค่ะ ฉันจะพูดกับสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเอง”
เซี่ยหลานวางสายแล้วก็เข้านอน แต่เป็นเพราะคำพูดของพ่อ ความคิดก็ฟุ้งซ่าน นอนไม่หลับอีกครั้ง
หมอเย่บอกว่าอย่าเอาความผิดของคนอื่นมาลงโทษตัวเอง คำพูดนั้นคือความจริง แต่เมื่อหล่อนเผชิญเรื่องนี้เข้ากับตัวเอง หล่อนกลับทำไม่ได้อย่างที่พูดเลย
ที่สำคัญคือ ตอนนี้หล่อนยังมีเรื่องแย่ ๆ อยู่มาก
ก่อนอื่นคือเรื่องลูกชาย หล่อนยังปิดบังเขาอยู่หลายเรื่อง
ทั้งเรื่องความผิดที่เสิ่นเถี่ยจวินก่อไว้ในตอนนั้นที่เกี่ยวกับเสิ่นอวี้อิ๋งลูกสาวแท้ ๆ ของเขา
กระทั่งเรื่องที่เสิ่นเสี่ยวเหมยพยายามทำลายชีวิตแต่งงานของหลินเซี่ย จนสุดท้ายต้องพาตัวเองเข้าไปพัวพัน ซึ่งหล่อนไม่ได้บอกเรื่องราวเหล่านี้กับเขาเลย
หล่อนตัดขาดจากเสิ่นเถี่ยจวินได้สนิท ไม่สนว่าเขาจะตายหรือรอดในคุก
แต่หล่อนอดเป็นห่วงลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไม่ได้
กังวลว่าหล่อนที่อยู่ในนั้นจะถูกรังแกหรือไม่ จะอดอยากและหนาวเหน็บหรือไม่
เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ ใจหล่อนก็เหมือนถูกมีดกรีดไปทั่ว
ในใจมีแต่ความขัดแย้ง
หล่อนรู้ว่าการที่เสิ่นอวี้อิ๋งลักพาตัวหู่จือคือการไปแตะต้องเส้นตายของตระกูลเฉิน และรู้ว่าเสิ่นอวี้อิ๋งต้องโดนพิพากษาลงโทษ 12 ปีจากหลาย ๆ ข้อหา ซึ่งต้องมีคนผลักดันอยู่เบื้องหลัง
แต่หล่อนไม่กล้าสืบหาความจริง และไม่สามารถทำเช่นนั้นได้
นั่นคือลูกสาวของหล่อน ซึ่งหล่อนก็เกือบจะฆ่าน้องชาย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนเป็นผลของการกระทำของหล่อนเอง
เช้าวันต่อมา เซี่ยหลานตื่นขึ้นมาพร้อมกับรอยคล้ำใต้ดวงตาอีกครั้ง
หลังไปถึงโรงพยาบาลตอนเช้าก็แวะไปดูหลินเซี่ย แล้วรีบไปทำงานต่อ
หลินเซี่ยสังเกตว่าวันนี้แม่บุญธรรมของเธอดูไม่ค่อยดีอีกแล้ว สีหน้าของหล่อนดูเหนื่อยล้า จนหลินเซี่ยอดเป็นห่วงเรื่องสุขภาพของเธอไม่ได้
ตอนที่เสิ่นอวี้หลงออกจากโรงพยาบาล หล่อนดูสดใสมาก ทำไมตอนนี้กลับมีรอยคล้ำใต้ตาอีกแล้ว?
ขณะที่กำลังคิดอยู่นั่นเอง ผู้เฒ่าเฉินก็มาพร้อมกับภรรยา
คนแก่ทั้งสองมาที่นี่เพื่อตั้งชื่อให้กับลูกเฉินเจียเหอ
คุณย่าเฉินยังถืออาหารมาฝากเฉินเจียเหอกับหลินเซี่ยด้วย
ผู้เฒ่าเฉินเดินเข้ามาในห้องผู้ป่วย จากนั้นก็หยิบซองจดหมายออกมาอย่างระมัดระวังแล้วดึงกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากซอง
เขาพูดกับหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอว่า “นี่คือชื่อที่ฉันกับพ่อของเธอคิดเอาไว้ให้กับหลาน ตั้งเอาไว้สองชื่อ พวกเราคิดว่าทั้งสองชื่อนี้ดีทั้งคู่ พวกเธอเป็นพ่อแม่ของเด็ก เธอทั้งคู่เป็นคนเลือกเองนะ”
“ขอบคุณค่ะคุณปู่”
เฉินเจียเหอ กางกระดาษที่พับไว้ออก
มีเขียนชื่อเอาไว้สองชื่อ
เฉินเชียนซวิน เฉินจิ่งชู
เฉินเจียเหอยื่นกระดาษแผ่นนั้นให้หลินเซี่ย
หลินเซี่ยอ่านแล้วสะดุดตากับชื่อจิ่งชู
“ดวงดาราสว่างไสว ไม่ลืมจิตใจดั้งเดิม”
พูดตามตรงแล้ว เธอชอบชื่อนี้เป็นพิเศษ
ยิ่งเมื่อฟังคุณปู่อธิบายเช่นนี้แล้ว
ส่วนชื่อเฉินเชียนซวินก็เพราะดีเช่นกัน ฟังดูยิ่งใหญ่และสง่างาม
เห็นได้ชัดว่าคุณพ่อและคุณปู่ต่างคาดหวังอย่างมากกับเด็กคนนี้ หวังว่าเขาจะสามารถแตกต่างและมีชื่อเสียงในอนาคต
“ที่รัก ชอบชื่อไหนล่ะ”
เฉินเจียเหอโยนความกดดันให้กับหลินเซี่ย ให้หลินเซี่ยเป็นคนเลือก
ผู้เฒ่าเฉินยืนดูอยู่ข้าง ๆ หลินเซี่ยกลัวว่าคุณปู่จะเข้าใจผิดคิดว่าตนเป็นใหญ่ในบ้านจึงได้ปฏิเสธว่า “คุณปู่เลือกเถอะค่ะ”
เฉินเจียเหอยิ้มมองหลินเซี่ย จากนั้นก็ตัดสินใจ “เอาชื่อจิ่งชูก็แล้วกันครับคุณปู่”
ผู้เฒ่าเฉินได้ยินเฉินเจียเหอพูดอย่างนั้นก็ยิ้มจนตาปิด “ตกลงเรียบร้อยแล้วนะ”
เฉินเจียเหอมองหลินเซี่ย เห็นว่าหลินเซี่ยมีรอยยิ้มอยู่ที่ใบหน้า ก็รู้ว่าหลินเซี่ยก็ชอบชื่อนี้เป็นอย่างมากเช่นกัน
เขาก็พยักหน้ายอมรับ “ครับ”
ก่อนหน้านี้สายตาของภรรยาก็หยุดอยู่ที่ชื่อนี้ เขาก็เข้าใจความหมายของเธอแล้ว
“ฮ่าๆ ฉันบอกแล้วว่าชื่อที่ฉันตั้งมันเพราะกว่า มีความหมายกว่า” ผู้เฒ่าเฉินมองพวกเขาด้วยสีหน้าค่อนข้างภูมิใจ “ชื่อ ‘จิ่งชู’ ฉันเป็นคนตั้ง ส่วน ‘เชียนซวิน’ พ่อของเธอเป็นคนตั้ง ฉันกลัวจะทำให้พวกเธอตัดสินใจลำบากเลยไม่กล้าเอ่ย”
ผู้เฒ่าเฉินรู้สึกมีความสุขมากที่หลานชายและหลานสะใภ้เลือกชื่อที่เขาตั้งให้
เฉินเจิ้นเจียงกลับอยากให้ลูกใช้ชื่อเฉินเชียนซวินมากกว่า
เมื่อคืนผู้เฒ่าเฉินกับเฉินเจิ้นเจียงเพิ่งจะมีปากเสียงกันในเรื่องนี้ไปเอง
ผู้เฒ่าเฉินคิดว่าเชียนซวินนั้นฟังดูเพราะและมีความหมายที่ดีมากก็จริง
แต่ถ้าตั้งชื่อให้ดูยิ่งใหญ่อลังการจนเกินไป ก็คงไม่ใช่เรื่องดี
กลัวว่าเด็กจะแบกรับมันไว้ไม่ได้
สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเด็กก็คือความปลอดภัยและความสุข ตราบใดที่เลี้ยงดูมาอย่างดี ทุกอย่างก็จะเป็นไปตามธรรมชาติ
ผู้เฒ่าเฉินพูดด้วยรอยยิ้ม “เดี๋ยวฉันจะบอกพ่อของเธอให้ว่าพวกเธอเป็นคนเลือกชื่อเอง ฉันไม่ได้ขู่บังคับ ไม่ได้ใช้ความอาวุโสมาอ้างเพื่อให้พวกเธอเลือกชื่อของฉัน”
เฉินเจียเหอพยักหน้า “คุณปู่วางใจได้เลยครับ พ่อผมต้องเข้าใจ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คุณแม่เซี่ยหลานไม่เครียดนะคะ อะไรจะเกิดก็ให้เกิดค่ะ อาจจะไม่เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้
ไหหม่า(海馬)
…………….