ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 700 เธอจะไม่มีลูกไม่ได้หรือ?
ตอนที่ 700 เธอจะไม่มีลูกไม่ได้หรือ?
…………….
ตอนที่ 700 เธอจะไม่มีลูกไม่ได้หรือ?
หลินเซี่ยมองเฉินเจียเหอที่กำลังถือชามรอป้อนซุปให้เธอ มองครอบครัวที่อยู่ในห้องเดียวกับเธอ ก่อนเหลือบมองลูกน้อยข้างกาย ในขณะนั้นเองเธอก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่ รู้สึกสุขใจมาก ชีวิตเธอในตอนนี้ช่างสมบูรณ์แบบเหลือเกิน
มีเพียงหู่จือที่ไม่อยู่ เธอจึงคิดถึงเขาขึ้นมา หากหู่จือรู้ว่าเด็กที่เพิ่งเกิดเป็นน้องชายไม่ใช่น้องสาว เขาจะผิดหวังไหม?
“ร้องไห้ทำไมเหรอ?” เฉินเจียเหอรีบวางชามลง เช็ดน้ำตาให้เธอ พร้อมทั้งเอ่ยปลอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ตอนนี้คุณเริ่มอยู่เดือนแล้วนะ ห้ามร้องไห้ มันไม่ดีต่อดวงตา”
หลินเซี่ยฝืนยิ้ม “ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่เห็นลูกแล้วตื่นเต้นนิดหน่อย”
“ผมก็ตื่นเต้นเหมือนกัน” เฉินเจียเหอก็รู้สึกตื่นเต้นมากเช่นกัน แต่ตอนนี้เขายังต้องดูแลภรรยาอยู่อย่างวุ่นวาย จนไม่ได้แสดงความดีใจออกมา
“มา กินข้าวก่อนนะครับ” เขาป้อนซุปร้อนให้หลินเซี่ยอย่างเบามือ
ทันทีที่รับประทานอาหาร ก็มีญาติๆ ฝ่ายแม่ตามมา
หลิวกุ้ยอิงกำลังถือเสื้อผ้าเด็กอ่อนและผ้าห่มที่ซื้อให้หลานตัวน้อย
ทันทีที่เข้ามา ทุกคนก็ตรงไปที่เตียงของลูกสาว คุณแม่เซี่ยเห็นหลานสาวหน้าตาซีดเซียวแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ ถามขึ้น “เซี่ยเซี่ย เป็นไงบ้าง คลอดง่ายหรือเปล่า”
“คุณย่า คลอดง่ายอยู่ค่ะ”
“ดีแล้ว ดีแล้ว” คุณแม่เซี่ยถอนหายใจ “ไม่งั้นหลานสาวฉันคงลำบากแน่”
เซี่ยไห่และเซี่ยเหลยพากันเดินเข้ามา เมื่อเห็นหลินเซี่ยกำลังกินข้าว เด็กน้อยนอนอยู่บนเตียง ทั้งแม่ทั้งลูกปลอดภัยดี ทั้งคู่ก็โล่งใจ
พวกเขาอยากดูหน้าหลาน เพียงแต่คนเยอะและวุ่นวายเกินไป
ทั้งห้องเต็มไปด้วยผู้คน จนทั้งหมอเย่และเซี่ยอวี่โดนกันมาอยู่ข้างนอก
พยาบาลเข้ามาบอกให้เหลือคนไว้เฝ้าแค่ไม่กี่คน ต่อไปเวลามาเยี่ยมก็ขอให้แยกกัน อย่ามะรุมมะตุ้มอยู่ด้วยกัน
เพราะเสียงจะดังเกินไป และอากาศก็ไม่ถ่ายเท
“ค่ำแล้ว กลับกันก่อนเถอะ” เฉินเจียเหอพูดกับเฉินเจิ้นเจียง “พ่อครับ พาพ่อตาแม่ยายไปกินข้าวข้างนอกเถอะ ทุกคนเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว กลับไปพักผ่อนกันเถอะ ผมจะดูแลเซี่ยเซี่ยกับลูกเอง”
หลิวกุ้ยอิงยืนกรานที่จะอยู่ดูแลหลินเซี่ย
ลูกสาวเพิ่งคลอด ร่างกายยังอ่อนแอมาก จำเป็นต้องมีหล่อนเป็นคนดูแล
ด้วยเกรงว่าหลินเซี่ยจะไม่กล้าใช้โจวลี่หรง ส่วนเฉินเจียเหอก็เป็นผู้ชาย บางเรื่องอาจจะมองข้ามหรือคิดไม่ถึง
ต้องให้หล่อนอยู่ดูแลด้วยถึงจะอุ่นใจ
ได้ยินเฉินเจียเหอบอกว่าไหว หลิวกุ้ยอิงก็แย้งกลับ “เธอดูแลคนเดียวยังพอไหว แต่ดูแลสองคนไม่ไหวหรอก แล้วเธอก็ไม่รู้วิธีดูแลเด็กแรกเกิดด้วย”
“แม่ยายคะ ฉันก็อยู่ที่นี่ด้วยค่ะ” โจวลี่หรงพูดด้วยรอยยิ้ม
“แม่ยาย ช่วงนี้คุณเหนื่อยมากแล้ว คุณดูแลช่วงอยู่เดือนหลังจากนี้เถอะค่ะ คืนนี้คุณกลับไปพักเถอะ เดี๋ยวฉันดูแลเอง พรุ่งนี้ฉันจะไปที่ร้านอาหารแล้วคุณก็มาสลับกับฉัน เรามาผลัดกันไม่งั้นร่างกายคุณจะแย่เอา”
เห็นหลิวกุ้ยอิงยังคงยืนกราน โจวลี่หรงก็ได้แต่พยักหน้า “เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
ทุกคนต่างผลัดกันดูก่อนจะแยกย้ายจากกันไปอย่างไม่เต็มใจ
ก่อนที่โจวลี่หรงจะไป หล่อนหันไปมองหลิวกุ้ยอิงด้วยความเป็นห่วง “แม่ยาย อย่าลืมเอาน้ำให้เด็กกินหน่อยนะคะ ส่วนนมผงวางอยู่บนโต๊ะแล้วค่ะ”
โจวลี่หรงหันไปสั่งหลินเซี่ย “เซี่ยเซี่ย ลองให้นมกับลูกดูนะ ถ้าเขายอมดูดแล้ว”
“ได้ค่ะ”
เซี่ยเหลยวิ่งมาหาหลินเซี่ย มองเธอด้วยความรักใคร่ เขาจ้องอยู่นานก่อนจะพูดว่า “ลูกดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็เรียกเจียเหอหรือแม่ก็ได้ อย่าให้ตัวเองเหนื่อยนะ”
“พ่อคะ สบายใจได้ ฉันแค่ต้องนอนพัก ไม่มีทางเหนื่อยหรอก กลับไปพักเถอะค่ะ”
คนทั้งสองบ้านก็ได้แยกย้ายกันไป ส่วนเย่ไป๋ก็ต้องไปทำงานตอนกลางคืน เขาเลยจะไปส่งเซี่ยอวี่กลับก่อน
เมื่อนึกได้ว่าในท้องของแฟนสาวเขาก็อาจกำลังมีชีวิตน้อยๆ เขาก็ตื่นเต้นไปด้วยว่าจะได้เป็นคุณพ่อแล้ว แน่นอนว่าเขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับเซี่ยอวี่ เขาจึงรู้สึกกังวลใจอยู่บ้าง
หลังขึ้นรถแล้ว เย่ไป๋ก็อดไม่ได้ที่จะคุยเรื่องนี้กับหล่อนต่อ “เซี่ยอวี่ วันนี้คุณเห็นลูกของเซี่ยเซี่ยแล้วรู้สึกยังไง”
เซี่ยอวี่พูดว่า “ตอนที่เซี่ยเซี่ยเข้าห้องคลอด ฉันกลัวนิดหน่อย”
เป็นห่วงหลานสาวมาก
ในขณะเดียวกันก็อดคิดถึงตัวเองไม่ได้
เซี่ยเซี่ยยังสาว ร่างกายแข็งแรง คลอดลูกง่าย
เวลาทรมานสั้น เข้าไปสี่สิบนาทีก็คลอดแล้ว
ถ้าเป็นหล่อนที่อายุมากแบบนี้ล่ะ
อนิจจา! แม้แต่การตั้งครรภ์ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
เซี่ยอวี่ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย
หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าตัวเองจะต้องมานั่งทุกข์ใจกับเรื่องแบบนี้
เย่ไป๋เห็นว่าเซี่ยอวี่มีสีหน้าครุ่นคิด เขาคิดว่าหล่อนคงกลัวความเจ็บปวดจากการคลอดบุตร จึงเอื้อมมือไปจับมือหล่อนและยิ่งไม่มีความกล้าที่จะบอกว่าหล่อนอาจตั้งครรภ์
กลัวว่าหล่อนจะกังวล
แต่ถึงเขาจะไม่พูด ก็ปิดบังความจริงไม่ได้อยู่ดี
ถ้าหล่อนตั้งครรภ์จริง อย่างช้าก็แค่เดือนเดียว หล่อนก็จะมีอาการแพ้ท้อง
“เสี่ยวไป๋ คุณเห็นเด็กคนนั้นไหม น่าเกลียดอะไรอย่างนี้”
เซี่ยอวี่เพิ่งเคยเห็นเด็กเพิ่งคลอดเป็นครั้งแรก
ที่บ้านหล่อนไม่มีใครมีลูก ดังนั้นหล่อนจึงไม่มีประสบการณ์ในเรื่องนี้
ตอนที่แสดงละคร ทีมงานจะหาเด็กทารกแรกเกิดมาให้ ซึ่งเด็กเหล่านั้นล้วนแต่ขาวอวบและยิ้มแย้มได้แล้ว
ทำให้หล่อนคิดว่าเด็กแรกเกิดทุกคนจะเป็นแบบนั้น
วันนี้ได้เห็นกับตา ก็เลยรู้ว่าไม่เป็นอย่างนั้น
เย่ไป๋อธิบายให้หล่อนฟัง “เพิ่งคลอดก็เป็นแบบนี้ ถูกบีบตอนคลอด ผ่านไปอีกไม่กี่วันก็จะเปลี่ยนไปอีกแบบแล้ว”
“อ๋อ เป็นแบบนี้เอง”
เซี่ยอวี่พูดพลางหัวเราะ
“ฉันบอกแล้วไง เจียเหอกับเซี่ยเซี่ยหน้าตาดีกันทั้งคู่ ลูกของทั้งคู่ไม่น่าจะออกมาแบบนั้นได้”
แววตาของเย่ไป๋เปลี่ยนไปเล็กน้อย พลางพูดพลางยิ้ม “เราสองคนหน้าตาดีกว่าพวกเขาอีก ลูกของเราจะต้องหน้าตาดีแน่ๆ”
“แล้วถ้า…ไม่มีลูกล่ะ” เซี่ยอวี่กลืนน้ำลายลงคอ มองไปทางเขา แววตาแฝงไปด้วยความกังวล
เย่ไป๋ยิ้ม “ก็ไม่เป็นไร ปล่อยไปตามธรรมชาติ”
รถของเย่ไป๋ตามหลังรถของเซี่ยไห่มาตลอด เมื่อส่งเซี่ยอวี่ถึงที่แล้วก็กล่าวทักทายเซี่ยเหลยกับพวกเขา แล้วก็วกกลับไปที่โรงพยาบาล
คืนนี้ทั้งสองครอบครัวต่างมีความสุขที่ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่
โจวลี่หรงซึ่งเป็นคุณย่าของเด็กกลับถูกลดตำแหน่งให้กลับบ้านไปพักผ่อน แต่หล่อนไม่มีอาการง่วงนอนเลย สิบโมงแล้วก็ยังคงเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน
เฉินเจิ้นเจียงเห็นหล่อนไม่ยอมเข้านอน ยังคงเดินไปเดินมราวกับร้อนใจ จึงถามว่า “เป็นอะไร”
โจวลี่หรงสีหน้าจริงจัง “ฉันกลัวคุณแม่ของเซี่ยเซี่ยไม่มีประสบการณ์ และจะเลี้ยงเด็กไม่เป็น”
เฉินเจิ้นเจียงรู้สึกพูดไม่ออก “คุณ หล่อนก็เลี้ยงลูกของหล่อนเองมาแล้วถึงสามคน จะไม่มีประสบการณ์ได้ยังไง”
โจวลี่หรงสีหน้าลำบากใจ ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยปาก “หล่อนมีประสบการณ์ก็จริง แต่ฉันว่าประสบการณ์ของหล่อนอาจจะไม่เหมาะกับเด็กยุคนี้”
โจวลี่หรงรู้ดีว่าผู้หญิงชนบทเลี้ยงลูกแบบไหน
หล่อนจำได้ดีว่าแม้แต่หวังอวี้เสียน้องสะใภ้ของหล่อนที่เป็นเจ้าหน้าที่ในอำเภอก็ยังไม่ค่อยใส่ใจเรื่องสุขอนามัย ตอนที่ให้นมลูก หล่อนจะเอาจุกนมเข้าปากตัวเองก่อนเพื่อทดสอบอุณหภูมิ ไม่มีการเช็ดใดๆ เสร็จแล้วก็เอาเข้าปากลูกเเลย
และตอนที่ลูกโตขึ้นมาหน่อย คุณแม่ของหล่อนก็เลี้ยงหลานโดยการบดมันฝรั่งในปากตัวเอง แล้วป้อนให้หลาน
โจวลี่หรงคิดว่าหลิวกุ้ยอิงอาจมีนิสัยแบบนี้ หล่อนจึงอยู่ไม่สุข อยากจะรีบวิ่งไปที่โรงพยาบาลเพื่อไปแทนที่หลิวกุ้ยอิงเสียเดี๋ยวนี้
“คุณนี่นะ ช่างเป็นคนคิดมากเสียจริง” เฉินเจิ้นเจียงปิดไฟ “นอนเร็วๆ พรุ่งนี้ตื่นเช้าๆ จะได้ไปส่งข้าวให้ลูกสะใภ้”
โจวลี่หรงถูกเฉินเจิ้นเจียงไล่ให้ขึ้นเตียง แต่หล่อนกลับรู้สึกไม่ง่วงนอน
หล่อนเปิดโคมไฟข้างหัวเตียงอีกครั้ง แล้วก็เสนอแนะเฉินเจิ้นเจียง “ไม่งั้นคุณโทรศัพท์ไปถามเจียเหอสิ ว่าลูกได้กินนมหรือยัง”
“ไม่ต้องถามหรอก เขาดูแลดีอยู่แล้ว” เฉินเจิ้นเจียงตอบ “เจียเหออายุสามสิบกว่าแล้ว ให้เขาได้คิดเอง ลูกหลานโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว เรื่องแบบนี้ไม่ต้องให้พ่อแม่กำชับ ญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายโน้นก็ดูแลเขาดีอยู่แล้ว เขาไม่ได้ให้เราไปยุ่งเรื่องแต่งงานของเขา เขาแต่งงานกับคนที่เขาพึงพอใจแล้ว และครองคู่กันอย่างมีความสุข
ความจริงได้พิสูจน์แล้วว่าผู้ใหญ่ยิ่งไม่ยุ่งเรื่องของเด็ก ก็จะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
รอลุ้นนะคะคุณอาเซี่ยอวี่ ว่าจะมีลูกจริงหรือเปล่า
คุณแม่ก็กังวลเกินไป บ้านแม่เขาไม่เลี้ยงลูกแบบตามมีตามเกิดหรอก
ไหหม่า(海馬)
…………….