ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 698 กำลังจะคลอดแล้ว
ตอนที่ 698 กำลังจะคลอดแล้ว
…………….
ตอนที่ 698 กำลังจะคลอดแล้ว
เมื่อถึงหน้าร้านอาหารรถยนต์ก็หยุดลง เย่ไป๋รีบลงจากรถและตรงไปที่ร้านอาหาร
เซี่ยไห่ก็ตามไปด้วย เขาไม่ได้เจอพี่สาวมานานแล้ว
พอลงไปจึงได้เห็นว่าร้านอาหารแน่นขนัด ลูกค้ากำลังรับประทานอาหาร เซี่ยอวี่พับแขนเสื้อและกำลังเก็บชาม
เพราะเซี่ยอวี่มารับประทานอาหารที่ร้านบ่อยๆ และช่วยงานตอนร้านยุ่งๆ แขกที่มารับประทานอาหารแถวนั้นก็เลยชินแล้ว
ไม่ตื่นเต้นเหมือนตอนที่เห็นหล่อนครั้งแรก
เย่ไป๋เห็นดังนั้นก็รีบเดินเข้าไป รับชามที่เปื้อนน้ำมันในมือของหล่อนมา
“ให้ผมทำเอง”
เย่ไป๋รับช่วงต่อหน้าที่ของหล่อน และให้หล่อนออกไปรับลมข้างนอก
เซี่ยอวี่เห็นเย่ไป๋กลับมาอีกครั้งก็ไม่เกรงใจ เช็ดเหงื่อแล้วก็ออกจากร้านอาหาร
พอออกไปก็เจอเซี่ยไห่ที่แต่งตัวจัดเต็ม
เซี่ยไห่รำคาญที่ในร้านอาหารร้อนเกินไป จึงมายืนอยู่ข้างนอก ไม่เข้าไป
“พี่กลับมาแล้วทำไมไม่บอกผมล่วงหน้า” เซี่ยไห่บ่นอุบอิบ มองหล่อนด้วยสายตาตำหนิ
ช่างเลือกที่รักมักที่ชังเสียจริง
มีเรื่องอะไรก็บอกแต่เย่ไป๋ แต่ไม่ยอมบอกเขา
เซี่ยอวี่ใช้มือพัดไล่ความร้อน “ทำไมฉันต้องรายงานทุกเรื่องให้นายรู้ล่ะ นายสำคัญกับฉันขนาดนั้นเลยเหรอ?”
เซี่ยไห่ “!!!”
เขาอดทนถามต่อ “แล้วลินดาอยู่ไหน”
เซี่ยอวี่ตอบกลับ “อีกสองสามวันถึงจะกลับ ส่วนอวี่เฟยยังอยู่กองถ่าย อีกสองสามวันถึงจะกลับด้วยกัน”
เซี่ยอวี่หาบทบาทตัวประกอบเล็กๆ ให้กับเจียงอวี่เฟยได้ แม้มีแค่ไม่กี่ฉาก แต่ก็ถือว่าดีกว่าตัวละครสมทบเล็กน้อย เมื่อวานเจียงอวี่เฟยเพิ่งจะไปถ่าย ลินดาก็ไปด้วย พวกหล่อนเลยยังไม่กลับ
เซี่ยอวี่มองเข้าไปในร้านอาหาร เย่ไป๋ยังคงทำงานอยู่ หล่อนเลยหันไปสั่งเซี่ยไห่ “เข้าไปช่วยล้างจานหน่อยสิ วันนี้คนเยอะ”
“ไปทำไม ฉันมีธุระตั้งเยอะแยะ” ประเด็นคือเขาแต่งตัวแบบนี้ จะให้เขาไปเก็บจาน เช็ดโต๊ะได้อย่างไร
เซี่ยอวี่เหลือบมองเขาอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้บังคับต่อ
อย่างไรเขาก็เหมือนหล่อน ไม่ได้เกิดมาเพื่อทำงานอยู่แล้ว
เย่ไป๋เช็ดโต๊ะที่ว่างอยู่หลายตัว พอดีกับเซี่ยเหลยเดินออกมา อธิบายว่า
“วันนี้พนักงานเสิร์ฟลาป่วย คุณยายท่านก็ตามพี่สะใภ้ไปซื้อของ ช่วงนี้ร้านอาหารคนเยอะเกินไป เสี่ยวอวี่ช่วยรับมือทีนะ”
เย่ไป๋ยิ้ม “พี่ใหญ่ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมทำให้”
พอแขกในร้านเริ่มทยอยกันออกไปแล้ว เซี่ยเหลยก็บอกให้เย่ไป๋ออกไปพักผ่อน
แม้ว่าในร้านอาหารจะมีพัดลม แต่ก็ยังร้อนอบอ้าวมาก และเพราะเหน็ดเหนื่อยจากการทำงาน หน้าผากของเย่ไป๋จึงมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นมา
ตอนที่เขาเดินออกมา เซี่ยไห่ก็ได้ไปที่ร้านเต้นรำแล้ว
มีเพียงเซี่ยอวี่ที่ยืนอยู่ที่นั่นคุยกับคุณน้าร้านข้างๆ
เซี่ยอวี่มักจะมาที่ร้านอาหาร บรรดาเพื่อนบ้านละแวกนั้นรู้จักหล่อนดี ช่วงแรกๆ ยังเข้ามาขอถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ตอนนี้เพื่อนบ้านส่วนใหญ่ถ่ายรูปกับหล่อนไปหมดแล้ว จึงไม่มีใครเข้ามาสนใจแล้ว
พอเห็นเย่ไป๋เดินออกมา หล่อนก็วิ่งไปซื้อหวานเย็นแท่งจากลุงที่ขายอยู่ข้างทางมา 2 แท่ง
“หวานเย็นน้ำตาลขาว รีบกินสิ”
เย่ไป๋มองหล่อนเหมือนมองเด็กสาวคนหนึ่ง ตาของหล่อนเป็นประกายระยิบระยับมองเขาด้วยความคาดหวัง ทำให้เขารู้สึกหัวใจละลาย
เขารับมาอย่างว่าง่าย แล้วกัดหนึ่งคำ
หวานจริง ๆ
หอมหวานเย้ายวนเหมือนริมฝีปากของหล่อนเลย
เย่ไป๋จับมือหล่อน “ไปกันเถอะ ผมจะพาคุณไปเที่ยว”
“คิดถึง” เย่ไป๋จ้องมองหล่อนด้วยความรัก เสียงแหบพร่า
เขาไม่รอช้า ดึงเธอเข้ามาสวมกอด
แล้วจูบนุ่ม ๆ ที่หน้าผาก
เซี่ยอวี่งุนงงกับการกระทำที่ไม่คาดคิดของเขา
เมื่อคืนที่เขาขับรถมาพบหล่อนที่กองถ่ายก็เป็นแบบนี้ กอดหล่อนไว้แน่น พูดจาซึ้งๆ ว่าคิดถึงคุณ รักคุณ
หลังจากกอดกันทั้งคืน เช้ามาทุกอย่างดูเป็นปกติ แต่ทำไมตอนนี้ถึงมีเรื่องน่าประหลาดใจแบบนี้เกิดขึ้นอีก?
หล่อนที่มัวแต่กินไอศกรีมอยู่ เลยผลักเขาออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว
“เลิกพูดจาหวานๆ ได้แล้ว รอให้ฉันกินไอติมหมดก่อน”
“ต้องกินของเย็นน้อยๆ ไม่งั้นท้องจะเสีย”
เซี่ยอวี่กินอย่างเอร็ดอร่อย “อากาศร้อนขนาดนี้ไม่กินไอติม เดี๋ยวคอก็แห้งผากหรอก”
หล่อนรู้สึกว่าตัวเองอ่อนแอลงทุกวันๆ แค่ช่วยเก็บจานไม่กี่ใบก็เกือบจะทนความร้อนในร้านอาหารไม่ไหว
พี่ชาย พี่สะใภ้ทำงานในครัวทั้งปี แต่ไม่เคยบ่นว่าเหนื่อย
“เดือนที่แล้วรอบเดือนมาปกติไหม” เย่ไป๋ถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เซี่ยอวี่ที่กินไอติมเพลินๆ มองมาที่เขา “ทำไมถึงต้องถามเรื่องนี้? คุณจำอะไรไม่ได้เลยเหรอ?”
เขาจำได้ดีกว่าหล่อนเสียอีก ผู้ชายตัวโตต้องมานั่งจำเรื่องรอบเดือนของผู้หญิง หล่อนยังเคยแซวเขาเลยว่าเขาจดจำประจำเดือนคนไข้ด้วยไหม
เย่ไป๋พูดว่า “เดือนที่แล้วคุณไม่อยู่ไห่เฉิง ผมเลยถามว่าปกติดีไหม”
“ฉันลืม เดือนที่แล้วถ่ายละครทั้งวันทั้งคืน มัวแต่จำบท ไม่ได้สนใจเรื่องนั้นเลย”
คำตอบของเซี่ยอวี่ ทำให้เย่ไป๋ปวดหัว
แบบนี้เขาจะนับรอบเดือนได้อย่างไร
เขาไตร่ตรองสักครู่ มองไปที่เซี่ยอวี่แล้วค่อยๆ เอ่ยถามอย่างชักชวน “เซี่ยอวี่ ถ้าอย่างนั้นช่วงนี้มีเวลาว่าง เราไปจดทะเบียนสมรสกันไหม”
“จดทะเบียนสมรสเหรอ?” เซี่ยอวี่เอ่ยถามอย่างฉงน “ไม่ใช่ตกลงกันไว้เหรอว่ารอฉันถ่ายละครจบก่อน”
เย่ไป๋หัวเราะพลางพูดอย่างเรียบง่าย “ผมคิดอยู่ว่าตอนนี้กำลังว่างพอดี”
“ฉันอยากไปจดทะเบียนที่ต่างประเทศ คุณมีเวลาไหม” เซี่ยอวี่ถาม
เย่ไป๋ไม่ต้องคิด ก็บอกทันที “ผมขอลาพักได้”
ไม่ว่าจะไปจดที่ไหน ขอแค่หล่อนพยักหน้า ต่อให้เขาต้องลางาน เขาก็ต้องไป
คำตอบของเขาก่อให้เกิดความประหลาดใจในใจของเซี่ยอวี่ หล่อนมองเขาอย่างสงสัย “คุณรีบร้อนอะไรขนาดนั้น”
“ก็แค่คิดว่าเราคงต้องแต่งงานกันได้แล้ว”
“เซี่ยอวี่ ถ้าหากว่า…ถ้าหากว่าหลังจากแต่งงานกันแล้ว พวกเราควรวางแผนเรื่องการมีลูกไว้ในลำดับถัดไปหรือเปล่า”
เย่ไป๋ถาม พลางมองหล่อนอย่างกระวนกระวาย รอคอยปฏิกิริยาจากหล่อน
เมื่อได้ยินเขาพูดถึงเรื่องมีลูก ไอศกรีมในมือของเซี่ยอวี่ก็ไม่อร่อยขึ้นมาทันที ดวงตาของหล่อนสั่นระริก เอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ “คุณพูดแบบนี้… ฉันอายุเท่านี้แล้วนะ ฉันจะยังมีลูกได้อีกหรือ”
เย่ไป๋ “!!!”
หล่อนจึงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม “หากฉันมีลูกไม่ได้ คุณจะรังเกียจฉันไหม จะเลิกกับฉันไหม”
หนุ่มสาววัยใกล้หลักสี่ต่างมีความกังวลในใจ มีเรื่องราวในใจและกำลังเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เย่ไป๋รีบส่ายหัว “ไม่มีทาง”
“ตอนนี้ก็ยังพูดได้ แต่อนาคตเปลี่ยนได้เสมอ”
เซี่ยอวี่หรี่ตามองต่ำ ถอนหายใจ “คุณรู้ไหมว่าหนังที่ฉันไปแสดงเรื่องนี้เนื้อเรื่องเกี่ยวกับอะไร เนื้อเรื่องคือภรรยาหลวงมีลูกไม่ได้ พระเอกอายุสี่สิบกว่าๆ อยากมีลูกชาย จึงแอบไปมีลูกกับคนรับใช้”
หล่อนโมโหทุกครั้งที่พูดถึงบทนี้ “นักเขียนบทสมัยนี้คิดอะไรอยู่ถึงเขียนบทไร้สาระแบบนี้ ฉันรู้สึกแย่ทุกครั้งที่แสดง ฉันยังคิดเลยว่าฉันแสดงดีเกินไปหรือเปล่า ฉันถึงรู้สึกอินมากขนาดนี้”
ตอนที่อ่านบทก็รู้สึกเฉยๆ แต่พอถึงเวลาแสดง กลับเข้าถึงบทบาทมากเกินไปจนออกจากตัวละครไม่ได้
ประเด็นสำคัญคือตัวละครนางเอกในเรื่องมีอายุเท่ากับหล่อนพอดี
หล่อนต้องท่องจำบทพูดที่บาดลึกจิตใจเหล่านั้นไปพร้อมกับจินตนาการว่าเป็นตัวเอง
พูดตามตรง ถึงหล่อนจะเป็นดาราดังที่มีผู้คนชื่นชอบมากมาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นก็มีเรื่องให้กังวลใจมากมายให้หงุดหงิด
ตัวอย่างเช่น หลังจากที่หล่อนแสดงหนังเรื่องนี้แล้ว ด้วยความดื่มด่ำในบทบาท หล่อนก็มักจะคิดไปเองว่าหากหล่อนไม่มีลูกกับเย่ไป๋ แล้วเย่ไป๋มีชื่อเสียงในแวดวงแพทย์มากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อโตขึ้น ประสบความสำเร็จในอาชีพการงานแล้ว เขาจะรังเกียจหล่อนไหม เสียใจไหมที่ตอนนั้นไม่ได้หาสะใภ้คนที่สวยกว่านี้
หล่อนมองเย่ไป๋ด้วยสีหน้าหม่นหมอง พลางพึมพำ “คนเราเปลี่ยนแปลงได้ ตอนนี้คุณยังไม่รู้ความคิดของตัวเองในอนาคตหรอก”
“ความคิดของผมจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง ผมเคยบอกแล้วว่าในใจผม คุณเป็นที่หนึ่งตลอดไป” เย่ไป๋ คว้ามือของหล่อนไว้ แล้วยืนกรานด้วยสีหน้าจริงจัง “เซี่ยอวี่ อย่าคิดมากเลย ร่างกายคุณไม่มีปัญหา คุณต้องมีลูกได้แน่ ขึ้นอยู่กับตัวคุณแล้วว่าอยากมีไหม”
เซี่ยอวี่ดูสับสน
หล่อนอยากมีไหม
แต่ก่อนหล่อนไม่คิดอะไรกับการมีลูกเลย แม้แต่การแต่งงานก็ไม่ได้คาดหวังอะไร
พอคบหากันไป ความคิดและมุมมองบางอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป
ขณะที่กำลังคุยกันอยู่ เย่ไป๋ก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินเจียเหอ
เสียงของเฉินเจียเหอฟังดูร้อนรน จึงถามว่าเขาอยู่ที่ไหน
“เหล่าเฉินมีอะไรหรือ?”
“ได้ ผมจะรีบไปเลย”
เย่ไป๋รีบวางสาย แล้วอธิบายกับเซี่ยอวี่ “เซี่ยเซี่ยกำลังจะคลอดแล้ว ผมต้องรีบไปติดต่อหมอที่โรงพยาบาล”
เซี่ยอวี่เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าตึงเครียดขึ้นทันที “ฉันจะไปด้วย”
เย่ไป๋ขับรถไปที่หน้าโรงพยาบาลในเมืองไห่เฉิง หมอสูติฯ กำลังรออยู่
ไม่นาน เฉินเจียเหอก็ขับรถของเซี่ยไห่มา
โจวลี่หรงประคองหลินเซี่ยซึ่งสีหน้าดูเจ็บปวดแสนสาหัส
เฉินเจียเหอลงจากรถ แล้วรีบไปเปลี่ยนแม่ของเขา เขาอยากจะอุ้มหลินเซี่ย แต่หลินเซี่ยก้มตัวลงเพราะบอกว่าปวดท้อง
ก่อนย้ายผู้ป่วยขึ้นเปลหาม แล้วเข็นเข้าไปในห้อง
ทุกคนไม่มีเวลาพูดอะไร รีบเร่งตรงไปยังห้องคลอดด้วยความรีบร้อน
หมอตรวจแล้วบอกว่าปากมดลูกยังไม่เปิดและต้องรอ
เย่ไป๋ช่วยจัดการเรื่องการเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล หลินเซี่ยถูกจัดให้เข้าไปในห้องพิเศษที่จองไว้ล่วงหน้า
หลินเซี่ยเอนซบอยู่กับตัวเฉินเจียเหอ ตอนนี้สีหน้าของเฉินเจียเหอดูเจ็บปวดมากกว่าหลินเซี่ยเสียอีก
เขาเกลียดที่ไม่สามารถรับความเจ็บปวดนี้แทนหลินเซี่ยได้
“คุณอา คุณกลับไปพร้อมหมอเย่ก่อนเถอะค่ะ”
หลินเซี่ยพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนแอและเจ็บปวด เธอเป็นห่วงว่าเซี่ยอวี่จะเห็นเธอเจ็บปวดแล้วจะกลัวฝังใจ ไม่กล้ามีลูกอีก
“เตรียมพร้อมคลอดแล้ว เข้าไปในห้องคลอดได้เลย”
พอหลินเซี่ยเข้าไป ประตูห้องคลอดก็ปิดลง
เฉินเจียเหอกับทุกคน รอคอยอย่างใจจดใจจ่อด้วยความหวัง
สีหน้าของทุกคนตึงเครียด กังวล ทั้งที่เฝ้ารอคอยสมาชิกใหม่ แต่ในเวลานี้กลับกังวลเรื่องความปลอดภัยของหลินเซี่ยมากกว่า
เฉินเจียเหอมองนาฬิกาครั้งแล้วครั้งเล่า รู้สึกราวกับว่าเวลาหยุดนิ่ง
ในที่สุดหลังจากการรอคอยอันยาวนานถึงสี่สิบนาที ประตูห้องคลอดก็เปิดออก
“ญาติของคุณหลินเซี่ยอยู่ไหนคะ”
เฉินเจียเหอและโจวลี่หรงวิ่งเข้าไปพร้อมกัน
“ขอแสดงความยินดีด้วย เป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนจ้ำม่ำสมบูรณ์ดีค่ะ” พยาบาลยื่นเด็กน้อยให้เฉินเจียเหอ
“ภรรยาของผมเป็นอย่างไรบ้าง” เฉินเจียเหอรีบถาม
“คุณแม่จะตามออกมาในอีกสักครู่ ภรรยาคุณยังสาว ออกกำลังกายบ่อย ร่างกายแข็งแรง ฟื้นตัวเร็ว จึงคลอดได้ง่ายกว่าคนอื่นที่คลอดลูกคนแรกค่ะ” พยาบาลตอบ
เฉินเจียเหออุ้มเด็กน้อยไว้ ยิ้มมองเด็กน้อยตัวแดงๆ คนนั้นด้วยดวงตาแดงก่ำ
เขาไม่ได้รู้สึกผิดหวังเลยที่เพศของลูกไม่เป็นอย่างที่คาดหวัง
คนรักของเขาอุ้มท้องสิบเดือน เจ็บปวดจากการคลอดลูก เขาจะรักและดูแลลูกน้อยที่เกิดมาอย่างสุดหัวใจ ไม่ว่าจะเกิดมาเพศไหนก็ตาม
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ถึงจะไม่ได้ลูกสาวตามที่คาดหวังไว้ แต่ยังไงเขาก็เป็นลูกเราล่ะนะพี่เหอ
ไหหม่า(海馬)
…………….