ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 697 อุปกรณ์คุมกำเนิดคุณภาพแย่เกินไป
ตอนที่ 697 อุปกรณ์คุมกำเนิดคุณภาพแย่เกินไป
……….
ตอนที่ 697 อุปกรณ์คุมกำเนิดคุณภาพแย่เกินไป
เย่ไป๋ได้ยินคำพูดของหมอเย่แล้วก็อึ้งอยู่หลายวินาที กว่าจะคิดออกว่าสัญญาณมงคลมีหมายความว่าอย่างไร
“เป็นไปไม่ได้หรอกมั้งครับ?” ใบหน้าหล่อเหลาของเย่ไป๋เผยสีหน้าตกใจ มองหมอแผนจีนเย่ด้วยสีหน้าไม่อยากเชื่อ
ตั้งแต่เซี่ยอวี่ถูกว่าที่แม่ยายพาตัวมาตรวจชีพจรที่บ้านของหมอเย่เมื่อครั้งก่อน หล่อนก็บอกว่าตนรู้สึกขายหน้า เขาจึงระมัดระวังและรอบคอบมากในเรื่องนี้
ทุกครั้งที่ทำก็มีการป้องกัน
อีกทั้งพวกเขายังไม่ได้เจอกันบ่อยนัก
แล้วเกิดเรื่องไม่คาดฝันแบบนี้ขึ้นได้อย่างไร?
เป็นเพราะอุปกรณ์คุมกำเนิดมีคุณภาพแย่เกินไป หรือว่าเขาแข็งแรงเกินไป?
“ฉันก็ไม่กล้ายืนยัน แต่ดูจากลักษณะชีพจรแล้วมันคล้ายมาก อาจจะเป็นเพราะเพิ่งจะตั้งครรภ์ได้ระยะหนึ่งเลยยังตรวจไม่พบ”
เมื่อหมอเย่อธิบายอย่างนี้ เย่ไป๋ก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อวันก่อนคุณปู่รองถึงต้องใช้เวลาตรวจชีพจรเซี่ยอวี่นานขนาดนั้น
หากชายชราบอกว่ามีสัญญาณมงคล จากสิบครั้งก็คงจะคลาดเคลื่อนไม่เกินแปดหรือเก้าครั้ง
“ฉันเป็นแค่ตาแก่คนหนึ่ง จะถามละลาบละล้วงในเรื่องนี้กับดาราดังได้ยังไงล่ะ” หมอแผนจีนเย่มองเย่ไป๋ที่ยังนั่งประมวลสารที่ได้รับด้วยความรำคาญ “ทำไมเธอทำสีหน้าแบบนั้นล่ะ หรือว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ลูกของเธอ?”
เย่ไป๋ “!!!”
เขาหันกลับมาเอ่ยเตือนด้วยใบหน้าเรียบเฉย “ปู่รอง ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย”
“เธอเรียนกับฉันมานานแล้ว แต่ทำไมไม่พัฒนาเลย? ไม่ได้ตรวจชีพจรหล่อนดูเลยเหรอ?” หมอเย่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ ด้วยกลัวว่าศาสตร์แพทย์แผนจีนของตนจะไม่มีผู้สืบทอด
เย่ไป๋รู้สึกละอายเล็กน้อย
ศาสตร์แพทย์แผนจีนไม่ได้เข้าใจได้ง่ายๆ ในชั่วข้ามคืน แถมเขาก็เรียนไปด้วยทำอย่างอื่นไปด้วย
“จากประสบการณ์ของฉัน มีโอกาสสูงมากที่หล่อนจะตั้งท้อง แต่เวลายังน้อยเกินไป พวกเธอต้องระวังตัวให้มากขึ้น และหากหล่อนท้องจริง คงต้องรีบวางแผนแต่งงานให้เร็วเท่าที่จะเร็วได้”
ไม่ว่าสถานะจะเป็นอย่างไร อายุเท่าใด การมีลูกก่อนแต่งงานก็เป็นอะไรที่ไม่ดีต่อชื่อเสียงวันยังค่ำ
ยิ่งถ้าเป็นบุคคลสาธารณะด้วยแล้ว
เย่ไป๋พยักหน้า “ปู่รอง ผมเข้าใจแล้ว”
อารมณ์ของเย่ไป๋เหมือนรถไฟเหาะ เดี๋ยวขึ้นเดี๋ยวลงภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง
จากความรู้สึกหนักใจตอนที่เพิ่งเข้ามา ได้แปรเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นและดีใจในตอนนี้
เป็นเพราะตื่นเต้นเกินไป ตอนออกจากบ้านเขาเลยไม่มองทางจนเกือบสะดุดไม้กวาดของเอ้อร์เลิ่งที่วางไว้บนขั้นบันได
เอ้อร์เลิ่งเห็นดังนั้นก็รีบก้มลงเก็บไม้กวาดขึ้น ส่งยิ้มเขินๆ พร้อมกับขอโทษ “หมอเย่ ขอโทษทีครับ ผมลืมเก็บไม้กวาด”
“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไร” ตอนนี้เย่ไป๋อยากจะแบ่งปันความสุขกับเอ้อร์เลิ่งมาก
แต่เขาก็ยังคงยับยั้งตัวเองด้วยเหตุผล
คุณปู่รองบอกว่าโอกาสเก้าในสิบ…
ถึงอย่างไรก็ยังมีความเสี่ยงที่จะวินิจฉัยผิดได้
ที่สำคัญคือเวลายังสั้นเกินไป ไม่ควรด่วนประกาศไปก่อน
“เอ้อร์เลิ่ง ฉันไปก่อนนะ” เย่ไป๋มีสีหน้าชื่นบานอย่างซ่อนไว้ไม่อยู่ กระทั่งตอนที่พูดคุยกับเอ้อร์เลิ่ง น้ำเสียงก็ยังร่าเริงกว่าปกติ
“ครับ แล้วเจอกัน” เอ้อร์เลิ่งถือไม้กวาดอยู่ในมือ จ้องมองเย่ไป๋ที่รีบวิ่งออกไปอย่างเงียบๆ
มีข่าวดีอะไรเกิดขึ้นกันนะ เขาถึงได้มีความสุขขนาดนี้
………
เย่ไป๋ขับรถไป จิตใจก็เต็มไปด้วยคำพูดของคุณหมอเย่་
เขาเพิ่งสังเกตเห็นว่าตัวเองตื่นเต้นจนมือสั่น จึงจอดรถสงบสติอารมณ์ข้างทาง
เขาไม่คิดเลยว่าหลังจากรับข่าวเช่นนี้แล้วอารมณ์ของตัวเองจะปั่นป่วนขนาดนี้
แต่ก่อนเขาไม่ใส่ใจในเรื่องการแต่งงานและมีลูกนัก คิดเพียงปล่อยให้เป็นไปตามธรรมชาติ
แต่ในขณะนี้หลังจากรู้ว่าหญิงอันเป็นที่รักอาจจะกำลังตั้งครรภ์ และพวกเขากำลังจะมีชีวิตใหม่ที่ประกอบด้วยพันธุกรรมของทั้งคู่ หัวใจเขาก็เต้นแรงจนบอกไม่ถูก
นี่คือพลังแห่งความรักสินะ
เย่ไป๋ยิ้มในรถคนเดียวอยู่นาน พอตั้งสติได้ก็เตรียมจะสตาร์ทรถใหม่ นึกอยากจะไปหาเซี่ยอวี่ใจจะขาด จะได้กอดและจูบหล่อนให้สมรัก
แต่ทันทีที่รถเคลื่อนตัว เขากลับนึกถึงปัญหาเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้
หากเซี่ยอวี่รู้เรื่องนี้ หล่อนจะมีปฏิกิริยาเช่นไร
หล่อนจะตื่นเต้นดีใจและตั้งหน้าตั้งตารอคอยชีวิตน้อยๆ ที่จะลืมตามาดูโลกใบนี้เหมือนเขาไหม
ทุกครั้งที่พวกเขาต้อง “ทำการบ้าน” หล่อนจะคอยกำชับจ้ำจี้จ้ำไชสารพัด
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้หล่อนกำลังถ่ายละครอยู่ด้วย
ความปลื้มปีติในใจของเย่ไป๋ถูกแทนที่ด้วยชุดคำถามที่ต้องเผชิญ
หากเซี่ยอวี่ไม่พร้อมจะมีลูกในเวลานี้ล่ะ?
เขาควรตัดสินใจอย่างไร?
รถของเย่ไป๋แล่นมาจอดที่หน้าบ้านตระกูลเซี่ย
เซี่ยอวี่บอกว่าจะกลับบ้านหลังกินข้าวเสร็จ เขาที่ขับรถมาทางเดียวกับบ้านตระกูลเซี่ยเลยถือโอกาสแวะมาดูสักหน่อยว่าหล่อนกลับมาหรือยัง
เขาลงจากรถและเห็นว่าประตูบ้านเซี่ยเปิดอยู่ จากนั้นก็เดินเข้าไป
แต่สุดท้ายก็พบว่าในบ้านมีเพียงเซี่ยไห่คนเดียวในสภาพสวมเพียงเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้นเพราะเพิ่งตื่นนอน ทรงผมที่ปกติจะเสยจนเนี้ยบในวันนี้ถูกปล่อยปรกหน้าผาก ทำให้ดูเป็นหนุ่มน้อยขี้เกียจคนหนึ่ง
“นายมาทำอะไรตอนนี้เนี่ย?” เซี่ยไห่ถามด้วยความประหลาดใจ
เย่ไป๋ถามอย่างรีบร้อนว่า “เสี่ยวอวี่อยู่ไหน?”
เซี่ยไห่มองเขาอย่างไม่พอใจ “พี่อยู่ที่กองถ่ายน่ะ มาหาที่บ้านทำไม”
“แล้วพวกพี่ใหญ่จะกลับมาตอนไหน?” เย่ไป๋ถามอีกครั้ง
“อีกนาน เหลืออีกประมาณหนึ่งชั่วโมง นายจำเวลาปิดร้านไม่ได้เหรอ?”
ช่วงเวลานี้เป็นช่วงเวลาทำการของร้านอาหาร จะปิดร้านได้อย่างไร?
เซี่ยไห่เชิญเย่ไป๋เข้ามาในบ้าน มองเขาด้วยความสงสัย “เกิดอะไรขึ้น พี่สาวกลับมาแล้วเหรอ?”
“อืม กลับมาแล้ว ฉันไปรับหล่อนกลับมาเมื่อเช้า ตอนนี้น่าจะอยู่ที่ร้านอาหารของพี่ใหญ่”
เย่ไป๋หันหลังเตรียมจะออกไป “งั้นฉันไปก่อน ฉันจะไปหาหล่อน”
เซี่ยไห่รีบรั้งเขาไว้ “เดี๋ยวสิ รอฉันเก็บของก่อนแล้วไปส่งฉันด้วย เฉินเจียเหอยืมรถฉันไปขับ ตอนนี้ยังไม่ได้คืนเลย”
เซี่ยไห่บ่นไปด้วยจัดทรงผมด้วยสเปรย์ไปด้วย โดยบ่นว่าเฉินเจียเหอหน้าหนาขึ้นทุกวัน ชอบมาเอาเปรียบเขาอยู่เรื่อย
เย่ไป๋จึงจำใจต้องอดทนรอ
เซี่ยไห่สวมเสื้อฮาวาย กางเกงสแล็ค รองเท้าหนัง แต่งตัวดูทันสมัยและหล่อเหลา ก่อนสวมแว่นกันแดด หันมาพูดกับเย่ไป๋ว่า “ไปกันเถอะ”
เย่ไป๋มองการแต่งตัวของเขาแล้ว มุมปากก็กระตุก
เขาไม่ลำบากเหรอกับการแต่งตัวแบบนี้มาทำงานทุกวัน
พอเข้ามานั่งในรถ เย่ไป๋ก็เอ่ยถาม “นายกับลินดาจะแต่งงานเมื่อไหร่?”
เซี่ยไห่ถอนหายใจอย่างเศร้าสร้อย “ไม่รู้สิ หล่อนยังไม่ตกลง”
“ควรจะรีบแต่งงานนะ แต่งงานไวๆ จะได้มีลูก”
เซี่ยไห่ฟังคำพูดของเขา แล้วก็เลื่อนแว่นกันแดดขึ้นมามองเย่ไป๋ที่กำลังขับรถอย่างประหลาดใจ “มีลูกเหรอ?”
เย่ไป๋ถามกลับ “ก็ใช่น่ะสิ แต่งงานแล้วไม่ต้องมีลูกเหรอ?”
เซี่ยไห่โต้แย้ง “พวกนายก็แต่งกันก่อนสิ”
“นายนี่ไม่รีบร้อนเลยนะ ต่อไปลูกของพวกเราสองคนคงเด็กกว่าลูกบ้านเหล่าเฉินแล้ว”
“เด็กกว่าแล้วไง? ยังไงก็เป็นพี่อยู่ดี”
เซี่ยไห่ไม่คิดอะไร เย่ไป๋ก็เลยไม่คุยเรื่องนี้ต่อ
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลุ้นกันต่อไปค่ะว่าสรุปท้องจริงหรือท้องลม ถ้าท้องจริงก็น่ากลัวจะเป็นข่าวใหญ่นะ เซี่ยอวี่เป็นถึงดาราดังขนาดนั้น
ไหหม่า(海馬)