ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 692 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ตอนที่ 692 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
……….
ตอนที่ 692 เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
หมอเย่เอ่ยพร้อมรอยยิ้มว่า “อวี้หลง กลับบ้านแล้วต้องตั้งใจพักฟื้นนะ แม่ของเธอในช่วงปีที่ผ่านมานี้ตกอยู่ในความทุกข์ยาก ที่บ้านมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้น แต่ก็ต้องพึ่งพากำลังหล่อนคนเดียวมาค้ำจุน หากไม่ใช่เพื่อเธอ หล่อนคงทรุดไปนานแล้ว ต่อไปเธอต้องดูแลแม่ให้ดี และแสดงความกตัญญูต่อหล่อนให้มากๆนะ”
เสิ่นอวี้หลงก้มลงตอบรับว่า “คุณปู่เย่ ผมจะจดจำคำที่บอกครับ”
หมอเย่ลุกขึ้น “เหล่าเซี่ย ให้เด็กได้พักเถอะ”
คำพูดของหมอเย่สื่อความหมายชัดเจน ซึ่งก็คือไม่ต้องการให้ผู้เฒ่าเซี่ยพูดต่อไปอีกแล้ว
เรื่องราวเหล่านี้ต้องค่อยๆ ดำเนินไปเป็นลำดับ ให้เวลาเป็นตัวช่วยเยียวยา
หากเอ่ยเรื่องทั้งหมดออกมาในคราวเดียว เด็กคนนี้คงรับมือไม่ไหวแน่
หากพูดถึงเรื่องชาติกำเนิดของหลินเซี่ย ก็ต้องเท้าความไปถึงเรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนที่เสิ่นเถี่ยจวินตั้งใจสลับตัวเด็กเพราะสงสัยในความบริสุทธิ์ของเซี่ยหลาน
นี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นถึงด้านมืดและเห็นความแก่ตัวของเสิ่นเถี่ยจวิน หากพูดอย่างโจ่งแจ้งต่อหน้าเสิ่นอวี้หลง ก็นับว่าโหดร้ายต่อเด็กเกินไป
สำหรับผู้ชายหลายๆ คนแล้ว พ่อคือบุคคลต้นแบบในดวงใจ
ขนาดเมื่อครู่ที่พวกเขาพูดถึงเรื่องที่เสิ่นเถี่ยจวินทำผิดกฎหมาย เสิ่นอวี้หลงก็ยังไม่ยอมเชื่อโดยเด็ดขาด และถึงกับจะไปสืบหาความจริงด้วยตัวเอง
ถ้าให้เล่าถึงการกระทำอันโหดร้ายที่เสิ่นเถี่ยจวินได้ก่อไว้ มันคงทำให้ความนับถือศรัทธาของเด็กหนุ่มพังทลายลง
ตอนนี้บอกแค่นี้ก่อนก็เพียงพอแล้ว อย่างน้อยก็ทำให้เขาเลิกซักถามถึงที่อยู่ของเสิ่นเถี่ยจวิน และทำให้เขากลับบ้านได้อย่างสบายใจ
ผู้เฒ่าเซี่ยมองเด็กหนุ่มที่หน้าหมองลงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “บ้านพักในบ้านพักสวัสดิการกองทัพถูกยึดคืนไปหมดแล้ว พรุ่งนี้เธอก็ไปอยู่กับแม่ที่บ้านหลังเก่านะ อย่าเศร้าไปเลย เดี๋ยวทุกอย่างจะดีขึ้นเอง”
“ครับ”
ผู้เฒ่าเซี่ยนอนอยู่บนเตียงพับที่ตั้งอยู่ข้างๆ
ชายชราในตอนนี้ก็นอนไม่หลับเช่นกัน ขณะฟังเสียงอวี้หลงพลิกตัวไปมา เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
แต่ไม่รู้ว่าจะปลอบโยนอย่างไร
เมื่อประสบกับเหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ว่าจะปลอบอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์
ต้องให้เขาจัดการและเผชิญหน้าด้วยตัวเอง
เสิ่นอวี้หลงพลิกตัวอีกครั้ง แขนทั้งสองหนุนศีรษะ ความคิดมากมายไหลเวียนอยู่ในสมอง
ไม่แปลกใจเลยที่พี่สาวจะเลิกกับหลิวจื้อหมิง
พ่อของเขาติดคุก หลิวจื้อหมิงก็เลยไม่มีที่พึ่งพาแล้ว จะทิ้งเธอไปก็ไม่แปลก
แต่เสิ่นอวี้หลงยังคงมีความสงสัยมากมายในใจ
พ่อของเขามีปัญหาด้านการทำงาน เรื่องพวกนี้จริงๆ แล้วพวกเขาไม่จำเป็นต้องปิดบังเขาอย่างถึงที่สุดขนาดนี้
ตราบใดที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ ต่อให้เขารู้เรื่องนี้ก็ไม่น่ายากเกินกว่าจะยอมรับได้
เขายังเตือนพวกเขาให้หาวิธีพลิกคดีและสอบสวนใหม่ได้
พี่สาวของเขาก็ด้วย ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยพูดถึงเรื่องพ่อของเขาเลยสักคำ
หรือว่าหล่อนจะแค้นฝังใจจริงๆ เลยไม่สนใจพ่อของเขา?
เสิ่นอวี้หลงครุ่นคิดอยู่เป็นครึ่งค่อนคืน คิดว่าเมื่อเขากลับบ้านจะต้องหาโอกาสคุยกับคุณปู่เกี่ยวกับเรื่องนี้ให้ดีๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เซี่ยหลานที่ไม่ได้นอนทั้งคืนเช่นกันก็ตื่นนอนขึ้นมาแล้วส่องกระจกดูตัวเองที่โทรมจนแทบจะดูไม่ได้
เมื่อคืนหล่อนแทบไม่ได้นอนเลย ช่วงครึ่งคืนแรกหล่อนเอาแต่ทำความสะอาดบ้าน เก็บกวาดห้อง จัดการทุกซอกมุมในบ้าน
หล่อนทิ้งเครื่องนอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งเคยใช้ทั้งหมด และวางแผนจะให้ลูกชายอยู่ห้องใหญ่
ทั้งซื้อของใหม่ให้ลูก ทั้งห้องประดับไปด้วยดอกไม้ และยังมีตู้ปลาที่เลี้ยงปลาทองไว้ด้านใน
เมื่อก่อนลูกชายชอบจับปลา เลี้ยงปลาเป็นที่สุด
ส่วนครึ่งคืนหลัง หล่อนเอาแต่นอนกระวนกระวายใจ
ไม่รู้ว่าหลังจากที่หมอเย่และพ่อของหล่อนคุยกับลูกชายแล้ว ตอนนี้เขาจะมีสภาพอารมณ์เป็นอย่างไร?
เซี่ยหลานอดทนรอจนกระทั่งฟ้าสว่าง โชคดีที่วันนี้ไม่ต้องไปทำงาน หลังจากที่ล้างหน้าก็เผลอมองเห็นเงาสะท้อนของตัวเองในกระจก
หล่อนถึงกับตกใจ
พูดตามตรงแล้วหล่อนไม่ค่อยส่องกระจกสักเท่าไร
วันๆ เอาแต่ล้างหน้าแปรงฟัน รักษาสุขอนามัยขั้นพื้นฐานเป็นส่วนใหญ่
เวลานี้หล่อนแทบจำคนในกระจกไม่ได้
นี่คือตัวหล่อนเองหรือ?
มีแต่ผมหงอกเต็มหัว สีหน้าอิดโรย ดวงตาลึกโหล
ไม่แปลกใจเลยทำไมคนไข้ที่มาตรวจบ่อยๆ ถึงชอบถามอายุหล่อน
มีครั้งหนึ่งหล่อนได้ยินคนไข้สองคนนินทากับญาติว่า หมอคนนี้มีผมหงอก อายุก็เยอะขนาดนี้แล้ว แสดงว่ามีประสบการณ์
ตอนนั้นหล่อนไม่ได้คิดอะไร แต่พอส่องกระจกดูในตอนนี้แล้ว หล่อนก็อดขำไม่ได้
คนไข้เชื่อใจในรูปลักษณ์แบบนี้ที่สุดไม่ใช่หรือ?
และความคิดของเซี่ยหลานก็หวนนึกถึงคำพูดเมื่อวานของหมอเย่อีกครั้ง
อย่าเอาความผิดพลาดของคนอื่นมาลงโทษตัวเอง
หล่อนไม่ได้ทำอะไรผิด
ตอนนี้ลูกชายก็หายดีแล้ว หล่อนจะมัวจมอยู่กับสภาพซังกะตายแบบนี้ไม่ได้แล้ว
ไม่อย่างนั้นลูกชายคงไม่สบายใจเมื่อเห็นหล่อน
เซี่ยหลานล้างหน้าแปรงฟัน เปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าสีสันสดใส จากนั้นก็ไปร้านทำผม “เริ่มต้นใหม่” ของหลินเซี่ย
หล่อนเองก็ต้องเริ่มต้นใหม่เช่นกัน
ในเวลานี้หล่อนเข้าใจแล้วว่าตอนนั้นหลินเซี่ยรู้สึกอย่างไรถึงได้ตั้งชื่อนี้หลังจากเปิดร้านทำผมได้
เธอในตอนนั้นคงทุกข์ทรมานในใจอย่างแสนสาหัส มองเห็นทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่ง จึงตั้งชื่อนี้ขึ้นมา
ขณะเซี่ยหลานออกจากบ้านไปยังร้านตัดผม ในใจหล่อนก็นึกถึงแต่หลินเซี่ย
ตอนที่เสิ่นอวี้อิ๋งถูกพากลับบ้าน หล่อนก็ออกปากไล่ให้หลินเซี่ยย้ายออกไป โดยไม่ให้หลินเซี่ยนำสิ่งของใดติดตัวไปด้วย
ขนาดงานที่ร้านตัดผมของรัฐ หล่อนก็ยังบังคับให้หลินเซี่ยลาออก
จากนั้น…….
หล่อนก็บังคับให้หลินเซี่ยกลับชนบท เรื่องนี้ถึงจะสงบลง
ในตอนนั้น เสิ่นเถี่ยจวินสนับสนุนเสิ่นอวี้อิ๋งโดยไม่มีเงื่อนไข ท่าทีของเขาดูเลวร้ายยิ่งกว่าเสิ่นอวี้อิ๋งเสียอีก แสดงออกชัดเจนว่าอยากจะไล่หลินเซี่ยออกไปให้เร็วที่สุด
ซึ่งคนที่หลินเซี่ยเรียกว่าแม่มานานถึงยี่สิบปีในยามนั้นช่างไร้ความสามารถเหลือเกิน
หลังจากตักเตือนเสิ่นเถี่ยจวินและเสิ่นอวี้อิ๋งอยู่พักใหญ่ ทั้งสองก็ผลัดกันกล่าวหาหล่อนว่าลำเอียงรักแต่ลูกสาวบุญธรรม ไม่สนใจลูกสาวแท้ๆ ว่าจะเป็นหรือตาย หล่อนจึงเลือกที่จะปล่อยวาง ปล่อยให้พวกเขาทำตามใจชอบ
พอเซี่ยหลานนึกถึงเรื่องราวเหล่านั้น หล่อนก็รู้สึกละอายใจสุดขีด
หล่อนเดินไปที่ร้านตัดผมด้วยความรู้สึกยุ่งเหยิง
ในร้านตัดผม ชุนฟางกำลังช่วยสาวน้อยคนหนึ่งทำความสะอาดอยู่
เซี่ยหลานมาถึงก่อนเวลาร้านเปิดได้ไม่นาน ในตอนนี้จึงยังไม่มีลูกค้า
“คุณน้าเซี่ย สวัสดีค่ะ” ชุนฟางทักทายด้วยรอยยิ้ม “คุณมาหาเซี่ยเซี่ยหรือเปล่าคะ”
เซี่ยหลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม “เปล่า ฉันมาตัดผมน่ะ”
“เชิญนั่งก่อนนะคะ”
ชุนฟางพูดกับเด็กสาวที่รวบผมหางม้าสูงว่า “เสี่ยวลี่ ไปดูทีสิว่าน้ำร้อนได้ที่หรือยัง เดี๋ยวจะได้สระผมให้คุณเซี่ยหลาน”
“ได้ค่ะ”
เสี่ยวลี่รับคำด้วยท่าทางคล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
เซี่ยหลานถามชุนฟางว่า “ร้านรับสมัครพนักงานใหม่เหรอ”
“น้าเซี่ย หล่อนเป็นเด็กฝึกงานที่จบจากสถาบันฝึกอบรมของเราค่ะ พอเรียนจบหลักสูตรแล้วก็เลยมาฝึกงานที่ร้าน”
“ดีจัง”
เซี่ยหลานก็รู้ว่าสถาบันฝึกอบรมของหลินเซี่ยเปิดกิจการได้รุ่งเรือง และได้ยินมาว่าเด็กฝึกงานรุ่นแรกจบการศึกษาแล้ว
หล่อนนั่งพักสักครู่แล้วมองชุนฟาง พลางถามด้วยความเกรงใจ “ชุนฟาง ฉันได้ยินมาว่าร้านเธอมีผลิตภัณฑ์ย้อมผมที่ย้อมผมขาวให้กลับมาดกดำได้งั้นเหรอ?”
ชุนฟางตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ค่ะคุณน้าเซี่ย เซี่ยเซี่ยไปซื้อผลิตภัณฑ์นี้บางส่วนมาจากฮ่องกง ให้ผลลัพธ์ดีมาก ช่วงนี้เหล่าลุงป้าน้าอาในละแวกนี้ต่างมาย้อมผมที่ร้านกันใหญ่เลยค่ะ”
ตั้งแต่ทางร้านมีผลิตภัณฑ์ย้อมผมดำเข้ามาและโฆษณาประชาสัมพันธ์อย่างเพียงพอแล้ว คนแก่ทั้งชายและหญิงในตรอกนี้ก็แทบจะไม่มีใครมีผมขาวให้เห็น
รวมถึงคนหนุ่มสาวบางคนที่กังวลใจเพราะผมหงอกก่อนวัย ผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้ก็ถือเป็นขวัญใจของพวกเขาไม่แพ้กัน
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มต้นใหม่นะเซี่ยหลาน ไม่มีอะไรสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่หรอก
ไหหม่า(海馬)
……….