ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 685 ความสงสัยของเสิ่นอวี้หลง
ตอนที่ 685 ความสงสัยของเสิ่นอวี้หลง
……….
ตอนที่ 685 ความสงสัยของเสิ่นอวี้หลง
จากนั้นทุกคนก็มุ่งหน้าไปยังห้องพักของเสิ่นอวี้หลง ยิ้มพลางเปิดผ้าม่านประตู “อวี้หลง พวกเรามาหาแล้ว”
ครั้นเสิ่นอวี้หลงที่นอนอยู่บนเตียงได้ยินเสียงของหลินเซี่ย เขาก็พยายามจะลุกขึ้น เฉินเจียเหอที่ตามหลังหลินเซี่ยเห็นเช่นนั้นก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อประคองเขา
“ขอบคุณครับพี่เขย”
หลังไม่ได้พบกันหลายวัน เสิ่นอวี้หลงก็มีท่าทีอ่อนโยนต่อเฉินเจียเหอมากขึ้น ไม่ได้ระแวดระวังเขาเหมือนครั้งก่อน
ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับเฉินเจียเหอมากขึ้นจากคำบอกเล่าของแม่
และยังรู้ด้วยว่าเย่ไป๋หมอประจำของเขาเป็นสหายพี่น้องกับเฉินเจียเหอ
ด้วยเหตุนี้ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อเฉินเจียเหอจึงเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นอย่างแท้จริง
เสิ่นอวี้หลงเห็นหลินเซี่ยแล้ว ใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้ม “พี่สาว พี่มาแล้วเหรอ เร็วเข้ามานั่งนี่สิ”
เฉินเจียเหอหยิบหมอนมาหนุนหลังให้เสิ่นอวี้หลง เสิ่นอวี้หลงก็กล่าวขอบคุณอย่างสุภาพ
ท่าทางของเขาทำให้เฉินเจียเหอรู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อย
ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน เด็กคนนี้ดูอ่อนโยนขึ้นมาก
“อวี้หลง เป็นยังไงบ้าง” หลินเซี่ยนั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามด้วยความเป็นห่วง
“ดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ แค่ยังไม่มีแรง ออกกำลังกายก็ยังเหนื่อยอยู่”
หลินเซี่ยมองเขาด้วยความเวทนาแล้วก็ให้กำลังใจเขา “ค่อยๆ ทำไป เดี๋ยวก็ดีขึ้นนะ”
เสิ่นอวี้หลงคุยเล่นกับหลิ่นเซี่ยอยู่สองสามประโยค จากนั้นก็สบมองเธอกับเฉินเจียเหอแล้วถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“พี่ พี่กับพี่เขยแต่งงานกันตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ?”
เมื่อได้ยินคำถามของเสิ่นอวี้หลง หลินเซี่ยก็ตอบกลับว่า “หนึ่งปีแล้ว”
“หือ หนึ่งปีแล้วเหรอ?” เสิ่นอวี้หลงถามเธอต่อ
“พี่ครับ ผมจำได้ว่าเมื่อก่อนพี่เป็นเด็กฝึกหัดที่ร้านตัดผมของรัฐ แล้วเมื่อเร็วๆ นี้ผมได้ยินจากคุณตาว่าพี่เปิดร้านตัดผมกับร้านแต่งหน้าเจ้าสาวของตัวเอง แล้วก็จะเปิดหลักสูตรฝึกอบรมด้วย พี่เรียนจบเมื่อไหร่เหรอครับ?”
ตรงนี้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ทำให้เสิ่นอวี้หลงรู้สึกสงสัย
เมื่อก่อนพี่สาวของเขาเป็นคนแบบไหน น้องชายคนนี้รู้อยู่แก่ใจ
เขาจำได้ว่าตอนที่หลินเซี่ยเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านตัดผมของรัฐ เขาก็ไปตัดผมที่นั่นเหมือนกัน ตอนนั้นเขาแค่สงสัย อยากรู้ว่าพี่สาวของเขาทำอะไรในร้านกันแน่
ทว่าตอนที่เขาไปถึง อาจารย์ที่นั่นก็กำลังดุพี่สาวของเขาอยู่ หาว่าเธอสระผมให้ลูกค้าไม่สะอาด กิริยาก็ดูเงอะงะงุ่มง่ามไปหมด
แต่ภายในเวลาแค่ปีเดียว เธอกลับเปิดร้านตัดผมของตัวเองได้แล้ว แถมกิจการยังรุ่งเรืองอีกด้วย
คุณตาเคยเล่าว่าในช่วงที่เขายังไม่ฟื้น พี่สาวของเขาก็เป็นคนตัดผมให้คุณตา คุณตาส่องกระจกแล้วเห็นว่าตัดได้ดีมาก
ก่อนหน้านั้นพี่สาวของเขาจะไล่ตามเขาเพื่อใช้ศีรษะของเขาเป็นที่ฝึกฝน จนเขาเกือบลงไม้ลงมือเป็นการต่อต้าน และในที่สุดหวยก็มาลงที่คุณตาของเขาต้องมาเป็นหนูทดลองให้เธอ ซึ่งผลลัพธ์ก็เป็นที่คาดเดาได้ ไม่เพียงแต่เขาจะถูกโกนศีรษะจนเกลี้ยงเท่านั้น หนังศีรษะของเขายังถูกบาดด้วย
ทั้งที่ไร้ซึ่งพื้นฐานอย่างสิ้นเชิง แต่ภายในระยะเวลาเพียงหนึ่งปี เธอสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้เชียวหรือ
มันวิเศษเกินไปแล้ว
ทั้งนี้เขาก็ยังสังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งอย่างคือ ลักษณะนิสัยที่เปลี่ยนไปของพี่สาวเขาได้เปลี่ยนไปในทางที่สงบเยือกเย็นมั่นคง และสดใสเปี่ยมพลัง
ความทรงจำของเขาที่มีต่อหลินเซี่ยคือหญิงสาวผู้ไม่เอาไหน ทำอะไรก็ดูเชื่องช้าเงอะงะ อีกทั้งยังเรียนหนังสือได้แย่มาก จึงไม่เป็นที่ชื่นชอบของทั้งคุณพ่อและคุณตามาแต่ไหนแต่ไร
เขามักจะดูถูกเหยียดหยามเธออยู่บ่อยครั้ง เธอเหมือนเป็นตัวประหลาดในครอบครัว มีชีวิตที่ต่ำต้อยและไร้ตัวตน
หบินเซี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ก่อนหน้านี้ที่ฉันไม่ได้เรียนรู้อะไรเลยจากร้านตัดผมของรัฐก็เพราะไม่มีใครให้ฉันได้ลงมือตัดผมเลย ฉันเลยไม่มีโอกาสได้ทำอะไร นายคงจำได้ว่าฉันทำได้แค่สระผมเท่านั้น หลังจากนั้นฉันก็เลยเลิกทำ เอาหุ่นจำลองมาฝึกฝนเองอย่างหนักหน่วง ฝีมือก็เลยดีขึ้นอย่างที่เห็น
ตอนตามพี่เขยกลับไปบ้านเกิดของตายายของเขา ฉันใช้วิธีฝึกตัดผมกับชาวบ้าน งานฝีมืออาศัยว่าต้องฝึกฝนบ่อยๆ ฝึกไปนานๆ ฝีมือก็จะดีขึ้น อย่าเพิ่งมองว่าฉันเรียนไม่เก่งนะ ฉันมีพรสวรรค์ในด้านนี้ อาศัยการฝึกฝนด้วยตัวเองอย่างหนักจนกระทั่งได้มาเปิดร้านตัดผม จากนั้นก็จ้างช่างตัดผมมืออาชีพจากร้านตัดผมของรัฐมาประจำที่ร้าน แล้วฉันก็กลายเป็นเจ้าของร้าน”
หลินเซี่ยอธิบายด้วยรอยยิ้ม น้ำเสียงของเธอเป็นธรรมชาติจนเสิ่นอวี้หลงอึ้งไป
เป็นเจ้านายที่จ้างคนอื่นทำงานแทนสินะ
เสิ่นอวี้หลงถามเธออีกคำถามด้วยความสงสัย “พี่ แล้วพี่กับพี่เขยเจอกันได้ยังไง ทำไมผมไม่เคยได้ยินชื่อพี่เขยเลย”
ในความทรงจำของเขา หลินเซี่ยดูเหมือนจะสนิทสนมกับหลิวจื้อหมิงชายหนุ่มในบ้านพักของพวกเขามากกว่า โดยที่ฝ่ายนั้นตามติดพี่สาวของเขาตลอดเวลา และบ่อยครั้งก็มักจะนำของขวัญมาให้ที่บ้านของพวกเขา
ใครๆ ก็มองออกว่าหลิวจื้อหมิงจีบพี่สาวเขาเพื่อหวังจะเข้าหาพ่อเขา เพราะพ่อของเขาเป็นถึงผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักร หลิวจื้อหมิงเป็นแค่ลูกจ้างธรรมดาๆ ถ้าได้เส้นสายจากพ่อเขา หลิวจื้อหมิงก็คงจะได้เลื่อนตำแหน่ง ได้เป็นเจ้าคนนายคนในโรงงานเครื่องจักร ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน
เรื่องง่ายๆ แค่นี้ แต่พี่สาวเขากลับไม่เข้าใจ ทั้งพ่อและเขาก็พยายามห้ามปราม
ตอนนั้นเขาเกลียดพี่สาวมากที่ทั้งโง่ทั้งหลงตัวเอง
คนปกติควรมีสติรู้ตัว แต่พี่สาวเขากลับไม่มี
แล้วเขาก็ประสบอุบัติเหตุ หมดสติไปเป็นปี ตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็รับรู้ว่าพี่สาวเลิกกับหลิวจื้อหมิงแล้ว และยังได้สามีใหม่ที่ถือว่าดีกว่าเดิมมาก
จากนั้นพี่สาวเขาก็เปลี่ยนไปเป็นคนละคนจากหัวจรดเท้า ทำให้เสิ่นอวี้หลงทั้งรู้สึกปลาบปลื้มและประหลาดใจ จนอยากรู้เรื่องราวชีวิตพี่สาวในช่วงปีที่ผ่านมามาก อยากรู้ว่าอะไรที่ทำให้เธอเปลี่ยนไปได้มากขนาดนี้
โดยทั่วไปแล้ว ผู้คนมักจะรู้แจ้งในสิ่งต่างๆ ก็ต่อเมื่อได้เผชิญกับวิกฤตชีวิตอันหนักหน่วงเท่านั้น
เท่ากับเป็นการบอกให้เขารู้ว่าที่บ้านของพวกเขามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น
ตอนนี้มันเหมือนกับว่ามีหมอกจาง ๆ อยู่ตรงหน้าเขา เขาอยากจะไล่หมอกนี้ให้หมดไปเพื่อที่จะรู้ความจริงทั้งหมด
เสิ่นอวี้หลงมองหลินเซี่ยด้วยความสงสัย ในตอนแรกเขาอยากรู้เรื่องราวของหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอก่อน
เมื่อสบตากับน้องชายของเธอ หลินเซี่ยก็ยิ้มอย่างมีความสุข พลางมองไปที่เฉินเจียเหอ “เรื่องระหว่างฉันกับพี่เขยของนาย ให้เขาเป็นคนเล่าให้ฟังดีกว่า”
เฉินเจียเหอก็ลากเก้าอี้มาวาง แล้วนั้งลงมองเสิ่นอวี้หลงอย่างตั้งใจ “จริง ๆ แล้ว ฉันรู้จักพี่สาวของนายมาก่อนน่ะ ฉันพบหล่อนตั้งแต่ตอนที่หล่อนเป็นพนักงานฝึกหัดอยู่ในร้านตัดผมของรัฐ แต่ตอนนั้นฉันรู้จักหล่อนเพียงฝ่ายเดียว แล้วก็ตกหลุมรักตั้งแต่แรกเห็น หลังจากนั้นฉันก็หาวิธีจีบหล่อนด้วยใจจริงที่พี่มี จนในที่สุดหล่อนก็ยอมรับฉัน”
“อย่างนั้นเหรอครับ”
เสิ่นอวี้หลงมีสีหน้าสงสัย เขาหันไปมองหลินเซี่ยพลางเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้ม “พี่ครับ ผมขอถามอะไรสักอย่างได้ไหม พี่เขยรู้เรื่องราวในอดีตของพี่หรือเปล่าครับ เรื่องเกี่ยวกับ…หลิวจื้อหมิง”
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดพี่สาวของเขาจึงเลิกรากับหลิวจื้อหมิง
แต่ก่อนเธอรักหลิวจื้อหมิงหัวปักหัวปำ ส่วนหลิวจื้อหมิงก็เอาอกเอาใจเธอดีมาก
ทำไมอยู่ๆ ทั้งคู่ถึงเลิกกันได้
หรือเพราะหลิวจื้อหมิงคิดว่าตนคงไม่ได้เส้นสายจากพ่อของเขา จึงยอมแพ้ไป?
แล้วทำไมหลิวจื้อหมิงถึงคว้าเส้นสายพ่อเขาไม่ได้ พ่อของเขาประสบปัญหาเรื่องงานหรือ?
เสิ่นอวี้หลงเป็นคนฉลาด เขาค่อยๆ ตั้งสมมติฐาน สร้างความเชื่อมโยงต่างๆ เพื่อวิเคราะห์หาความเป็นไปได้อยู่ในใจ
เมื่อเสิ่นอวี้หลงถามคำถามนั้น สีหน้าของหลินเซี่ยก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
ไม่คิดว่าเขาจะกล้าถาม
โชคดีที่เธอเลิกกับหลิวจื้อหมิงไปนานแล้ว และเรื่องนี้เฉินเจียเหอก็รู้เรื่องราวทั้งหมด
ไม่งั้นได้ทะเลาะกันแน่
หลินเซี่ยพูดพร้อมหัวเราะ “รู้สิ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ เขาจะไม่รู้ได้ยังไง ตอนนั้นพี่ช่างโง่เขลานัก ไม่รู้อะไรเลย พอเจอผู้ชายหน้าตาดีๆ ก็เทใจให้เขาหมด ไม่รู้เลยว่ากำลังโดนหลิวจื้อหมิงหลอกจนหัวปักหัวปำ”
พูดถึงตรงนี้ เธอก็เหลือบมองไปที่เฉินเจียเหอทันที “ต่อมาก็มาเจอเข้ากับพี่เขยของนาย พอเทียบกันก็เลยรู้ว่าใครดีกว่า อีกอย่างฉันเพิ่งมารู้ทีหลังว่าจริงๆ แล้ว หลิวจื้อหมิงเขาไม่ได้ชอบฉันเลย ที่คบกับฉันเพราะมีจุดประสงค์บางอย่าง แต่พี่เขยนายชอบฉันจริงๆ ในใจเขามีแต่ฉันคนเดียว ฉันเองก็ชอบเขา ฉันเลยเลือกผู้ชายที่หน้าตาดี การงานดี แถมยังรักฉัน”
“พี่สาว พี่เปลี่ยนไปเยอะเลยนะ พี่ตอนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่มาก”
เสิ่นอวี้หลงนั่งอยู่บนเตียงมองหลินเซี่ยด้วยสายตาเต็มไปด้วยความชื่นชม
นี่คือสิ่งที่เสิ่นอวี้หลงรู้สึกขอบคุณมากที่สุดหลังจากที่เขาฟื้นขึ้นมา
เมื่อถูกน้องชายชมเช่นนี้ หลินเซี่ยก็เขินจนทำตัวไม่ถูก
“พี่แต่งงานแล้ว เป็นแม่คนแล้วด้วยนะ จะไม่โตได้ยังไง”
น้องชายของเธอดูเหมือนจะชมเธอ แต่จริงๆ แล้วกำลังเตือนเธออยู่ว่าตัวเธอเมื่อก่อนดูแย่แค่ไหนในสายตาของเขา
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เหมือนฝ่ายหนึ่งหยั่งเชิง อีกฝ่ายสกัดรับ ไม่มีใครยอมใครเลย
ไหหม่า(海馬)
……….