ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 684 เกือบหลุดปากไปแล้ว
ตอนที่ 684 เกือบหลุดปากไปแล้ว
……….
ตอนที่ 684 เกือบหลุดปากไปแล้ว
เสิ่นอวี้หลงเกิดความสงสัยในตัวตนของเอ้อร์เลิ่ง หากอีกฝ่ายเรียนแพทย์จริง แล้วทำไมเขาถึงต้องเข้าครัวทำอาหารให้พวกเขาด้วย
จะพูดว่าเขาเป็นพ่อครัวก็ถูก แต่ว่าวันนี้เขายังช่วยจัดยา เมื่อหมอแผนจีนเย่รักษาเขา เอ้อร์เลิ่งก็จะคอยช่วยอยู่ข้างๆ
เขาจึงสงสัยในความสัมพันธ์ระหว่างเอ้อร์เลิ่งกับหมอแผนจีนเย่
เอ้อร์เลิ่งเกาศีรษะ หัวเราะและตอบกลับว่า
“ก่อนหน้านี้ฉันก็เป็นคนไข้ที่นี่ หลังจากที่รักษาหายดีแล้ว หมอแผนจีนเย่ก็เลยให้ฉันอยู่ต่อ”
เสิ่นอวี้หลงถามอย่างใคร่รู้ “ฟังจากสำเนียงแล้ว คุณเหมือนคนต่างถิ่นเลยนะ”
“ใช่ ฉันกับเฉินเจียเหอพี่เขยนายเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก ฉันมีวันนี้ได้ส่วนหนึ่งก็เพราะพี่เขยกับพี่สาวนายด้วย ต้าเหอเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของฉัน”
เมื่อพูดถึงเฉินเจียเหอ สีหน้าของเอ้อร์เลิ่งก็ปรากฏความภูมิใจ
เอ้อร์เลิ่งหายจากอาการป่วยแล้ว สติสัมปชัญญะก็กลับคืนมา
แต่เนื่องเพราะป่วยทางจิตมานาน ทำให้ประสบการณ์ชีวิตต่างๆ ในสิบปีที่ผ่านมาของเขาแทบจะว่างเปล่า
พูดได้ว่าไม่เคยถูกสังคมหล่อหลอม ดังนั้นต่อให้เขาอายุจะใกล้สามสิบแล้ว แต่สายตาก็ยังคงความใสซื่อบริสุทธิ์
บุคลิกท่าทางที่แสดงออกมาจึงทำให้ดูเหมือนอายุยังน้อย
พอเสิ่นอวี้หลงได้ยินว่าเขาเป็นเพื่อนเล่นสมัยเด็กของเฉินเจียเหอ เขาก็แปลกใจมาก
“นายเป็นพี่น้องกับพี่เขยของฉันเหรอ” เสิ่นอวี้หลงกระพริบตาเล็กน้อยอย่างไม่อยากเชื่อ “นายเล่าให้ฉันฟังหน่อยสิว่าพี่สาวของฉันกับพี่เขยของฉันเจอกันได้ยังไง”
เอ้อร์เลิ่งผู้บริสุทธิ์ไร้เดียงสาได้ยินคำพูดของเสิ่นอวี้หลงแล้วก็เอียงศีรษะครุ่นคิดทันที
“ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาเจอกันได้ยังไง แต่รู้ว่าหลังจากที่พี่สะใภ้ของฉันกลับไปที่ตระกูลหลิน ต้าเหอก็พาหู่จือกลับไปด้วย แล้วพวกเขาก็แต่งงานกันที่หมู่บ้าน จากนั้นต้าเหอก็ให้ลูกอมงานแต่งฉันกินทุกวัน ฉันยังพาพี่สะใภ้กับหู่จือออกไปล่ากระต่ายมาทำกระต่ายย่างด้วยกันอยู่เลย พวกเราสนุกสนานกันมาก”
“นายว่าไงนะ กลับตระกูลหลินงั้นเหรอ?” เสิ่นอวี้หลงหรี่ตาถาม “ตระกูลหลินไหน?”
“ก็ตระกูลหลินในหมู่บ้านพวกเราไง ตระกูลของหลินจินซาน นายยังไม่เคยเจอหลินจินซานพี่เขยฉันเหรอ? พวกเราอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน”
ทำไมถึงมีตระกูลหลิน หลินจินซาน คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่?
เอ้อร์เลิ่งมีปฏิกิริยาเชื่องช้าลงและอึ้งงันไปเมื่อสบกับสีหน้าสงสัยของเสิ่นอวี้หลง
ในตอนนี้เองเขาเพิ่งนึกได้ว่า เสิ่นอวี้หลงเหมือนจะยังไม่รู้ว่าหลินเซี่ยไม่ใช่พี่สาวแท้ๆ ของเขา?
ดูเหมือนเขาจะพลั้งปากไปแล้ว สายตาพลันปรากฏแววตื่นตกใจ หวาดกลัวจนต้องรีบหันหลังหนี
“พี่เอ้อร์เลิ่ง บอกผมมาก่อน ผมไม่เข้าใจว่าพี่สาวผมจะกลับตระกูลหลินในหมู่บ้านคุณได้ยังไง? เกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
เอ้อร์เลิ่งหันหลัง ไม่กล้ามองหรือพูดอะไรกับเสิ่นอวี้หลง หัวใจเต้นรัวดังตีกลอง ขณะที่ดวงตาทั้งสองกลอกกลิ้งอย่างตื่นตระหนกยามคิดหาทางกลับลำอย่างเร่งด่วน
“พี่เอ้อร์เลิ่ง ตอบผมมาก่อน”
เสิ่นอวี้หลงซักไซ้ต่อ เอ้อร์เลิ่งกลัวจนตัวสั่น พยายามหายใจเข้าลึกๆ บังคับให้ตัวเองสงบ แล้วจัดระเบียบคำพูด จากนั้นก็ยิ้มแล้วหันมาหาเสิ่นอวี้หลง อธิบายพร้อมยิ้มว่า “อวี้หลง อย่าเข้าใจผิด เมื่อกี้ฉันพูดผิดน่ะ เป็นเพราะตากับยายของเจียเหออยู่ในหมู่บ้านพวกเรา ตอนนั้นพี่สาวนายตามพี่เขยกลับบ้านนอกเพราะบ้านหลินเป็นญาติพี่เขย แล้วพี่สาวนายก็แต่งงานที่นั่น”
“นายไปนอนเถอะ ฉันจะไปล้างจาน”
เอ้อร์เลิ่งพูดตัดบทโดยไม่สนว่าเสิ่นอวี้หลงจะเชื่อหรือไม่ มือก็รีบหยิบชามตะเกียบแล้วเดินออกไป
ถ้าไม่หนีตอนนี้ก็จะแก้ตัวไม่ทันแล้ว
ผู้เฒ่าเซี่ยพร่ำเตือนเขาแล้วว่าอย่าพูดเรื่องครอบครัวให้เสิ่นอวี้หลงฟัง
แต่สุดท้ายเขาก็โดนเสิ่นอวี้หลงหลอกถามจนได้
เอ้อร์เลิ่งเดินเข้ามาในครัว และตบศีรษะตัวเองด้วยความหงุดหงิด
เขานี่ช่างไม่ทันคนเอาเสียเลย
เสิ่นอวี้หลงนอนอยู่บนเตียง โดยที่คำอธิบายของเอ้อร์เลิ่งยังติดอยู่ในใจ
สัญชาตญาณบอกเขาว่าตระกูลหลินน่าจะมีความสัมพันธ์บางอย่างกับพี่สาวของเขา
เขาเคยถามเรื่องนี้กับแม่ของเขา เพราะได้ยินมาว่าบ้านเกิดเฉินเจียเหออยู่ที่บ้านพักกรมทหารประจำเขตไห่เฉิง เป็นลูกหลานของผู้มีอำนาจ แล้วทำไมถึงต้องไปแต่งงานที่ชนบท?
เมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยได้งอกในใจของเสิ่นอวี้หลงแล้ว เมื่อรวมกับเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในครึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาก็ยิ่งเชื่อมากขึ้นว่าแม่ของเขาน่าจะมีเรื่องปิดบังเขาและตา รวมถึงพี่สาวของเขา
เขารู้ตัวดีว่าสุขภาพของเขาไม่ดีนัก อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาปิดบังมันก็เพื่อเขา
เสิ่นอวี้หลงกระวนกระวายใจจนทนไม่ไหว อยากรู้เหลือเกินว่าในช่วงปีที่ผ่านมา เกิดอะไรขึ้นกันแน่?
สิ่งที่เขาอยากรู้มากที่สุดเป็นอันดับแรกคือ ทำไมพ่อของเขาถึงหายหน้าไปจนถึงตอนนี้?
ปู่ของเขาเป็นอัมพาตติดเตียง แล้วพ่อของเขาหายไปไหน?
ในฐานะผู้อำนวยการโรงงานเครื่องจักรกล จะมีงานอะไรสำคัญถึงขนาดต้องออกไปทำงานนอกสถานที่เป็นเวลาหลายเดือนโดยที่ติดต่อไม่ได้
เสิ่นอวี้หลงไม่กล้าซักไซ้แม่ของเขามากเกินไป เขารู้ดีว่าถึงอย่างไรก็คงจะไม่ได้คำตอบอยู่แล้ว โดยเฉพาะเมื่อเขาเห็นว่าสภาพแม่ของเขาดูอิดโรยมากขนาดนี้ ทั้งต้องทำงานและดูแลเขาไปด้วย เขาก็อดสงสารไม่ได้
ในช่วงหลายเดือนที่เขาหมดสติ เขาไม่รู้เลยว่าแม่ของเขาผ่านพ้นช่วงเวลาอันยากลำบากมาได้อย่างไร
เสิ่นอวี้หลงรู้สึกอึดอัดใจมากอย่างอธิบายไม่ถูก
ดังนั้นเมื่อคืนตอนที่แม่ของเขากลับมาจากเลิกงาน เขาจึงพูดกับแม่ว่าคิดถึงพี่สาว และอยากให้พี่สาวมาเยี่ยมเขา
เซี่ยหลานรีบสนองต่อคำขอของลูกชายในทันที
หล่อนโทรหาหลินเซี่ย หวังให้หลินเซี่ยหาเวลามาเยี่ยมน้องชายของเธอ
…….
หลินเซี่ยมีชั้นเรียนที่เธอต้องสอนในเช้าวันรุ่งขึ้น ในช่วงบ่ายชุนฟางได้แจกหัวหุ่นให้ทุกคน แล้วให้พวกเขาเรียนรู้วิธีการม้วนผมต่อกับเธอ
พวกเขาเรียนสามวันต่อสัปดาห์ ซึ่งก็มีเวลาค่อนข้างมากแล้ว
ในช่วงบ่าย เฉินเจียเหอพักผ่อน จากนั้นก็พาเธอไปเยี่ยมเสิ่นอวี้หลง พร้อมทั้งให้หมอแผนจีนเย่ตรวจชีพจรของเธอด้วย
เมื่อเข้ามาในลานบ้าน ก็พบกับเอ้อร์เลิ่งที่กำลังซักผ้าอยู่ หลินเซี่ยจึงกล่าวทักทายด้วยรอยยิ้ม “เอ้อร์เลิ่ง เรามาแล้วนะ”
เอ้อร์เลิ่งเงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นหลินเซี่ยและเฉินเจียเหอ ก็สลัดน้ำที่มือออกด้วยความดีใจ แล้วรีบลุกขึ้นมาต้อนรับ
“ต้าเหอ พี่สะใภ้ พวกคุณมาแล้วเหรอ”
“พวกเราแวะมาเยี่ยมอวี้หลงน่ะ”
เมื่อกล่าวถึงเสิ่นอวี้หลง เอ้อร์เลิ่งก็รีบห้ามไว้ ก่อนจะมองไปที่หลินเซี่ยด้วยความลังเล จากนั้นจึงกล่าวเบาๆ ว่า
“พี่สะใภ้ หากจะบอกเรื่องของอวี้หลงกับปัญหาในอดีตของพี่ ก็จงบอกเขาไปว่าพี่ตามต้าเหอกลับไปบ้านนอก อย่าเผลอพลั้งปากพูดอะไรออกไปนะ” เอ้อร์เลิ่งทำท่าทางเหมือนเด็กที่ทำผิด ในใจกังวลอยู่ตลอดว่าเสิ่นอวี้หลงจะสงสัยในคำพูดของตนจนส่งผลต่ออารมณ์ของเขา
หลินเซี่ยฟังเอ้อร์เลิ่งแล้วก็พยักหน้า “ได้ ฉันรู้แล้ว”
หมอแผนจีนเย่กำลังตรวจคนไข้คนอื่นๆ อยู่ ส่วนผู้เฒ่าเซี่ยเดินออกมาจากห้อง เห็นหลินเซี่ยกับเฉินเจียเหอมาหาก็ดีใจ เอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม
จะว่าไปแล้วหากไม่หวนคิดถึงเรื่องขุ่นข้องหมองใจที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ ผู้เฒ่าเซี่ยก็เห็นว่าทุกคนยังมีความสัมพันธ์กันแบบเดิม หลินเซี่ยยังเป็นพี่สาวเสิ่นอวี้หลง เพียงแต่ออกเรือนไปเท่านั้น ซึ่งความสัมพันธ์นี้ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย
ผู้เฒ่าเซี่ยมองหลินเซี่ยด้วยสายตารักใคร่เอ็นดู แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “น้องชายของเธอเอาแต่ร่ำร้องอยากจะพบเธอตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รีบเข้าไปดูเขาก่อนเถอะ”
“คุณตา ฉันก็คิดถึงอวี้หลงเหมือนกันค่ะ แต่เมื่อสองสามวันก่อนฉันติดสอนนักเรียนอยู่ เลยไม่ทันได้แวะเวียนมา”
ผู้เฒ่าเซี่ยมีอาการขุ่นเคือง ทำหน้าบึ้ง “เธอคิดถึงแต่น้องชายแต่ไม่คิดถึงตาบ้างเหรอ?”
“คิดถึงสิคะ ฉันจะไม่คิดถึงคุณตาได้ไง?” หลินเซี่ยจับแขนของผู้เฒ่าเซี่ยแล้วร้องอ้อน “ฉันคิดถึงคุณตามากกว่าใครเลยค่ะ”
ผู้เฒ่าเซี่ยเตือนเสียงเบา “เซี่ยเซี่ย ทีหลังจะพูดจาอะไรต้องระมัดระวังไว้นะ”
หลินเซี่ยพยักหน้ารับพร้อมกับส่งสายตาให้ผู้เฒ่าเซี่ยเพื่อให้ท่านวางใจ
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
พลาดแล้วเอ้อร์เลิ่ง รีบปรึกษาคนอื่นๆ หาวิธีแก้ด่วนเลย
ไหหม่า(海馬)