ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 680 เริ่มฝึกอบรม
ตอนที่ 680 เริ่มฝึกอบรม
……….
ตอนที่ 680 เริ่มฝึกอบรม
เมื่อได้ยินเฉินเจียซิ่งพูดอย่างนั้น เฉินเจียเหอก็มีสีหน้าผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง
ภรรยาเขากำลังเป็นห่วงเขา
ภรรยาเขาเป็นคนอย่างไรเล่า? เขารู้ดีมากกว่าใครทั้งหมดว่าไม่มีใครในโลกนี้ที่รักและเป็นห่วงเขาได้มากเท่าเธออีกแล้ว
ขณะที่เขากำลังคิดอะไรเพลินๆอยู่ เฉินเจียซิ่งก็วิ่งตามติดเขา พลางพูดจ้ออีกว่า “แต่ว่าพี่ใหญ่ เมื่อกี้พี่สะใภ้พูดถูกนะ อย่าทำหน้าบึ้งนักสิ หน้าตาพี่น่ากลัวจนลูกศิษย์เขาได้วิ่งหนีหมดแล้ว ต่อไปลองใจดีดูบ้าง โดยเฉพาะกับฉันน่ะอย่าดุกันนักเลย ฉันก็เป็นน้องพี่นะ ไม่ใช่ใครที่ไหนเจอกันทีไรก็เตะก็ด่า ดีนะที่ฉันเป็นคนหล่อแถมยังมีความอดทน ถ้าเป็นเจียวั่งคงเลิกคบพี่ไปแล้ว”
เฉินเจียเหอหันขวับ มองด้วยหางตา พูดด้วยน้ำเสียงนิ่ง ๆ “เจียวั่งเขาไม่ปากเสียเท่าแก”
แล้วก็ไม่ได้ตาบอดเดินผิดทางเหมือนแกด้วย
เฉินเจียซิ่งถึงกับใบ้กินเมื่อพี่ชายพูดแบบนี้
เฉินเจียเหอเลี้ยวไปอีกซอย เดินไปยังทางเข้าหมู่บ้านตัวเอง แต่เฉินเจียซิ่งยังเดินตามมา จนเขาต้องถามว่า “แกตามฉันมาทำไม ไปทำงานของแกสิ”
“ไปทำงานอะไร วันนี้ผมหยุดงาน อุตส่าห์ตั้งใจว่าจะไปช่วยหงเสีย ที่ไหนได้หล่อนไม่ต้องการความช่วยเหลือ เช่นนั้นผมเลยจะไปนั่งพักที่บ้านพี่ก่อน พอถึงเวลาพักกลางวัน ผมจะไปรับหงเสียมากินข้าวด้วยกัน ไม่งั้นหงเสียจะมาทำงานในตอนบ่ายไม่ทัน”
เฉินเจียซิ่งเดินกลับบ้านพร้อมกับพี่ชาย โดยที่เฉินเจียเหอไม่เอ่ยอะไรอีกและไม่ได้ไล่เขาไป
…………………………………………………………
เก้าโมงเช้า นักเรียนที่ลงชื่อไว้ก่อนหน้าเริ่มทยอยกันมารายงานตัว
คนส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง เมื่อเห็นเฉินเจียวั่งยืนต้อนรับอยู่ที่ประตู หญิงสาวหลายคนก็ก้มหน้าพร้อมกับหน้าแดงเรื่อด้วยความเขินอาย ก่อนมองชม้อยชะม้ายแล้วเดินผ่านเขาไป
ส่วนหลินจินซานในวันนี้แต่งตัวเป็นทางการมาก ซึ่งอาจจะดูทางการไปนิด
ทั้งสวมสูท ผูกเนกไท เซ็ตผม สวมรองเท้าหนังหัวแหลม
ไหนจะท่าทางการต้อนรับลูกศิษย์ที่กระตือรือร้นนั่นอีก
หยางหงเสียรับผิดชอบลงทะเบียนเก็บค่าธรรมเนียม ชุนฟางกับหลินเยี่ยนมีหน้าที่แจกหนังสือ
หลักสูตรเหล่านี้หลินเซี่ยซื้อมาโดยเฉพาะจากโรงเรียนเสริมสวยที่เมืองเชินเฉิง แต่เนื้อหาในคู่มือการเรียนเหล่านี้ค่อนข้างเรียบง่าย และไม่มีทรงผมที่เธอคิดค้นขึ้นมาเอง
หนังสือเกี่ยวกับความงามก็เช่นกัน ด้วยข้อจำกัดด้านยุคสมัย เนื้อหาจึงค่อนข้างเรียบง่าย
เรียกว่าเป็นคู่มือการเรียนน่าจะเหมาะสมกว่า
มีนักเรียนทั้งหมดสามสิบสามคนลงทะเบียนสมัครเรียน ชำระค่าธรรมเนียม กว่าทุกอย่างจะเข้าที่ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว
หลินเซี่ยยืนอยู่บนแท่นเอ่ยทักทายและแนะนำตัวเองกับทุกคน จากนั้นก็ทำความรู้จักกับแต่ละคนด้วยท่าทางสบายๆ
บรรดาลูกศิษย์ที่มานั่งรอลงทะเบียนเรียนดูแล้วน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับพวกเธอ มีทั้งสาวน้อยที่เพิ่งเรียนจบหมาดๆ คุณแม่บ้านที่จูงลูกมาด้วย และก็มีสาวๆ ที่ตั้งใจเดินทางไกลมาจากชนบทเพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต
คำถามแรกคือถามว่าทำไมพวกหล่อนถึงเลือกมาเรียนที่นี่
เหล่าลูกศิษย์ที่นั่งอยู่ในห้องเรียนต่างก็แย่งกันตอบ ซึ่งคำตอบก็ไม่ค่อยต่างกันสักเท่าใด ประมาณว่าอยากเรียนวิชาชีพเพื่อให้มีอาชีพที่มั่นคงในอนาคต แต่ก็มีคนหนึ่งที่มีความฝันไกล อยากเปิดร้านเป็นของตัวเอง
“ทุกคนตอบได้ดีมากเลยค่ะ”
หลินเซี่ยถามด้วยรอยยิ้ม “แล้วมีใครบ้างที่เคยมีประการณ์ในการทำผมมาก่อนบ้าง หรือมีใครที่อยากเรียนเพราะชอบงานนี้”
บรรดาลูกศิษย์ในห้องเงียบกริบ
คนที่เคยทำก็มีแค่สาวน้อยคนหนึ่งที่หยางหงเสียเรียกมาช่วยสระผมในร้านเมื่อช่วงปลายปีที่แล้ว เพราะเคยเป็นลูกมือในร้านตัดผมมาก่อน
แต่ก็แค่สระผม ยังไม่ถึงขั้นได้ลองตัด
ส่วนคนที่มีความรู้ด้านแต่งหน้านั้นไม่มีเลย
หากจะพูดให้ถูกต้องคือนักเรียนที่ลงทะเบียนมานั้นไม่มีใครมีพื้นฐานเลย
“ไม่เป็นไร ถึงแม้จะไม่มีพื้นฐานกันมาเลย ขอแค่ตั้งใจเรียน ทุกคนก็สามารถประสบความสำเร็จได้” หลินเซี่ยพูด “ฉันรู้ว่าทุกคนมาที่นี่ก็เพื่อต้องการจะนำความรู้จะได้ไปใช้ต่อยอดในสายอาชีพนี้ บางคนอาจถึงขั้นคิดอยากจะมีร้านเป็นธุรกิจของตัวเอง ความตั้งใจของทุกคนมันสุดยอดมาก ขอแค่ตั้งใจเรียน ระยะเวลาเพียงสามเดือนก็เป็นช่างตัดผมที่เก่งได้แล้ว ส่วนคนที่ลงเรียนทั้งสองอย่าง เราจะให้เรียนไปทีละอย่าง คล่องแล้ว ทำได้แล้วก็ค่อยไปเรียนอย่างต่อไปนะคะ”
เธอไม่ได้วาดฝันให้พวกเขา หรือพูดเรื่องไร้สาระ หรือพูดขายฝันอะไรทำนองนั้น
นักเรียนกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ยังเรียนไม่จบ ก็ต้องไปทำงานหาเลี้ยงชีพ เมื่อไม่ได้เรียนจนครบหลักสูตร พวกเขาจึงไม่มีทักษะความรู้มากพอที่จะเป็นที่ยอมรับ เช่นนี้จึงลงทะเบียนเพื่อเข้ามาหาความรู้และพัฒนาทักษะอาชีพ
จุดประสงค์ในการเรียนของพวกเขาคือเพื่อหาเงินและมีงานทำ
หลินเซี่ยนั่งพูดคุยและสอนนักเรียนทั้งเช้า
บางคนก็ยังสงสัยว่าการที่เธอตั้งท้องจะส่งผลกระทบต่อการสอนหรือไม่
หลินเซี่ยรับรองกับทุกคนว่าไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน เพราะนี่เป็นหลักสูตรระยะสั้น เน้นการเรียนรู้ทักษะเป็นหลัก ไม่ต้องเรียนทฤษฎีมากมาย
หลังจากบรรยายเกี่ยวกับเทคนิคการทำผมและความงามแล้ว ก็เริ่มลงมือปฏิบัติจริงเลย
บรรยากาศในห้องเรียนเป็นไปอย่างดีมาก ทุกคนล้วนตั้งใจเรียน บางคนถึงขั้นกู้ยืมค่าเล่าเรียนมา ดังนั้นจึงไม่มีใครมาเรียนแบบขอไปที
ทุกคนที่มาที่นี่ต่างตั้งใจเก็บเกี่ยวความรู้ให้ได้มากที่สุด เพราะหวังว่าสิ่งนี้จะสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตของพวกเขาได้
หลินเซี่ยบรรยายอย่างเอาจริงเอาจัง เพราะเธอมีร้านสองแห่งเป็นเครื่องการันตี บวกกับรูปถ่ายฝีมือการแต่งหน้าทำผมที่เธอทำให้เซี่ยอวี่และเจียงอวี่เฟยในการประกวดนางแบบที่แขวนอยู่บนผนังห้องเรียน เช่นเดียวกับรูปถ่ายที่เธอถ่ายร่วมกับเซี่ยอวี่และเจียงอวี่เฟย
เหล่าลูกศิษย์บางคนก็เคยไปดูงานที่ร้านของเธอด้วย จึงเชื่อมั่นในฝีมือและความสามารถของหลินเซี่ยมาก
หลินจินซานยืนอยู่หน้าห้องเรียน มองดูหลินเซี่ยสอนนักเรียนอย่างลื่นไหลไม่มีอุปสรรคใดๆ สีหน้าของเขาก็เปี่ยมด้วยความปลาบปลื้มใจ
นี่คือน้องสาวของเขา
ขณะที่เธอกำลังอธิบายความรู้ความด้านความงามและการทำผมให้กับผู้ฝึกงาน ดวงตาเธอก็เป็นประกาย ตัวเธอในขณะนี้ช่างดูเจิดจรัสมาก
ชุนฟาง หลินเยี่ยน และหยางหงเสียก็ยืนฟังอย่างตั้งใจ
ตอนนี้พวกหล่อนจัดอยู่ในประเภทเรียนไป ปฏิบัติไป
พวกหล่อนไม่มีปัญหาในการปฏิบัติจริง แต่หากให้อธิบายเชิงทฤษฎี ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากอยู่
ทุกคนฟังแล้วก็ตื่นเต้น
เหมือนที่หลินเซี่ยบอก หากพวกเขามีความรู้แล้ว ในอนาคตหากมีเงินก็สามารถเปิดธุรกิจเป็นของตัวเองได้ หากยังมีเงินไม่มากพอก็สามารถนำความรู้ไปสมัครเป็นช่างในร้านของคนอื่นก่อนก็ได้
หลังจากพักเที่ยง ลูกศิษย์ที่เดินออกมาแล้วบางคนก็เผลอมองสบกับเฉินเจียวั่งโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย
เห็นจะมีแต่หญิงสาวคนหนึ่งที่กล้าเดินเข้าไปถามเฉินเจียวั่งว่าเป็นพนักงานของที่นี่ใช่หรือไม่
เฉินเจียวั่งมีบุคลิกเย็นชามาก แต่เพื่อไม่ให้สร้างความลำบากกับหลินเซี่ย เขาจึงตอบกลับผู้หญิงคนนั้นไปว่าตนเป็นพนักงานชั่วคราว
สิง่ที่เกิดขึ้นอยู่ในสายตาของหลินเซี่ยทั้งหมด
เมื่อนักเรียนออกไปหมดแล้ว หลินเซี่ยจึงเดินเข้ามาหาเฉินเจียวั่ง
“เจียวั่ง บ่ายนี้นายไม่ต้องเข้ามาแล้วนะ”
เฉินเจียวั่งที่ยังไม่เปิดเทอมจึงอยู่ว่างที่บ้าน แต่เมื่อได้ยินหลินเซี่ยบอกว่าไม่ต้องมาแล้ว สีหน้าก็ดูหมองลง
เนื่องเพราะเขาได้ยินมาว่าหลินเซี่ยจะเรียกเจียงอวี่เฟยมาในช่วงบ่าย เพื่อให้หล่อนมาเป็นแบบในการแต่งหน้าทำผมให้เหล่านักเรียนได้ดู
เฉินเจียวั่งพูดว่า “ช่วงบ่ายฉันก็ไม่มีอะไรทำ”
หลินเซี่ยหัวเราะและพูดว่า “ขืนนายยังอยู่ต่อ เหล่านักเรียนจะตั้งใจเรียนกันไหมล่ะ”
สติของพวกหล่อนคงจะอยู่ที่เฉินเจียวั่ง แทนที่จะอยู่ตรงบทเรียน
หลินจินซานที่เข้าใจความหมายในคำพูดของหลินเซี่ย จึงพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เซี่ยเซี่ย ถ้าอย่างนั้นฉันก็มาตอนบ่ายไม่ได้เหมือนกันน่ะสิ?”
หลินเซี่ยตอบกลับไปตามปกติว่า “ถ้าพี่ว่างตอนบ่าย พี่จะมาก็ได้ แต่ถ้าไม่ว่างก็ไปทำงานของพี่เถอะ”
หลินจินซานอุทานอย่างสงสัย ทำไมถึงให้เหตุผลของเขาต่างจากของเฉินเจียวั่งกันล่ะ?
การที่เขามาที่นี่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเหล่าลูกศิษย์ถึงขนาดนั้นเชียวเหรอ?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
หน้าตาเป็นเหตุแท้ๆ เจียวั่งเอ๊ย หล่อได้เรื่องมากเลย
ไหหม่า(海馬)