ทะลุมิติไปเป็นช่างเสริมสวยยุค 80 - ตอนที่ 678 กลุ่มผู้ชายไร้เดียงสา
ตอนที่ 678 กลุ่มผู้ชายไร้เดียงสา
……….
ตอนที่ 678 กลุ่มผู้ชายไร้เดียงสา
เพราะความโกรธ พวกเขาจึงพลั้งปากพูดไปตามอารมณ์เพื่อระบายความคับข้องในใจ พอได้ยินคำพูดของลู่เจิ้งอวี่ ชายหนุ่มทั้งหลายก็ตาลุกวาวขึ้นมาในทันที
ไม่คิดเลยว่าเรื่องแบบนี้จะมีอยู่จริง
ใบหน้าคล้ำเข้มของฟางจินเป่าดูตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อย เขามองลู่เจิ้งอวี่ด้วยความคาดหวัง ถามว่า
“เรื่องจริงเปล่าเนี่ย”
ลู่เจิ้งอวี่พยักหน้าอย่างจริงจัง “จริง เรื่องนี้เขาลือกันหนาหู จนกระทั่งถึงช่วงปีใหม่ลุงของฉันจะห้ามหลานชายของเขาทั้งหมดไม่ให้ตัดผม ช่วงปีใหม่เขาก็จะหาของอร่อยมาให้เราเยอะแยะ เพราะกลัวว่าเราจะไปตัดผม ฮ่าๆ”
เมื่อลู่เจิ้งอวี่พูดเช่นนี้ เซี่ยไห่เองก็สนใจขึ้นมาบ้าง เขาเกาคางครุ่นคิด “งั้นเดี๋ยวเรียกหู่จือออกมา เราจะไปร้านตัดผมเพื่อตัดผมให้ไอ้หนุ่มน้อยกัน”
พวกเขาเกลียดลุงของหู่จือเหลือเกิน เกลียดจนเข้ากระดูกดำ
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ใช่ญาติสนิทมิตรสหาย การที่จู่ๆ จะไปลงไม้ลงมือกับเขาจึงย่อมเป็นเรื่องที่ทำไม่ได้
ทำได้เพียงอยู่ห่างๆ ให้พ้นหน้ากันก็พอ
หลังจากที่จางเหมยทิ้งลูกไป พวกเขาก็เคยไปตามที่บ้านแม่ของจางเหมย
ตอนนั้นพี่ภรรยาสารเลวบอกว่าจางเหมยแต่งงานไปแล้ว ลูกก็
ไม่ใช่เรื่องของพวกเขา พวกเขาไม่มีสิทธิ์จะเอาลูกของจางเหมยเข้าบ้าน
ความแค้นนี้ยังพุ่งพล่านอยู่ในอกจนถึงทุกวันนี้
และวิธีนี้ก็เป็นวิธีเดียวในการระบายความคับแค้นนี้
ถังจวิ้นเฟิงถามหลินเซี่ยว่า “พี่สะใภ้ ร้านตัดผมเปิดแล้วใช่ไหม?”
หลินเซี่ยหัวเราะแห้งๆ พลางพยักหน้า “เปิดตั้งแต่เมื่อวานซืนแล้วน่ะ”
อย่างนี้นี่เอง
ผู้ชายตัวโตเหมือนเด็กเพิ่งค้นพบโลกใหม่ หัวเราะชอบใจ สุมหัวกันวางแผนเรื่องใหญ่โตนี้
หลินเซี่ยได้แต่นั่งมองตาปริบๆ
เหล่าทหารปลดประจำการพวกนี้เชื่อเรื่องแบบนี้ด้วย?
แต่ก็ใช่
เพราะพวกเขาทำอะไรพี่ใหญ่ของจางเหมยไม่ได้ ก็เลยต้องรวมหัวกันคิดแผนแก้แค้นเอาคืน
ขอแค่ได้ปลอบใจตัวเอง
พอเฉินเจียเหอเห็นสีหน้าพิลึกพิลั่นของหลินเซี่ย เขาก็พูดเสียงแผ่ว “อย่าไปสนใจคนพวกนั้นเลย พวกเขาก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว”
หู่จือถือภาพวาดวิ่งออกมาแล้วเห็นคุณตาและลุงสุมหัวพูดคุยกัน มีพ่อกับแม่เขานั่งอยู่ข้างๆพลางกินเมล็ดแตง เขาก็ตะโกนว่า “ผมวาดรูปเสร็จแล้ว เราออกไปเล่นก็ได้หรือยังครับ”
พอได้ยินเสียงของหู่จือ ทุกคนก็เงยหน้าขึ้นมองแทบจะทันที
สายตาของฟางจินเป่าจดจ้องไปที่ศีรษะของหู่จือ ผมของเด็กคนนี้ยังไม่ยาวนี่นา
“หู่จือวาดรูปอะไร ไหนให้พวกเราดูหน่อยสิ”
หู่จือส่งผลงานชิ้นเยี่ยมของเขาให้ดูอย่างกระตือรือร้น
เขาอธิบายว่า “ภาพนี้มีผมกับพ่อกับแม่และน้องสาวผมอีกคน ส่วนภาพนี้มีคุณตารอง มีลุงฟาง ลุงถัง อาลู่ แล้วก็มีผมด้วย”
เซี่ยไห่รับผลงานศิลปะแนวนามธรรมของหู่จือมาดู
เขาถามด้วยความสงสัย “เด็กน้อย คนไหนคือตารองเหรอ?”
หู่จือชี้ไปที่ตำแหน่งริมสุดแล้วพูดว่า “คนที่ผูกเนคไทด์คนนี้คือคุณตารอง ดูสิคุณตารองใส่รองเท้าหัวแหลมด้วยนะ”
เซี่ยไห่ร้องอุทานอย่างรังเกียจ “น่าเกลียดเกินไปแล้ว”
เฉินเจียเหอเถียงขึ้นมาทันควัน “น่าเกลียดตรงไหน ลูกชายผมอายุแค่ 6 ขวบ วาดรูปได้ขนาดนี้ถือว่าเก่งมากแล้วนะ”
เฉินเจียเหอที่ปกติแล้วค่อนข้างเข้มงวดกับหู่จือ กลับมองหู่จือด้วยสายตาอ่อนโยน อีกทั้งยังเอ่ยชมผลงานศิลปะสี่มิติของลูกชายอย่างเต็มที่
หลินเซี่ยเฝ้ามองท่าทางของเฉินเจียเหอแล้วก็อดสงสารเขาไม่ได้
เขาเลี้ยงดูหู่จือเป็นเหมือนลูก แต่แล้วตอนนี้จู่ๆ จางเหมยก็กลับมา เขาคงจะเป็นคนที่ต้องเสียใจมากกว่าใครเป็นแน่หากต้องเสียลูกชายคนนี้ไป
หลินเซี่ยจึงเอ่ยขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ใช่ค่ะ ลูกชายฉันวาดรูปเก่งมาก”
“ฉันก็คิดแบบนั้น หู่จืออายุเท่าไหร่กันล่ะ วาดได้แบบนี้ก็ดีมากแล้ว” ที่สำคัญคือเด็กคนนี้มีจิตใจใสซื่อบริสุทธิ์ และเต็มใจที่จะวาดให้ทุกๆคน นี่ถือว่าล้ำค่าที่สุดแล้ว
ฟางจินเป่าลากหู่จือเข้ามาใกล้ พร้อมกับเอ่ยปากเกลี้ยกล่อมด้วยรอยยิ้ม “หู่จือเอ๋ย ผมเธอเริ่มยาวแล้ว เดี๋ยวเราไปตัดผมแล้วค่อยไปดูดอกไม้ไฟ ดีไหม?”
หู่จือเอามือลูบหัวตัวเองพลางพูดว่า “ผมไม่ได้ยาวนี่ครับ ตอนใกล้ปีใหม่คุณแม่เพิ่งตัดผมให้ ตอนนี้มันยังสั้นอยู่เลย แม่บอกว่าจะตัดผมให้ในวันมังกรผงาดเศียรน่ะครับ”
เซี่ยไห่พูดขึ้น
“ไม่เป็นไร ตัดตอนนี้ก็ได้เหมือนกัน ผมเด็กจะงอกไวมาก ยิ่งตัดบ่อยผมจะยิ่งงอกเร็วขึ้น จะได้ไม่หัวล้านตอนโต”
หู่จือหันไปมองหลินเซี่ย
เรื่องตัดผม แม่ของเขาล้วนเป็นคนตัดสินใจ แม่บอกว่าเมื่อใดที่ยาวแล้วก็จะตัดให้
“ตารองกับคนอื่นๆ เขาอยากให้ลูกตัดผมน่ะ งั้นตัดผมด้านหลังให้สั้นลงหน่อย แล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองนะ”
“ที่บ้านมีบัตตาเลี่ยนไหม โกนมันซะตรงนี้เลยก็ได้ ไม่ต้องไปร้านตัดผมให้ยุ่งยาก”
เซี่ยไห่พูดขึ้น “จริง ให้เซี่ยเซี่ยโกนศีรษะหู่จือพอเป็นพิธีก็ได้”
เซี่ยไห่หาบัตตาเลี่ยนทั่วบ้าน
จากนั้นก็หยิบออกมาแล้วส่งให้หลินเซี่ย
หลินเซี่ยถึงกับพูดไม่ออกยามมองกลุ่มชายฉกรรจ์เหล่านี้ที่จ้องมองบัตตาเลี่ยนในมือเธออย่างเต็มไปด้วยความคาดหวัง
จู่ๆ เธอก็รู้สึกคลางแคลงใจขึ้นมาเล็กน้อย ถ้าหากความเชื่อดังกล่าวเกิดเป็นจริงขึ้นมาล่ะ
และตอนนี้เธอก็กำลังตั้งครรภ์อยู่ จะทำเรื่องไม่ดีแบบนี้ได้อย่างไรกัน
“ทำกันเองเถอะค่ะ ฉันไม่สะดวก” เธอส่งบัตตาเลี่ยนให้เฉินเจียเหอ
“คุณทำเถอะ” เรื่องแบบนี้มันเป็นหน้าที่ของภรรยา จะให้เขาทำได้อย่างไรกัน
เฉินเจียเหอส่งบัตเตอเลี่ยนให้เซี่ยไห่อีกครั้ง
“ก็ได้ๆ ฉันจัดการเอง”เซี่ยไห่พับแขนเสื้อเตรียมลงมือ แต่หู่จือห้ามไว้
“ไม่ได้ คุณตารองไม่ใช่ช่างตัดผม ถ้าเกิดตัดผมไม่ดี ผมจะไปโรงเรียนยังไง ผมจะให้แม่ผมตัดให้เท่านั้น”
นอกจากหลินเซี่ยแล้ว หู่จือจะไม่ให้ใครตัดผมเขาทั้งนั้น
ทุกครั้งที่แม่เขาตัดผมให้ล้วนออกมาดูดีมาก ดังนั้นหากไม่ใช่แม่เขา เขาจะไม่ยอมตัดกับใครเป็นอันขาด
สุดท้ายบัตตาเลี่ยนก็มาอยู่ในมือของหลินเซี่ยอีกครั้ง หลินเซี่ยอดรนทนไม่ได้กับสายตาคาดหวังของเหล่าผู้ชายตัวโตพวกนี้ ดังนั้นเธอจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากไถผมด้านหลังของหู่จือให้สั้นลงพอเป็นพิธี
“เสร็จแล้ว เรียบร้อย”
ฟางจินเป่าที่ยืนอยู่ข้างๆ มองหลินเซี่ยที่ตัดผมให้หู่จืออย่างชำนาญแล้วพูดขึ้นว่า “ผมฉันก็ยาวแล้วเหมือนกันแฮะ ถ้าไม่ใช่เพราะลุงฉันยังมีชีวิตอยู่ ฉันก็คงให้น้องสะใภ้ตัดให้ตั้งแต่ตอนนี้เลย”
ครั้งก่อนเขาให้หลินเซี่ยตัดผมให้เมื่อปีที่แล้ว พอเขาไปทำงาน เพื่อนร่วมงานก็ชมเขาว่าหล่อเหลาเอาการกันใหญ่
ช่วงนั้นเขาถึงกับสำลักคำชมไปพักใหญ่ๆ เลยทีเดียว
เสียดายที่หลังจากนั้นก็ยุ่งอยู่ตลอด ไม่มีโอกาสมาให้หลินเซี่ยตัดผมให้เลย
“หยุดๆ คุณแก่แล้วจะหลงตัวเองไปถึงไหน”
หลังจากตัดผมให้หู่จือเสร็จ เฉินเจียเหอก็ไปทำความสะอาด ส่วนเซี่ยไห่ก็พาหู่จือออกไปเที่ยว บอกว่าจะไปดูดอกไม้ไฟตอนกลางคืน
หลินเซี่ยกลัวจะเหนื่อยล้าก่อนเปิดคลาสเรียนอบรมพรุ่งนี้ จึงไม่ทำอะไรมากในตอนเย็น เธอตั้งใจเตรียมการสอนและเข้านอนเร็วเพื่อที่ตนเองจะได้สดชื่นพร้อมพบกับนักเรียนในวันพรุ่งนี้
เมื่อเห็นว่าหลินเซี่ยที่กำลังตั้งครรภ์เปิดคลาสเรียนอบรม ฟางจินเป่าก็พูดด้วยความเป็นห่วงว่า “น้องสะใภ้ ท้องโตขนาดนี้แล้วน่าจะพักนะ ทำไมถึงยังทำงานอยู่อีกล่ะ”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คลาสเรียนอบรมมีคนอื่นดูแลอยู่ด้วย ฉันแค่ไปนั่งสอนเฉยๆ ไม่ได้มีปัญหาอะไร อยู่บ้านเฉยๆ น่าเบื่อยิ่งกว่าอีก การได้ไปสอนนักเรียนก็ถือว่าเป็นการฝึกฝนร่างกายไปด้วย”
ห้องเรียนของคลาสเรียนอบรมอยู่ตรงหน้าบ้านนี่เอง เดินไปแค่ไม่กี่ก้าวก็ถึง อีกทั้งการได้พบเจอผู้คนมากขึ้นทำให้เธออารมณ์ดี ซึ่งส่งผลดีต่อทารกในครรภ์
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เอ็นดูหนุ่มๆ พวกนี้จังเลย ทำอะไรเขาไม่ได้ก็เลยมาลงเอากับไสยศาสตร์ความเชื่อ
ไหหม่า(海馬)