ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 80 การเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน
บทที่ 80 การเก็บเกี่ยวประจำฤดูร้อน
“พี่รู้ได้อย่างไรคะ?” โจวเสี่ยวเม่ยถามขณะแก้มทั้งสองกลายเป็นสีแดง
“เธอคิดว่าจะเป็นอะไรได้อีกล่ะในเรื่องที่พี่บอกเขาว่าเธอลาหยุดพรุ่งนี้? ถ้าพรุ่งนี้เขามารับเธอไปเที่ยว เธอก็ต้องจริงจังให้มาก แต่ถ้าเขาไม่มา ก็แสดงว่าเขาหัวทึบเกินไปและมันยังพิสูจน์ได้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขากับลุงของเขาไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก แม้กระทั่งบอกกล่าวกันยังไม่มี” หลินชิงเหอพูดจบแล้วก็กลับไป
เมื่อหญิงสาวเข้านอนในตอนกลางคืน เธอก็เล่าเรื่องของซูต้าหลินให้โจวชิงไป๋ฟัง
“เขาถือว่าเป็นผู้ชายค่อนข้างดีเลยค่ะ เตี้ยกว่าคุณนิดหน่อย สูงเกือบ 180 เซนติเมตร” หลินชิงเหอเล่า โจวชิงไป๋สูงเกือบ 185 เซนติเมตร นับว่าเป็นคนสูงในยุคนี้ที่เกิดภาวะทุพโภชนาการไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
“โหงวเฮ้งหน้าตาของเขาก็นับว่าดีเหมือนกันค่ะ จมูกของเขาโด่งให้ความรู้สึกไร้เดียงสา ดวงตาดำกับขาวตัดกันชัดเจน กระจ่างใส ไม่มีประกายแบบคนเจ้าเล่ห์กังฉิน” หลินชิงเหอเอ่ยต่อ
ด้วยโฉมหน้าของเธอแล้ว หากเป็นชายหนุ่มคนอื่นก็คงจะไม่เห็นโจวเสี่ยวเม่ยยืนอยู่ข้าง ๆ แต่กลับกัน เธอไม่เห็นเงาของเธอในดวงตาของซูต้าหลินเลย ในดวงตาของเขามีแต่โจวเสี่ยวเม่ยเท่านั้น
“แม้เขาจะพูดติดอ่างนิดหน่อย แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญในการดำเนินชีวิตหรอกค่ะ ในภายหน้าหากพวกเขาสองคนทะเลาะกัน มีตัวเขาสิบคนก็สู้เสี่ยวเม่ยคนเดียวไม่ได้ แล้วฉันก็ได้ยินเสี่ยวเม่ยบอกว่าบ้านของเขาน่าอยู่ด้วยค่ะ มีขนาดมากกว่า 10 ตารางเมตร” หลินชิงเหอกล่าว
อย่ามองบ้านสมัยนี้ด้วยสายตาคนรุ่นใหม่เลย ในยุคนี้ทั้งครอบครัวต้องอยู่แบบอัดรวมกันในบ้านพื้นที่ขนาดราว 40 ตารางเมตร
เห็นได้ว่าบ้านของซูต้าหลินที่มีขนาดราว 40 ตารางเมตรช่างดูกว้างขวางโอ่โถงขนาดไหน
“แล้วเขาก็ทำงานได้เงินเดือนละ 34 หยวนด้วย”
เงินเดือนจำนวนนี้คิดเป็นสองเท่าของเงินเดือนโจวเสี่ยวเม่ยทีเดียว เนื่องจากโจวเสี่ยวเม่ยเป็นพนักงานใหม่ แม้ในปีนี้หล่อนจะได้เงินเดือนเพิ่มเล็กน้อย แต่ก็มีแค่ 17 หยวน ส่วนซูต้าหลินได้เงินเดือน 34 หยวนเพราะเขาเป็นหัวหน้าคนงาน และยังทำงานมาเป็นเวลายาวนานแล้ว
ครอบครัวที่มีทั้งหมด 5 คนอย่างครอบครัวเธอสามารถอยู่ดีกินดีได้ด้วยเงิน 10 หยวน ซึ่งแน่นอนว่าเป็นมาตรฐานของสมัยนั้น
แต่ถ้าใช้มาตรฐานของหลินชิงเหอ เธอก็จะบวกเพิ่มไปอีก 10 หยวน ดังนั้นเงิน 20 หยวนถือว่าเพียงพอที่จะทำให้ครอบครัวของเธออยู่อย่างสุขสบาย
ก่อนหน้านี้หญิงสาวรู้สึกว่าเธอใช้จ่ายเงินหมดเร็วมาก แต่ตอนนี้เธอมีวิธีหาเงินแล้ว
การขายเนื้อหมูที่ซื้อต่อมาจากเม่ยเจี่ยและสามีของหล่อนจะทำให้เธอได้เงินราว 4 หยวนในแต่ละครั้ง
ในตลาดมืดไม่ต้องใช้คูปองเนื้อ เธอจึงสามารถแลกมันกับคูปองธัญพืชบางอย่างได้ แต่ราคาก็นับว่ายังแพงอยู่ มันมีราคาได้ถึง 1.5 จนถึง 1.6 หยวนต่อชั่งเลยทีเดียว
เมื่อมารับเนื้อ 5 ชั่งในทุก 3 วัน บวกเนื้อของแถมไปด้วยมันก็จะได้เนื้อทั้งหมดราว 7 ชั่ง
หลังตัดผลกำไรที่ต้องให้เม่ยเจี่ยไปส่วนหนึ่งแล้ว ราคาของเนื้อชั่งหนึ่งก็จะอยู่ที่ 1 หยวน ซึ่งเธอจะได้เงินมา 5 เหมาต่อชั่ง
ในแต่ละครั้งเธอจะได้เงินราว 4 หยวน เมื่อขายทุกสามวันต่อเดือน เธอก็จะได้กำไร 40 หยวน
หลินชิงเหอมีความรอบคอบอย่างมากในการขายต่อเนื้อหมู เธอจะขายเฉพาะเจาะจงกับเหล่าสตรีสูงวัย สตรีสูงวัยเหล่านี้มักจะมีคนในครอบครัวจำนวนมากและไม่สร้างปัญหาในการซื้อขาย พวกหล่อนรอบคอบกว่าเธออีกในตอนที่ซื้อขายกัน
ในเดือนหนึ่งเธอสามารถหาเงินได้จำนวนเท่านี้ ต่อให้การบริโภคในครอบครัวของเธอมีปริมาณมาก เธอก็ยังประหยัดไปได้มาก
หลินชิงเหอรู้สึกพอใจไม่น้อย ยิ่งกว่านั้นเธอยังมีความพยายามที่จะประหยัดเงินอีกด้วย การประหยัดเงินในที่นี้หมายถึงเธอจะมีเงินเก็บจำนวนมากเลยทีเดียวในทันทีที่ข้อห้ามทางการค้าถูกยกเลิก ซึ่งตอนนั้นเธอก็จะมีทุนสำรองเพียงพอ
เรื่องนี้ยังไกลตัวเกินไป ดังนั้นวกกลับมาที่เรื่องของโจวเสี่ยวเม่ยดีกว่า
หลังได้ยินสิ่งที่ภรรยาพูดแล้ว โจวชิงไป๋ก็เอ่ยขึ้น “ถ้าคุณคิดว่าเขาดี ผมก็ว่าดี”
“คุณเชื่อสายตาฉันมากขนาดนี้เลยเหรอคะ?” หลินชิงเหอเอ่ยพลางฉีกยิ้ม
ริมฝีปากของโจวชิงไป๋โค้งขึ้นเล็กน้อยขณะที่เขามองเธอเงียบ ๆ ซึ่งหลินชิงเหอคิดว่ารอยยิ้มของเขาดูน่ามองมากทีเดียว ต่อให้เขาจะไม่ค่อยยิ้มก็ตาม
“ถ้าฉันเดาไม่ผิด โจวเสี่ยวเม่ยคงจะได้แต่งงานภายในปีนี้แน่ เราไม่มีของมากนัก แต่เมื่อถึงเวลาก็คงจะให้ผ้านวมผืนใหม่เป็นของขวัญแต่งงานของหล่อนได้” หลินชิงเหอครุ่นคิด
ในยุคนี้ผ้านวมผืนใหม่ถือเป็นของหรูหรา ยิ่งกว่านั้นมันยังแสดงให้เห็นว่าสะใภ้ทั้งสองมีความสัมพันธ์แน่นแฟ้นเพียงใด ไม่อย่างนั้นแล้วสะใภ้ที่ไหนจะให้ผ้านวมผืนใหม่แบบนั้นกันล่ะ?
“แล้วแต่คุณเลย” โจวชิงไป๋บอกให้รู้ว่าเขาจะไม่ยุ่งกับเรื่องของในบ้าน
หลินชิงเหอสอดแขนโอบรอบเอวของเขา ก่อนจะให้ความเห็น “ช่วงนี้คุณผอมลงไปเยอะเลยนะคะ”
เธอบำรุงเขาเต็มที่ในฤดูหนาวจนเขาอ้วนและแข็งแรง แต่ตอนนี้กำลังเข้าสู่ฤดูร้อนแล้ว เห็นชัดเลยว่าเขามีน้ำหนักลดลง
“ไม่ใช่สักหน่อย” โจวชิงไป๋ส่ายหน้า เขาแค่แข็งแรงต่างหาก จากนั้นน้ำเสียงของชายหนุ่มก็ฟังดูทุ้มพร่าอีกครั้ง “ภรรยาครับ คุณหายดีแล้วหรือยัง?”
หลินชิงเหอกระแอมไอแห้งและเอ่ยตอบ “รอบเดือนเดือนนี้ของฉันยังไม่หมดเลยค่ะ”
โจวชิงไป๋ระบายลมหายใจ หลินชิงเหอเห็นแล้วก็หัวเราะคิกคักและดึงแก้มทั้งสองของเขา “ทำไมตอนนี้คุณเป็นคนดื้อนักล่ะคะ?”
แล้วตอนไหนผมถึงว่าง่ายสำหรับคุณล่ะ?
โจวชิงไป๋ยักคิ้วข้างหนึ่ง แววตาของเขาสื่อข้อความดังกล่าวออกมา
หลินชิงเหอรับรู้จึงตอบด้วยรอยยิ้มบาง “ตอนแรกที่คุณกลับมาบ้านน่ะคุณว่าง่าย ฉันบอกให้คุณไปนอนห้องข้าง ๆ คุณก็ไปนอนตามที่ฉันบอกไม่ใช่เหรอคะ? ฉันคิดว่าคุณไม่สนใจฉันเสียแล้ว”
โจวชิงไป๋ได้ฟังก็จนใจ
จะบอกว่าอย่างไรดีล่ะ? ว่าความปรารถนาสูงสุดตอนที่เขากลับมาก็คือการได้เห็นเธอมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุข
ความปรารถนาของมนุษย์มีแต่จะมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้เธอจะอารมณ์ร้าย แต่ก็เอาใจใส่เขาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง แม้ช่วงนั้นเธอจะยังเมินเฉยกับเขา แต่เขาก็รู้สึกได้ว่าเธอเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน
เขาจึงไม่รู้ว่าเมื่อใดกันที่ตนเองเริ่มอยากใกล้ชิดเธอมากขึ้น
“รีบนอนเร็วเข้าค่ะ เดือนหน้าก็จะได้เวลาเก็บเกี่ยวช่วงฤดูร้อนแล้ว แทนที่จะสะสมพลังไว้ คุณกลับใช้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ เสียนี่” หลินชิงเหอเอ่ยเร่ง
โจวชิงไป๋จึงนอนกอดเธอจนกระทั่งหลับไป
ตอนนี้เป็นเดือนพฤษภาคมแล้ว
อากาศในเดือนพฤษภาคมร้อนขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้บรรดาปลาหนีชิว(1) และปลาไหลนาต่างออกมาเริงร่าในนาข้าว
เมื่อโจวชิงไป๋ออกไปทำงานในนา เขาก็จะนำพวกมันกลับมาด้วยเนือง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่ชายหนุ่มคนเดียว เจ้าใหญ่ก็ชอบจับปลาหนีชิวเหมือนกัน
เด็กชายหิ้วถังน้ำอย่างร่าเริง โดยมีทั้งเจ้ารองและเจ้าสามตามไปด้วย เนื่องจากระดับน้ำไม่ลึกนักและมีแต่โคลนตม หลินชิงเหอจึงปล่อยให้พวกเขาได้จับปลาตามสบาย แต่เธอก็เตือนเจ้าใหญ่ว่าให้ดูแลน้องชายทั้งสองเป็นระยะ ซึ่งเจ้าใหญ่ก็รับผิดชอบได้ดีทีเดียว
ปลาหนีชิวที่จับมาได้จะถูกเลี้ยงในน้ำสะอาดเป็นเวลาหนึ่งคืนให้คายโคลนก่อนถึงจะนำมาปรุงอาหารได้ในวันต่อมา
อาหารที่ทำก็มีปลาหนีชิวกับเต้าหู้ ปลาหนีชิวกระทะร้อน หรือไม่ก็ปลาหนีชิวตุ๋น ทุกคนชอบทานอาหารเหล่านี้กันหมด แม้แต่โจวชิงไป๋ที่ไม่ชอบกลิ่นสาบโคลนของปลาชนิดนี้ก็ยังชอบทาน
ชั่วพริบตาเดียวมันก็เป็นต้นเดือนมิถุนายนแล้ว
การเก็บเกี่ยวฤดูร้อนจะเริ่มในปลายเดือนนี้
แต่ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันก็มีฝนตก และมันก็ตกหนักมากทีเดียว
“เรื่องนี้จะกระทบการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนไหมคะ?” หลินชิงเหอถาม
“ไม่หรอก” โจวชิงไป๋ตอบ ตอนนี้เขาอยู่กับบ้านเนื่องจากไม่ต้องทำงานในวันที่ฝนตก
“ดีแล้วค่ะที่มันไม่เกี่ยว ไม่อย่างนั้นเราคงไม่มีอะไรกินแน่ เพราะเราต้องพึ่งพาผลผลิตในรอบนี้” หลินชิงเหอกล่าว
แต่สวรรค์ก็เป็นใจนักที่ทำให้ฝนตกหนักในช่วงต้นเดือนราวเจ็ดถึงแปดวัน พอถึงกลางเดือนมิถุนายน ท้องฟ้าก็เริ่มแจ่มใส ยิ่งกว่านั้นมันยังเป็นวันที่มีแสงแดดจ้าและร้อนอบอ้าวอีกด้วย
เสียงแตรแสดงถึงการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนดังขึ้นจนกระทั่งถึงปลายเดือนมิถุนายน
คนทั้งหมู่บ้านต่างมารวมตัวกันในวันสำคัญอย่างการเก็บเกี่ยวฤดูร้อนเช่นนี้ ยกเว้นหลินชิงเหอเพียงคนเดียว เจ้าใหญ่กับเจ้ารองก็มาร่วมทำงานด้วย เพื่อที่จะได้แต้มค่าแรงจากการเก็บเกี่ยวข้าวสาลี
หลินชิงเหอเป็นคนดูแลสัตว์เลี้ยงที่บ้าน จากนั้นก็เตรียมอาหารและนำไปให้ครอบครัวที่ทำงานในแปลงนาพร้อมกับเจ้าสามในทันทีที่ปรุงเสร็จเรียบร้อย แล้วทั้งครอบครัวก็ล้อมวงกันทานอาหารใต้ต้นไม้
………………………………………………………………………………….
(1)ปลาน้ำจืดชนิดหนึ่ง พบได้ทั่วไปในภูมิภาคเอเชียตะวันออก มีลำตัวยาว ตรงปากมีหนวด (ภาพจาก https://en.wikipedia.org/wiki/Pond_loach)
สารจากผู้แปล
ใจเย็นก่อนพ่อ พ่อต้องทำงานนะ อย่าเพิ่งเปลืองแรงในกิจกรรมคู่กับแม่เยอะนัก
ปล. พูดถึงปลาไหลแล้วอยากกินปลาไหลญี่ปุ่นย่างซีอิ๊วเลยค่ะ ฮือ แล้วผู้อ่านล่ะคะชอบทานปลาไหลกันไหม
ไหหม่า (海馬)