ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 601 ควบคุมอาหาร
บทที่ 601 ควบคุมอาหาร
สาวน้อยมี่มี่จะโตมาสวยหรือไม่สวยนั้น เรื่องนี้หลินชิงเหอไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก
ขอเพียงลูกสาวเธอเติบโตมาอย่างแข็งแรง กระตือรือร้นที่จะก้าวหน้า แม้ว่าหล่อนจะเป็นคนสวยที่สุดตามพิมพ์นิยม ถ้าจิตใจไม่สวย ความสวยทั้งหมดนั่นก็จะเป็นความน่าเกลียดได้
แต่คำพูดเหล่านี้หลินชิงเหอไม่พูดออกไป เธอพอจะรู้แล้วว่าบทบาทแม่ผู้เข้มงวดต่อให้เธอไม่เป็นก็ต้องเป็นแล้ว
เด็กน้อยพอเกิดมาก็เหมือนกระดาษขาว จะเติบโตอย่างไรทั้งหมดก็ต้องดูที่การสั่งสอนของผู้ใหญ่ สิ่งสำคัญของการเลี้ยงดูก็คือมาจากเรื่องเล็ก ๆ เหล่านี้เอง
เธอไม่ได้ให้เด็กน้อยอยู่ในห้อง และอุ้มออกมาด้านนอก
ท่านพ่อท่านแม่โจวและก็เฒ่าหวังเองก็ชอบมากเช่นกัน เพียงเด็กน้อยผิวขาวหยวกดวงตากลมโตมองมาหา ต่อให้ใจแข็งแค่ไหนพอโดนมองแบบนี้ก็ต้องใจอ่อนยวบยาบบ้างล่ะ
พวกเขากินข้าวมื้อเย็นกันที่นี่ ส่วนมี่มี่ที่นอนหลับปุ๋ยไปแล้วก็ถูกปล่อยให้นอนหลับไป จากนั้นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จึงพากันไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำ และค่อยกลับมารู้สึกสบายตัวอีกครั้ง
ต่อมาก็พากันกลับบ้านพร้อมโจวเฉวี่ยนและโจวกุยหลายด้วยเช่นกัน
“ผมทำความสะอาดห้องไว้หมดแล้ว ผ้าปูที่นอนผ้าห่มก็เปลี่ยนใหม่หมดเหมือนกัน รับรองว่าอบอุ่นพอไม่ทำให้น้องสาวผมหนาวได้แน่นอน” โจวกุยหลายพูด
ตอนนี้น้องสาวอยู่ในอ้อมแขนของเขา และเขายังอุ้มหล่อนได้เหมือนราวกับลอกพ่อเขามาด้วย
เมื่อหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋เข้ามาในห้อง ร่างกายก็รู้สึกผ่อนคลาย ยังคงเป็นบ้านของตัวเองที่ทำให้พวกเขาผ่อนคลายและสบายที่สุดแล้วอยู่ดี
ถึงที่เซี่ยงไฮ้จะไม่มีปัญหาอะไรก็ตาม แต่ก็ไม่มีความรู้สึกเหมือนได้กลับมาบ้านแล้วแบบนี้ พอได้กลับมาที่ห้องเล็ก ๆ นี้แล้วความรู้สึกก็ไม่เหมือนกันเลย
คุณป้าหม่าที่อยู่ข้างบ้านกับหม่าเฉิงหมิน และหวงเสี่ยวหลิ่วก็มาหา
พวกเขาไม่ได้เจอกันมาจนปีหนึ่งแล้วเช่นเดียวกัน ย่อมมาเยี่ยมเยียนถามไถ่อยู่นาน แต่เนื่องจากตอนนี้ดึกแล้ว วันนี้ก็เพิ่งจะมาถึง ดังนั้นมีอะไรก็เอาไว้พูดวันพรุ่งนี้เถอะ
พวกเขาจึงไม่ได้อยู่ต่อนาน นั่งเพียงหนึ่งชั่วโมงก็กลับไปแล้ว
หลินชิงเหอส่งลูกสาวให้โจวชิงไป๋ไปดูแล ส่วนเธอถามเจ้ารองโจวเฉวี่ยนว่า “เรื่องกิจการมีอะไรไหมจ๊ะ?”
“ไม่มีครับ ม้าวางใจเถอะ เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว รีบไปพักผ่อนเถอะครับ” โจวเฉวี่ยนพูด
หลินชิงเหอไม่พูดอะไรมาก หลังจากนั้นก็เข้าห้องไปนอนกับโจวชิงไป๋ ส่วนลูกสาวก็นอนอยู่ข้างโจวชิงไป๋และห่มด้วยผ้าห่มของตัวเอง ซึ่งอบอุ่นใช้ได้
ในคืนนั้นหลินชิงเหอตื่นมาให้นมลูกสองครั้ง หลังจากนั้นก็หลับไปจนฟ้าสว่างเช่นเดียวกับมี่มี่
ว่าไปแล้วลูกสาวคนเล็กของเธอก็เลี้ยงง่ายดีเหมือนกัน
เห็นได้ชัดเลยว่าโจวชิงไป๋เองก็เหนื่อยเหมือนกัน อีกทั้งเป็นเพราะการกลับมาบ้านทำให้เขาผ่อนคลาย ขนาดตอนเช้าหลินชิงเหอลุกขึ้นมาแล้ว เขาก็ยังไม่ตื่นนอนเลย
หลินชิงเหอรู้ว่าเมื่อวานตอนดึกดื่นค่อนคืนเขาเป็นคนที่อุ้มลูกสาวเดินออกไปกล่อมให้หลับแล้วกลับมาอีกครั้ง เดิมตั้งแต่ที่ลูกสาวคลอดออกมาเขาก็จะทำเช่นนี้ตลอด
หลินชิงเหอตั้งท้องมาอย่างยากลำบาก แต่เขาที่เป็นคนคอยเลี้ยงเด็กก็ลำบากไม่ต่างกัน
ตอนนี้กลับมาบ้านแล้ว ตัวคนจึงรู้สึกผ่อนคลายทุกอย่าง และเขาก็ไม่ต้องตื่นเช้าขนาดนั้นด้วยเหมือนกัน
หลินชิงเหอตื่นขึ้นมาก่อนก็ไปล้างหน้าแปรงฟัน เธอก็เห็นเจ้ารองโจวเฉวี่ยนซื้อน้ำเต้าหูกับซาลาเปากลับมาแล้ว ทั้งหมดมาจากร้านอาเขยเล็กของเขาเองทั้งสิ้น
ถ้าบอกว่าจะกินซาลาเปา ร้านอาเขยเล็กเป็นตัวเลือกแรกที่เขาจะซื้อ เพราะอย่างไรเสียก็อร่อยและสะอาด อีกทั้งยังจริงใจด้วยเช่นกัน
“ม้ามากินข้าวเช้าก่อนครับ ส่วนของป๊าเดี๋ยวผมรอเขาตื่นแล้วจะอุ่นให้อีกที” โจวเฉวี่ยนพูด
“เจ้าสามล่ะตื่นหรือยัง?” หลินชิงเหอบ้วนฟองยาสีฟันแล้วพูด
“ยังเลยครับ เดี๋ยวผมไปเรียกเขาให้” โจวเฉวี่ยนพูด
ตอนนี้พวกเขายังไม่ได้ปิดเทอมภาคฤดูหนาว กินเสร็จแล้วยังต้องไปเข้าเรียน เจ้าสามที่ถูกเรียกก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกมาทั้งที่ผมยุ่งกระเซิงไม่เป็นทรง
หลินชิงเหอทำธุระเสร็จแล้ว ตั้งแต่เมื่อวานหล่อนก็สังเกตเห็นผมของเขาอยู่ สายตามองเขาแล้วพูด “ไม่ใช่ว่าลูกควรไปตัดผมแล้วหรอกเหรอ?”
“ยาวแล้วเหรอครับ?” เจ้าสามจับ ๆ ผมแล้วพูด
“ยาวแล้ว” หลินชิงเหอกินซาลาเปาพร้อบกับพยักหน้าไปด้วย
“ผมอยากเปลี่ยนทรงผมบ้างน่ะครับ ไม่อยากโกนผมแล้ว ตั้งแต่เด็กจนโตไม่เคยเปลี่ยนเลย ตอนนี้ดูเหมือนว่าต้องเปลี่ยนเสียหน่อยแล้ว” เจ้าสามพูด
หลินชิงเหอไม่สนใจเขา เด็กหนุ่มอายุ 17 ปีแล้ว เรื่องบางอย่างก็ยากจะเลี่ยงพ้น
“ม้า ผมนึกว่าม้าจะกลายเป็นคุณน้าอ้วน ๆ เหมือนกับพี่ซานนีแล้วนะเนี่ย ม้าดูแลรักษาหุ่นยังไงเนี่ย ถึงไม่ต่างกับตอนก่อนไปเลยสักนิด” เจ้าสามที่แปรงฟันเสร็จกลับมาก็เปิดปากพูด
“ยังกล้าเอาม้าไปจัดลำดับกับพวกพี่ ๆ ของลูกอีกเหรอ?” หลินชิงเหอจ้องเขา
“ก็มันไม่น่าแปลกเหรอครับ ผมเห็นพี่เอ้อร์นีเมื่อก่อนก็อ้วน แต่เพราะเลี้ยงเด็กแฝดมังกรหงส์มันไม่ใช่เรื่องง่ายถึงได้เหนื่อยจนผอมลงมาแล้ว ม้าครับ หุ่นม้าตอนนี้เทียบกับเมื่อก่อนดีว่ามากเลยด้วยซ้ำ ผิวพรรณก็เหมือนกัน ไม่เห็นจะเหมือนคนเพิ่งไปคลอดลูกเลย เหมือนคนเพิ่งออกมาจากสถานเสริมความงามมากกว่า” เจ้าสามพูด
หลินชิงเหอฟังคำประจบสอพลอนั่นด้วยความสุขสบายใจ ปากก็เอ่ยไปว่า “หยุดปากหวานได้แล้ว รีบกินข้าว กินเสร็จก็ควรไปเข้าเรียนได้แล้ว”
เธออยากไปมหาวิทยาลัยสักครั้ง วางแผนว่าจะไปถามคณบดีเรื่องแปลภาษา ไม่อย่างนั้นคงดูไม่ดีหากยังอยู่ในหอพักที่มหาวิทยาลัยแบ่งสรรให้อยู่แบบไม่ได้ทำงานอะไร
โจวกุยหลายกินไปด้วยพูดไปด้วยว่า “ป๊าอ้วนขึ้นเท่าไหร่ครับเนี่ย”
เดิมทีอายุพ่อเขาก็ไม่น้อยแล้ว ตอนนี้เรียกได้ว่าร่างกายค่อนข้างสูงใหญ่ ทั้งตัวคนเหมือนมีกลิ่นอายของเถ้าแก่ขายเนื้ออะไรแบบนั้นแล้ว สู้เมื่อก่อนที่ดูผอมแล้วสุขภาพดีกว่านี้ไม่ได้เลย
หลินชิงเหอก็ค่อนข้างกังวลใจกับน้ำหนักของโจวชิงไป๋เช่นกัน เธอจึงพูดขึ้น “เลิกเรียนเมื่อไหร่แล้วรีบกลับบ้านมาดูน้องสาวลูก จะได้ให้ป๊าไปออกกำลังกาย”
เพราะชิงไป๋ของเธอทำกับข้าวให้เธอในช่วงอยู่ไฟหลังคลอดอย่างอุดมสมบูรณ์เกินไป แม้ว่าในตอนนั้นเธอจะกินเก่งมากเช่นกัน และเพื่อไม่ให้เสียน้ำใจของเขาด้วย เนื่องจากยังต้องให้นมสาวน้อยมี่มี่ เพียงแต่เธอก็สามารถควบคุมอาหารได้ดีมากเช่นกัน
ดังนั้นแล้วโจวชิงไป๋จึงเป็นคนกินอาหารส่วนใหญ่เอง เขาทนกินทิ้งกินขว้างไม่ได้ บวกกับการเลี้ยงลูกทำให้ไม่มีเวลาออกกำลังกาย น้ำหนักตัวของเขาจึงพุ่งขึ้นสูงแบบนี้
เมื่อวานโจวเสี่ยวเหมยพูดหยอกล้อพี่สะใภ้ของหล่อนไปไม่น้อย บอกว่าพี่สะใภ้คลอดลูกแล้วไม่อ้วน กลับเป็นพี่สี่ของหล่อนที่อ้วนขึ้นเสียเอง ทั้งยังอ้วนขึ้นมา 15 กิโลได้
แต่ท่านแม่โจวมองแล้วกลับยิ้มตาหยี เห็นได้ชัดว่าในสายตาของนาง ความอ้วนก็คือความโชคดี
ทั้งยังบอกหล่อนเป็นการส่วนตัวว่าให้ดูแลร่างกายดี ๆ อย่าทำให้ตัวเองหิวเกินไปนัก
น่าจะเพราะถูกหลานชายนอกตระกูลกระตุ้น ท่านแม่โจวจึงยิ่งรู้สึกว่าสะใภ้คนนี้เป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัวมากยิ่งขึ้น รู้สึกว่าเมื่อก่อนไม่น่าให้ความหวังกับสวี่เชิ่งเฉียงเลย
ตอนแรกนางยังตำหนิสะใภ้ของลูกชายเพราะความเข้าใจผิดด้วยซ้ำ
หลินชิงเหอไม่ได้สนใจนาง หญิงชราอายุไม่น้อยแล้ว ปีนี้ก็จะ 70 กว่าปี ดังนั้นเรื่องปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ควรพูดอะไรกับนางมากหรอก ปล่อยให้มันผ่านไปเถอะ
ทั้งโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายรับปาก ก่อนจะไปเรียนพวกเขาก็เข้าไปดูน้องสาวก่อน พอเห็นเด็กน้อยนอนหลับปุ๋ยแล้วถึงได้ออกไปอย่างสบายใจ
โจวชิงไป๋ตื่นขึ้นมาตอนเจ็ดโมงกว่าและได้รับน้ำร้อนถ้วยหนึ่ง ส่วนซาลาเปาและน้ำเต้าหู้ก็ถูกอุ่นร้อนหมด
ตอนนี้เหลือซาลาเปา 2 ลูกกับน้ำเต้าหู้ 1 ถ้วย
“คุณต้องเริ่มควบคุมอาหารแล้วนะคะ” หลินชิงเหอพูดกับเขา เมื่อครู่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งกำชับบอกให้เจ้ารองเจ้าสามกินเยอะ ๆ หน่อย
โจวชิงไป๋ยิ้มแล้วมองเธอ “คุณจะทิ้งผมเหรอ?”
“ฉันเป็นห่วงคุณนะคะ ตอนนี้ไขมันคุณเยอะไปแล้ว อายุของคุณตอนนี้ต้องระวังเรื่องอาหารการกินหน่อย” หลินชิงเหอลูบต้นขาของเขาขณะพูด
“อีกครึ่งเดือนผมก็ผอมลงแล้วล่ะครับ” โจวชิงไป๋ว่าเช่นนี้ เขาไม่เคยคิดเรื่องไขมันบนร่างกายตัวเองอย่างจริงจังเลย
…………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
ทาสลูกสาวกันทั้งบ้านแล้วค่ะ ขนาดคนอย่างพ่อยังอ้วนได้อะคิดดู
เอาใจช่วยให้พ่อลดน้ำหนักกลับมาเป็นแดดดี้แซบ ๆ นะคะ
ไหหม่า(海馬)