ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 598 อยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งเพื่อเจอกับพี่ใหญ่
- Home
- ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม
- ตอนที่ 598 อยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งเพื่อเจอกับพี่ใหญ่
บทที่ 598 อยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งเพื่อเจอกับพี่ใหญ่
เรื่องของสวี่เชิ่งเฉียงนี่เป็นเพียงองค์ประกอบเล็กน้อยในช่วงปลายปีนี้เท่านั้น แม้ว่าตระกูลหลักโจวจะไม่ได้นิ่งดูดายไม่ช่วย ทั้งยังยื่นมือช่วยเหลืออีกด้วย แต่เรื่องอื่น ๆ ก็ไม่มีอีกแล้วเช่นกัน
แต่ฝั่งของเขากลับไม่มาแม้แต่จะพูดขอบคุณ คนทางนี้จะเรียกว่าหัวใจด้านชาไปแล้วก็ได้
ฝ่ายหลินชิงเหอที่เซี่ยงไฮ้ไม่ได้โทรศัพท์กลับไปแล้ว เพราะว่าเธอกำลังยุ่งอยู่กับงานแปล ซึ่งไม่ใช่งานง่าย ๆ ทั้งยังเปลืองแรงใจมากด้วย
แต่ในเมื่อเธอเปลี่ยนมาทำงานนี้แล้ว เธอก็พบว่าที่จริงมันก็เป็นการฆ่าเวลาอย่างหนึ่งเหมือนกัน และไม่ทำให้เธอรู้สึกเบื่อเกินไปด้วย
“แม่บุญธรรมครับ แม่กับพ่อบุญธรรมจะไม่พาน้องสาวกลับไปฉลองปีใหม่เหรอ?” วันนี้เจียงเกิงมานั่งเขียนการบ้านที่นี่ เขียนไปพอสมควรแล้วจึงพูดออกมา
“ต้องกลับไปฉลองปีใหม่อยู่แล้วจ๊ะ ปีนี้พี่ใหญ่ของเธอก็น่าจะหาโอกาสกลับมาเจอมี่มี่แน่” หลินชิงเหอพูด
“ผมยังไม่เคยเจอพี่ใหญ่เลย” เจียงเกิงพูด
“เจอพี่ใหญ่เธอไม่ง่ายนะ ปีปีหนึ่งกลับบ้านแค่ไม่กี่วัน ให้ฉันเดาปีนี้พอกลับมาแล้ว ปีหน้าน่าจะไม่ได้กลับมาแน่” หลินชิงเหอพูด
“เฮ้อ” เจียงเกิงถอนหายใจ เขารู้สึกอยากไปปักกิ่งนิด ๆ
“รีบอะไรกัน ตอนนี้เพิ่งจะมัธยมปลายปีที่สองเอง รอเธอจบมัธยมปลายปีที่สามแล้วไปสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปักกิ่ง อย่างนั้นก็สามารถไปได้ 4 ปีเลยนะ” หลินชิงเหอพูด
เธอเองก็รู้ว่าเจียงเกิงลูกชายบุญธรรมคนนี้อยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งด้วย แต่แม่ของเขาไม่ตอบตกลงตั้งแต่แรก ขอไปเรียนที่ปักกิ่งก็ว่ายากแล้ว ขอตามไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งอย่าได้คิดเลย
ยายเฒ่าเจียงเดินมาแล้ว นางนำน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาด้วยหนึ่งถ้วยเพื่อให้หลินชิงเหอดื่ม
“คุณป้าไม่เห็นต้องต้มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงมาให้ฉันเลยค่ะ” หลินชิงเหอรีบพูด
“ช่วงเดือนนี้เธอต้องดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดงเยอะหน่อย ดีต่อร่างกายและกระดูของเธอ” ยายเฒ่าเจียงพูด “อีกอย่างน้ำตาลทรายแดงกับขิง ก็ไม่ได้เปลืองเงินเลยสักนิด”
“งั้นฉันจะให้ชิงไป๋ทำให้นะคะ” หลินชิงเหอพูด
“ดี” ยายเฒ่าเจียงพยักหน้า มองดูหลานชายของนางแล้วพูด “เด็กดื้อมากินข้าวที่นี่ทุกวันเลยนะ พรุ่งนี้บอกให้พ่อของเธอเอาค่ากินค่าอยู่มาด้วย”
“ค่ากินค่าอยู่อะไรกันคะ คุณป้าก็ช่วยฉันเหมือนกัน” หลินชิงเหอพูดพร้อมยิ้มขณะดื่มน้ำขิงใส่น้ำตาลทรายแดง
และก็เพราะความมีน้ำใจของอีกฝ่ายด้วยเช่นกันที่นำขิงมาบดจนละเอียดแล้วจึงใส่น้ำตาลทรายแดงไปต้ม ผลลัพธ์ที่ดีจึงดีเป็นพิเศษ
“เด็กคนนี้กินเยอะจนจะจนแล้ว กินจุจริง ๆ” ยายเฒ่าเจียงพูด
“ก็แค่เพิ่มถ้วยกับตะเกียบขึ้นมาคู่หนึ่ง*เองค่ะ อีกทั้งลูกชายบุญธรรมของฉันมากินข้าวก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่คะ” หลินชิงเหอโบกมือแล้วพูด
*หมายถึงเพิ่มคนอีกคนหนึ่ง
“คุณย่า ต่อไปผมจะกตัญญูต่อพ่อแม่บุญธรรมแน่นอนครับ!” เจียงเกิงพูด
“เรื่องนั้นหลานจำเป็นต้องพูดด้วยเหรอ ต่อไปถ้ากล้าลืมล่ะก็ ดูสิว่าย่าจะจัดการกับหลานยังไง” ยายเฒ่าเจียงพูด
หลินชิงเหอหัวเราะ เสียงของโจวชิงไป๋ดังส่งมาจากภายในห้อง “ภรรยาครับ เทน้ำร้อนเข้ามาให้หน่อย”
หลินชิงเหอเทน้ำร้อนเข้ามาแล้ว สาวน้อยมี่มี่จะอุจจาระอีกแล้ว ต้องเช็ดก้นเสียหน่อย
เรื่องเหล่านี้เธอมอบหมายให้โจวชิงไป๋แล้ว ลักษณะของเขาเหมือนคนที่เพิ่งตื่นนอนอย่างเห็นได้ชัด แต่ตอนนี้เขาไม่มานั่งเสียใจภายหลังแล้วเริ่มเช็ดก้นให้ลูกสาวของเขา
ชายคนนี้เองก็มีประสบการณ์มากเช่นกัน อากาศหนาวถึงขนาดนี้ แต่เขาก็สามารถอุดรอยรั่วไม่ให้ลมเย็นเข้ามาในห้องได้ทั้งหมด
สุดท้ายก็ทาแป้งที่ตัว จากนั้นก็เป็นอันเสร็จสิ้น
ไม่พูดไม่ได้ว่าเขามีความละเอียดละอ่อนทุกขั้นตอน ก้นของมี่มี่น้อยไม่เคยมีรอยผื่นแดงขึ้นเลย
“ทำบะหมี่ซุปไก่ใส่มะเขือเทศเถอะค่ะ” หลินชิงเหอพูด
“ได้” โจวชิงไป๋พยักหน้าพูด เขาล้างหน้าแล้วก็เดินออกมา หลินชิงเหอมองสาวน้อยมี่มี่เล่นกับตัวเองอยู่บนเตียงอย่างมีความสุข ซึ่งซื่อนีทิ้งมุ้งเอาไว้ มันสามารถกั้นลมได้ดีมากเช่นกัน
ดังนั้นเธอจึงไม่สนใจหล่อนก็ได้ ให้หล่อนเล่นกับตัวเองไป แค่อย่าให้โดนความเย็นมากเท่านั้น
“คุณป้า วันนี้จะอยู่ทานบะหมี่ด้วยกันไหมคะ?” หลินชิงเหอพูด
“ตาแก่ที่บ้านทำไว้แล้วน่ะจ๊ะ” ยายเฒ่าเจียงพูด
“พ่อบุญธรรม ผมขอด้วยคนนะครับ” เจียงเกิงพูดกับพ่อบุญธรรมของเขา
“ขาดเธอไม่ได้หรอกนะ” โจวชิงไป๋ตอบกลับหนึ่งประโยค
ยายเฒ่าเจียงหัวเราะแล้วด่าว่า “เจ้าเด็กดื้อตอนนี้นับวันยิ่งไม่รู้จักเกรงใจกันแล้วนะ”
“ผมจะเกรงใจพ่อบุญธรรมทำไมครับ” เจียงเกิงพูด “ผมยังอยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งกับพ่อแม่บุญธรรมอยู่เลย”
“ไม่ต้องมาลองหยั่งเชิงย่า บอกย่าไปก็ไม่มีความหมาย ไปถามแม่ของหลานโน่น” ยายเฒ่าเจียงโบกมือพูด
เจียงเกิงกินบะหมี่ซุปไก่ใส่มะเขือเทศ หลังจากนั้นถึงไปดูน้องสาวบุญธรรมของเขา จึงค่อยกลับไป
“ไปกินข้าวของพ่อแม่บุญธรรมลูกอีกแล้วเหรอ?” ผู้ว่าการเจียงที่กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ มองลูกชายกลับมาด้วยหางตา
ตั้งแต่เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน ผู้ว่าการเจียงก็ได้เลื่อนขั้นแล้วอย่างเป็นทางการ จากรองผู้ว่าการเจียงเมื่อก่อนหน้าจึงกลายเป็นผู้ว่าการเจียงแล้วในตอนนี้
“เมื่อเที่ยงตอนที่ออกมาผมบอกกับแม่แล้ว ว่าไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นให้ผม” เจียงเกิงพูด
ผู้ว่าการเจียงไม่สนใจเขาแล้ว ส่วนเซวียเหม่ยลี่ออกไปโรงอาบน้ำด้านนอก เจียงเกิงจึงไปวางกระเป๋านักเรียนแล้วก็ออกมาปรึกษาพ่อของเขา
“ไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งเหรอ?” ผู้ว่าการเจียงมองเขาด้วยสายตาประหลาดแล้วพูดขึ้น “ลูกไม่ต้องการครอบครัวแล้วใช่ไหม?”
“พ่อครับ ปีนี้พี่ใหญ่ผมเขาจะกลับมา ผมอยากตามไปเห็น ได้ยินพี่สามบอกว่าพี่ใหญ่น่าเกรงขามมาก ต่อสู้ก็เก่ง เขาคนเดียวสามารถต่อสู้กับคนทั้งฝูงได้เลยล่ะครับ” เจียงเกิงพูด
ผู้ว่าการเจียงปรายตามองเขานิด ๆ “เรื่องนี้ลูกต้องไปถามแม่ของลูก ดูว่าแม่เขาจะตอบตกลงไหม”
เจียงเกิงพูด “แม่ผมไม่มีทางตอบตกลงหรอกพ่อ”
“งั้นลูกจะมาพูดกับพ่อทำไม” ผู้ว่าการเจียงสะบัดหนังสือพิมพ์แล้วอ่านต่อ ไม่สนใจลูกชายคนนี้อีก
ที่จริงเขาอยากให้ลูกชายของเขาได้ไปมาหาสู่กับเหล่าพี่ชายของเขาเยอะ ๆ เหมือนคนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ[1] มันจะทำให้ตัวเขาเองเปลี่ยนเป็นคนที่ยอดเยี่ยมได้
แต่เรื่องไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งนั้น เขาเองก็ไม่เห็นด้วยเหมือนกัน ก็ต้องดูภรรยาเขาแล้ว
“พ่อช่วยพูดกับแม่ผมให้หน่อยสิ” เจียงเกิงพูด เขาอยากไปฉลองปีใหม่ที่ปักกิ่งจริง ๆ และก็ถือโอกาสไปเจอพี่ใหญ่คนนั้นด้วย
“รอแม่ลูกกลับมาแล้วพ่อจะลองพูดดู” ผู้ว่าการเจียงพูด
แต่ชัดเจนเลยว่าเซวียเหม่ยลี่ไม่เห็นด้วย “ให้เขาไปเรียนมหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งฉันก็ถือว่าให้มันแล้ว ๆ กันไปได้ แต่ฉลองปีใหม่ไม่ยอมอยู่ที่บ้านเนี่ยนะ? เขาพูดอะไรอยู่รู้ตัวไหม?”
เช้าวันถัดมาเจียงเกิงก็ได้ยินคำประกาศของแม่เขาแล้วก็ได้แต่ทำใจ รอสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ปักกิ่งได้ก่อน แล้วจะไปฉลองปีใหม่ที่นั่นแม่จะไม่ว่าอะไร ตอนนี้อย่าคิดเลย
และสำหรับคำตอบนี้หลินชิงเหอกาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว ไม่รู้สึกแปลกใจเลยสักนิดเดียว
ถ้าเซวียเหม่ยลี่ตอบตกลงหล่อนถึงจะรู้สึกแปลกใจมากกว่า
หลินชิงเหอไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ในมือมีหนังสือที่แปลเสร็จดีแล้วนำไปส่ง ค่าทำก็ต้องให้ทางนั้นตรวจสอบผ่านก่อนถึงจะสามารถจ่ายเงินได้ ซึ่งหลินชิงเหอก็ไม่ได้รีบร้อนเช่นเดียวกัน
เมื่อทำความเข้าใจงานแปลของนักแปลอีกคนได้ครึ่งหนึ่ง หล่อนจึงค่อยกลับไป
ขณะนี้เธอมีงานให้ทำแล้วเช่นกัน สำหรับโจวชิงไป๋นั้นไปหมกมุ่นทุกสิ่งอย่างเพื่อเลี้ยงดูลูกอยู่กับบ้าน
“พวกเราสองคนตอนนี้เป็นผู้หญิงออกไปทำงาน ผู้ชายทำงานบ้านไปแล้วสินะคะ” หลินชิงเหอกลับมามองเขากำลังคนซุปซี่โครงหมูใส่ฟักพูดขึ้นยิ้ม ๆ
“อย่าเหนื่อยเกินไปนะครับ” โจวชิงไป๋มองเธอเอาหนังสือกลับมาอีกแล้วก็พูดแล้วยิ้มขึ้น
…………………………………………………………………………………………………………………………..
[1] คนใกล้ชาดติดสีแดง คนใกล้หมึกติดสีดำ เปรียบเทียบกับสุภาษิตไทยคือ คบคนพาลพาไปหาผิด คบบัณฑิตพาไปหาผล
สารจากผู้แปล
รออีกหน่อยนะคะเสี่ยวเกิง ตอนนี้ยังไปไม่ได้ แต่ถ้าได้เรียนที่ม.ปักกิ่งก็จะได้อยู่ยาว ๆ เลยนะคะ
ไหหม่า(海馬)