ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 369 เฉิงหยางกับเฉิงเยว่
บทที่ 369 เฉิงหยางกับเฉิงเยว่
ตอนนี้มหาวิทยาลัยยังไม่เปิด ร้านเกี๊ยวจึงอยู่ในความดูแลของโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลาย ส่วนโจวชิงไป๋มาดูร้านค้าแห่งที่สี่กับภรรยาในวันนั้น
หลังดูร้านอยู่ครู่หนึ่งเขาก็เอ่ยขึ้น “ถ้าจะซ่อมคงต้องใช้เงินจำนวนหนึ่งอยู่เหมือนกันนะ”
“แล้วแต่คุณเลยค่ะ” หลินชิงเหอตอบ
มีเขาอยู่ด้วย หลินชิงเหอจึงไม่ต้องกังวลอะไร เธอแค่รับผิดชอบในเรื่องมาเสนอความคิดให้เท่านั้น
โจวชิงไป๋พยักหน้าเห็นด้วย หลังจากฟังข้อเสนอที่ภรรยาบอก เขาก็ไปหาหม่าเฉิงหมินให้เขาหาคนมาซ่อมแซมตกแต่งร้านใหม่
ตอนนี้ผ่านพ้นปีใหม่ไปแล้ว หม่าเฉิงหมินก็ย่อมอยากกลับไปทำงาน
หลินชิงเหอบอกเรื่องงานกับเขาเป็นการส่วนตัว
คนอื่น ๆ จะได้เงินเดือนกัน 40 หยวน รวมถึงคุณป้าหม่าที่เป็นแม่ของเขาด้วย ขณะที่เขาจะได้เงิน 55 หยวน
ปีนี้เงินเดือนของทุกคนเพิ่มขึ้นอีก 10 หยวน จาก 30 หยวนเมื่อปีที่แล้วมาเป็น 40 หยวนในปีนี้ ซึ่งนับว่าเป็นจำนวนที่เหมาะสมทีเดียว
แม่เฒ่าสวี่กับหลี่อวี้เฟิ่งผู้เป็นสะใภ้ต่างได้เงินเดือน 45 หยวนเพราะมีหน้าที่ตรวจคุณภาพมาตรฐานของเสื้อผ้าที่ผลิต ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันอย่างมาก
เงินเดือนของหม่าเฉิงหมินนับว่าสูงที่สุด
เพราะเขาต้องมีหน้าที่รับผิดชอบหลาย ๆ อย่าง
ยกเว้นร้านเกี๊ยวของโจวชิงไป๋แล้ว ร้านเสื้อผ้าทั้งเสื้อผ้าผู้ชายกับเสื้อผ้าผู้หญิง ศูนย์ตัดเย็บเสื้อผ้าขนาดย่อม และร้านเครื่องดื่มที่กำลังจะเปิดในปีนี้ล้วนอยู่ในความรับผิดชอบของเขา
การตรวจบัญชีรายรับรายจ่ายและคลังสินค้าล้วนเป็นหน้าที่ของเขาทั้งหมด
ต้องบอกว่ามันเป็นงานที่ยุ่งมาก แต่หม่าเฉิงหมินกลับชอบงานนี้จริง ๆ
ตราบใดที่ได้เงินเดือนเพียงพอ ไม่ว่างานจะยุ่งแค่ไหนก็ไม่มีผล เว้นแต่ว่าคน ๆ นั้นจะอยู่บ้านว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำหรือไม่ก็ทำงานหนักทั้งวันแต่ได้เงินเพียง 5 หรือ 6 เหมา ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่กินกำลังและน่าหดหู่!
ตอนนี้เขามีรายได้เป็นของตัวเองแล้ว เมื่อรวมกับรายได้ของแม่กับพ่อจากการออกไปขนสินค้าเบา ๆ ก็นับว่าทั้งครอบครัวมีชีวิตที่อยู่ดีมีสุขทีเดียว
สำหรับครอบครัวหนึ่งที่มีสมาชิก 5 คนในตอนนี้ หากรายได้ต่อเดือนทั้งหมดของพวกเขาถึง 100 หยวน ก็เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะได้มีชีวิตที่ดีมาก
แต่เมื่อหลินชิงเหอเริ่มเปิดร้านใหม่อีกร้าน เขาก็นึกชื่นชมเธอ
เรื่องนี้ช่างยอดเยี่ยม เมื่อนับร้านนี้ไปแล้ว จะมีร้านค้าทั้งหมดเท่าไรกัน?
เขาไม่จำเป็นต้องสนใจเรื่องเหล่านี้ ทำเพียงรับผิดชอบส่วนของการจัดการร้านค้าทั้งหมดก็พอ
เขาหาคนมาซ่อมแซมตกแต่งร้านที่โจวชิงไป๋พูดถึง จากนั้นเขาก็มาถามหลินชิงเหอ “อาจารย์หลิน ภายภาคหน้าคุณจะรับสมัครพนักงานให้มาดูแลร้านนี้ไหมครับ?”
โดยไม่ต้องเอ่ยปากก็รู้ว่าหลินชิงเหอต้องการจ้างพนักงาน เธอพยักหน้ารับ “เราต้องการรับสมัครพนักงาน 2 คนค่ะ”
ต่อให้เธออยากรับสมัครพนักงาน เธอก็ไม่คิดจะรับสวี่เชิ่งเฉียงมาทำงานหรอก ไม่พิจารณาก็คือไม่พิจารณา เธอเป็นเจ้าของร้านค้าของเธอ จะไม่ยอมฝืนใจทำเพื่อความสัมพันธ์ของคนรอบตัวเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นก็จะเข้าหน้ากันไม่ติด
“คุณต้องการคนแบบไหนเหรอครับ? ผมช่วยคุณหาเอาไหม?” หม่าเฉิงหมินถาม
“กำลังมองหาเด็กหนุ่มหรือไม่ก็เด็กสาวที่คล้ายกับเอ้อร์นีของฉันน่ะคะ พวกเขาต้องมีนิสัยบุคลิกดี เป็นมิตรและช่างเจรจา แต่ไม่ใช่พูดมากเกินไป” หลินชิงเหอบอก
“ครอบครัวลุงผมมีลูกชายกับลูกสาวอย่างละคน ทั้งคู่เป็นฝาแฝดกัน และยังเป็นญาติของผมด้วย ปีนี้ทั้งสองคนมีอายุ 19 ปีแล้ว และจบการศึกษาระดับม.ปลาย ผมรับรองพวกเขาทั้งคู่ได้เลยนะครับ” หม่าเฉิงหมินเอ่ย
“ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัยเหรอ?” หลินชิงเหอถาม
“ครอบครัวพวกเขายากจนน่ะครับ และทั้งคู่ก็มีผลการเรียนระดับปานกลางด้วย” หม่าเฉิงหมินส่ายหน้า
“ในเมื่อคุณรับประกันพวกเขาแล้วฉันก็จะเชื่อคุณค่ะ แต่ถ้าทั้งสองคนทำงานไม่ได้ ฉันก็จะต้องเปลี่ยนคนทันทีนะคะ เราสามารถจ้างวานญาติ ๆ ได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องปกติระหว่างญาติพี่น้องน่ะค่ะ แต่ญาติก็คือญาติ งานก็คืองาน เรื่องนี้ต้องแยกออกให้ชัดเจนนะคะ” หลินชิงเหอบอกเขา
“อย่าห่วงเลยครับอาจารย์หลิน” หม่าเฉิงหมินเอ่ยรับรองทันที
“ตกลงค่ะ งั้นคุณบอกให้พวกเขารู้ก่อน จากนั้นก็ให้พวกเขาหาเวลามาพบฉันนะคะ ฉันจะบอกพวกเขาเกี่ยวกับเรื่องเงินเดือนและรายละเอียดงานให้ฟัง” หลินชิงเหอพยักหน้า
หม่าเฉิงหมินรับรู้เรื่องนี้ เขารู้สึกยินดีมาก
ครอบครัวลุงของเขามีลูกมากกว่าครอบครัวของเขา ซึ่งครอบครัวเขามีแค่ตัวเขากับพี่ชายคนโต ขณะที่ครอบครัวของลุงมีลูกทั้งหมด 5 คน เมื่อรวมฝาแฝดทั้งสองคนไปด้วยก็เท่ากับว่ามีลูกทั้งหมด 7 คน
ลูกคนสุดท้องทั้งสองนี้เดิมทีเคยหมายตาว่าจะเข้ามหาวิทยาลัย แต่พวกเขาไปสอบถึงสองรอบแล้วก็ยังไม่ผ่าน เรื่องสอบเข้ามหาวิทยาลัยระดับทั่ว ๆ ไปก็ไม่มีโอกาสเช่นกัน
พวกเขาจึงตัดสินใจออกไปหางานทำและไม่คิดจะมาสอบต่อ
เขาเคยอยู่ในชนบทมาก่อน ดังนั้นจึงถือเป็นข้ออ้างที่ไม่ได้มาเยี่ยมได้ แต่ตอนนี้เขากลับมาแล้ว เขาย่อมต้องไปที่บ้านของคุณลุงเพื่อไปเยี่ยมในวันปีใหม่
เขาได้ยินเรื่องนี้ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพื่อเป็นการให้ความหวังลม ๆ แล้ง ๆ แต่เขาจำใส่ใจไว้แล้ว
นี่จึงเป็นเหตุว่าทำไมเขาถึงเสนอพวกเขาให้หลินชิงเหอ
น้องชายต่างครอบครัวมีชื่อว่าหม่าเฉิงหยาง ส่วนน้องสาวต่างครอบครัวมีชื่อว่าหม่าเฉิงเยว่
เพราะว่าพวกเขาทั้งคู่เป็นฝาแฝด คนหนึ่งจึงมีคำว่า ‘พระอาทิตย์’ และอีกคนหนึ่งจึงมีคำว่า ‘พระจันทร์’ อยู่ในชื่อ
หม่าเฉิงหยางกับหม่าเฉิงเยว่มาหาเธอ หลินชิงเหอมองพวกเขาแล้วก็พอใจไม่น้อย ทั้งสองมีหน้าตาคล้ายกันครึ่งหนึ่ง ยิ่งกว่านั้นยังดูไม่เลวเลย ไม่สวยหล่อมากเกินไป ตรงข้ามกับคำว่าชวนตะลึง
“เฉิงหมินเล่าเรื่องของพวกเธอสองพี่น้องให้ฟังแล้วล่ะจ้ะ ฉันเชื่อว่าเขาคงบอกเรื่องกฎระเบียบและระบบงานทางฝั่งฉันให้ฟังแล้ว” หลินชิงเหอมองพวกเขาทั้งคู่และเอ่ยต่อ “แต่ตอนนี้ฉันต้องบอกพวกเธออีกครั้งนะจ๊ะว่าถ้าพวกเธอทำงานที่นี่และมีเรื่องเร่งด่วน พวกเธอขอลางานได้ทุกเมื่อเลย ฉันจะอนุญาตให้ลางานได้ ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติพวกเธอจะไม่ถูกหักค่าแรง ซึ่งนั่นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละสถานการณ์อีกที”
“แต่สิ่งที่ฉันไม่ชอบมากที่สุดก็คือการที่พวกเธอมือเท้าสกปรกกับการทำงานช้าจนไม่เป็นที่น่าพอใจ ทันทีที่ฉันพบเจอ ต่อให้อ้างเฉิงหมินมาก็ไม่มีประโยชน์หรอกนะจ๊ะ ดังนั้นอย่าสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นเลย ส่วนเรื่องค่าแรงฉันจะจ่ายให้พวกเธอเดือนละ 35 หยวนไปก่อน เมื่อใดที่พวกเธอเริ่มงานอย่างเป็นทางการ ฉันก็จะจ่ายให้นับจากเดือนนั้น ถ้าในอนาคตพวกเธอทำงานดี ฉันก็จะเพิ่มค่าแรงให้ จะไม่ได้เท่าเดิมตลอด พวกเธอวางใจในเรื่องนี้ได้จ้ะ”
“ส่วนเรื่องชั่วโมงทำงานคือ พวกเธอต้องมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าจนถึงสามทุ่ม ช่วงเวลานี้อาจดูเหมือนนาน แต่พวกเธอคนหนึ่งทำงานในช่วงเช้าและอีกคนหนึ่งทำงานในช่วงบ่ายก็พอ ช่วงสี่โมงเย็นเป็นต้นไปพวกเธอสองคนต้องคอยจับตาดูดี ๆ ส่วนงานกะเช้ากับกะบ่ายให้พวกเธอจัดสรรกันเองได้ พวกเธอสองคนจะต้องผลัดกันเฝ้า ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้นเฉิงหมินก็จะมาเยี่ยมบ่อย ๆ”
หลังกล่าวจบทั้งหมดแล้ว หลินชิงเหอก็มองสองพี่น้อง “ทั้งหมดในตอนนี้ก็มีแค่นี้ล่ะจ้ะ เรื่องอื่นฉันจะบอกเพิ่มเติมทีหลัง พวกเธอเข้าใจดีแล้วใช่ไหม? ตอนนี้แสดงความเห็นของพวกเธอได้นะ”
“ไม่มีครับ/ค่ะ” หม่าเฉิงหยางกับหม่าเฉิงเยว่ส่ายหน้าทั้งคู่
หลินชิงเหอพยักหน้าและเอ่ยต่อ “ถ้าพวกเธอไม่คัดค้านอะไรแล้ว ถ้างั้นตกลงตามนี้ไปชั่วระยะหนึ่งแล้วกันนะจ๊ะ ฉันจะมอบร้านของฉันให้อยู่ในความดูแลของพวกเธอ ถ้าพวกเธอเต็มใจ ฉันจะให้ทำงานนี้ต่อไปยาว ๆ ในอนาคต แน่นอนว่าถ้าพวกเธอไม่อยากทำแล้วก็มาบอกฉันตรง ๆ ได้ไม่ต้องเขินอายอะไร”
บอกดังนี้แล้ว เธอก็ปล่อยให้พวกเขากลับไปก่อน ตอนนี้เธอมีตัวแทนคอยดูแลร้านขายเครื่องดื่มแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่หลินชิงเหอจะไม่ต้องกังวลอะไรอีก
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านพี่สาวใหญ่หมดสิทธิ์มาแล้วค่ะ แม่ประกาศชัดเจนขนาดนี้
คราวนี้มาเอาใจช่วยฝาแฝดสองพี่น้องตระกูลหม่ากันนะคะว่าจะทำงานผ่านช่วงโปรของแม่ไปได้หรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)