ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 234 ที่หนึ่งทุนสาขาวิทยาศาสตร์
บทที่ 234 ที่หนึ่งทุนสาขาวิทยาศาสตร์
โจวชิงไป๋ทำเพียงเหลือบมองลูกชายทั้งสองด้วยสายตาเคร่งขรึมและไม่เอ่ยอะไร
ในเมื่อเขากล้ามาหยามหน้ากันถึงขนาดนี้ เขาก็ไม่ปล่อยเฉินซานไปง่าย ๆ หรอก
เรื่องนี้ไม่ต้องถึงมือลูกชายสองคนของเขาหรอก เขายังไม่แก่นะ
ทั้งพ่อและลูกกลับเข้าไปในบ้าน ซึ่งหลินชิงเหอเตรียมอาหารเสร็จแล้ว อาหารมื้อนี้ดูเรียบง่าย มีหมั่นโถวแป้งขาวเคียงกับหมูตุ๋นวุ้นเส้น ถั่วตุ๋นแห้งกับซี่โครงหมู และซุปแครอท
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็อยู่ด้วย
ส่วนซูเฉิงน้อยกับซูสวิ่นน้อยกลับไปอยู่บ้านของพวกเขาแล้ว ในเมื่อคุณป้าของซูต้าหลินเต็มใจช่วยเลี้ยงดูเด็ก ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องมารบกวนทางนี้อีก
ในมื้ออาหารตอนนึ้จึงมีเพียงท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวและครอบครัวของพวกเขาเท่านั้น
“แม่ทำอาหารอร่อยจริง ๆ นะครับ” เจ้าสามเอ่ยขณะกินหมั่นโถวเคียงกับอาหารจานอื่น ๆ
เจ้ารองเหลือบมองน้องชายคนเล็กแล้วก็เอ่ยในใจ ‘เจ้าทึ่ม วันนี้เราเกือบเสียแม่ไปแล้วแต่นายยังกินอย่างใจเย็นอยู่อีก’
“หลังจากนี้ซดน้ำแกงด้วยนะ” หลินชิงเหอสั่ง
“ครับ” เจ้าสามเอ่ยอย่างสบายใจ
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวก็กินอยู่เช่นกัน ผู้เฒ่าทั้งสองกินไม่มากนัก มีแค่หมั่นโถวสองลูกกับอาหารอื่น ๆ ก็นับว่าพอแล้ว หลินชิงเหอรู้ถึงเจตนาของผู้ใหญ่ทั้งสองดี ว่าพวกเขาอยากให้หลาน ๆ ได้กินอาหารกันมากขึ้น
ต้องบอกว่าแรงกดดันในการเลี้ยงลูกชายทั้งสามได้สำแดงผลออกมาในตอนนี้แล้ว
หมั่นโถวของหลินชิงเหอมีขนาดพอ ๆ กับกำปั้น แต่เจ้าใหญ่กินเข้าไปถึง 5 ลูก เจ้ารองกับเจ้าสามกินน้อยกว่านั้นเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าไม่น้อยไปกว่ากันเลย
หลินชิงเหอยังทำซุปงา ซุปถั่วลิสง และอื่น ๆ ตามปกติ
จนตอนนี้ไม่มีของอะไรเหลืออยู่ที่บ้านแล้ว
แต่หลินชิงเหอยังรบเร้าให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวกินมากกว่านี้ แม้หมั่นโถว 2 ลูกจะนับว่ามาก แต่หมั่นโถวอีกครึ่งลูกก็พอถมความอยากอาหารของพวกเขาได้
ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวจึงยอมกินต่อ
หลังกินเสร็จ เจ้าสามก็ล้างจานชามและตะเกียบ วันนี้เป็นตาของเขาล้างจาน ส่วนท่านแม่โจวก็พูดถึงการเลือกเข้ามหาวิทยาลัย
“ฉันกับเจ้าใหญ่น่าจะได้อยู่ที่เดียวกันนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ย
เธอกับเจ้าใหญ่เข้าไปพร้อม ๆ กันและไม่รู้สึกว่าตัวเองกับลูกชายคนโตจะสอบไม่ผ่านเลย
แม้มหาวิทยาลัยที่พวกเขาเลือกต่างเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำกันทั้งหมด แต่พวกเขาก็น่าจะได้เข้าสักที่หนึ่งล่ะ
ส่วนโจวชิงไป๋ออกไปวิ่งตั้งแต่เช้าตรู่ในเช้าวันต่อมา
แม้ว่าตอนนี้จะมีหิมะตก หลินชิงเหอก็ไม่คิดมากเพราะเขามักจะออกไปวิ่งตอนเช้าเป็นประจำอยู่แล้ว เว้นแต่ว่าเมื่อคืนก่อนเขาจะลากเธอไปทำงานอย่างไม่รู้จบเท่านั้น
เธอไม่รู้เลยว่าโจวชิงไป๋ดักรอเฉินซานตรงทางแยกเข้าอำเภอ สำหรับคนอย่างเฉินซานแล้ว โจวชิงไป๋อดไม่ได้เลยที่จะหยาบคายใส่
ไม่รู้ว่าเขาพูดอะไรไป เฉินซานถึงกับหน้าซีดไปเล็กน้อย เขาก้มหัวลงต่ำและเดินไปที่อำเภอ
โจวชิงไป๋ไม่สนใจเขา หลังเตือนเสร็จเขาก็วิ่งกลับบ้าน เฉินซานหันไปมองหลังเดินจากไปและมองไปทางหมู่บ้านโจวเจี่ยที่อยู่ไกลออกไป ในสายตาของเขาปรากฏแววผิดหวัง
โจวชิงไป๋ถือไม่เลว แต่ไม่ว่าเขาจะดีขนาดไหน เขาก็ยังต้องทำงานในทุ่งนาเพื่อหาอาหาร หลินชิงเหอ…ผู้หญิงอย่างคุณกลับไม่ต้องการผมแต่ต้องการเขาแทน! ผมแย่กว่าเขาตรงไหนกัน?
หลังโจวชิงไป๋จัดการศัตรูหัวใจเสร็จเขาก็กลับมาที่บ้าน ภรรยาของเขายังนอนหลับอยู่ ตอนนี้ยังเป็นเวลาแค่ 6 โมงเช้าเท่านั้น เขาถอดชุดโค้ทออก ปีนขึ้นเตียงเตา และดึงภรรยาเข้ามากอด
“คุณกลับมาแล้วเหรอคะ” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยอาการงงงวย
“อืม” โจวชิงไป๋ตอบและหอมแก้มเธอ
หลินชิงเหอหัวเราะในลำคอ โจวชิงไป๋จูบเธออีกครั้ง ครั้งนี้เป็นที่ริมฝีปาก โดยที่หลินชิงเหอคล้องคอของเขาไว้
และในเช้าวันนี้ คนทั้งคู่ก็ได้ออกกำลังกายด้วยกันไปอีกหนึ่งรอบ
เป็นเวลา 7 โมงเช้าแล้วในตอนที่หลินชิงเหอตื่นขึ้นมา เธอทุบโจวชิงไป๋เบา ๆ จริง ๆ เลย…ยั่วเธอตั้งแต่เช้าตรู่เลยนะ
ที่บ้านมีหมั่นโถวอยู่มากมาย เธอจึงนึ่งหมั่นโถวในหม้อเป็นอาหารเช้าวันนี้ จากนั้นเด็ก ๆ ก็ทยอยตื่นทีละคน
ทั้งเจ้าใหญ่กับเจ้ารองถามพ่อของเขาว่าจัดการคนชั่วนั่นไปแล้วหรือยัง?
“เขาไปแล้วล่ะ” โจวชิงไป๋ตอบ
สองพี่น้องรับรู้แล้วว่าพ่อของเขาไปเจอคน ๆ นั้นมา พวกเขาจึงมีท่าทางโล่งอก
“พี่ใหญ่ ถึงเวลานั้นพี่ต้องเอาใจใส่มาก ๆ นะ พี่ต้องปกป้องแม่ให้ดี แม่สวยความรู้ดี แถมทำอาหารเก่งขนาดนี้ ทั้งตำบลของเราไม่เจอใครที่เป็นแบบแม่เราแล้วนะ ถ้าพี่เข้ามหาวิทยาลัยไปจะต้องมีคนหลายคนไล่จีบแม่แน่ ๆ” เจ้ารองเอ่ย
หลังเรื่องของเฉินซานแล้ว เจ้ารองก็ตระหนักได้ว่าไม่ใช่ทุกคนจะมีจิตใจซื่อสัตย์ ทั้งที่รู้ว่าแม่ของเขาแต่งงานมีลูกชายสามคนแล้วก็ยังจะมาเกาะแกะแย่งแม่ของพวกเขาไป
นักศึกษาพวกนั้นไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาต้องไม่ลังเลที่จะไล่ตามแม่แน่นอน
แต่พวกเขาไม่อาจตามได้หรอก ได้แต่กลายเป็นบันไดให้พี่ใหญ่ของเขาเหยียบเท่านั้น
“ฉันรู้แล้ว” เจ้าใหญ่ตอบ
โจวชิงไป๋ไม่ได้เอ่ยอะไร เขาเพียงรู้สึกกระอักกระอ่วนต่อภรรยา แต่ไม่ได้คลางแคลงใจ ก่อนหน้านี้เขามี แต่ตอนนี้เขาไม่มีแล้ว
เขารักและเชื่อใจเธอ จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยอะไรออกมาให้ชัดเจน
ผลการสอบเข้าของหลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่ออกมาพร้อมกัน ทั้งแม่และลูกชายต่างได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งกันทั้งคู่
ทั้งหมู่บ้านโจวเจี่ยต่างฮือฮาหลังจากใบตอบรับทั้งสองถูกส่งมา
ไม่ต้องพูดเลยว่าท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวจะตื่นเต้นกันขนาดไหน
ตระกูลโจวของพวกเขา ตระกูลโจวของพวกเขามีนักศึกษาถึง 2 คน ยิ่งกว่านั้นยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นยอดของประเทศด้วย!
สถานที่อย่างเมืองหลวงเป็นอย่างไรกัน?
สำหรับคนอย่างพวกเขาแล้ว มันเป็นสถานที่ที่อยู่ไกลเกินเอื้อมและเป็นสถานที่ที่ผู้นำประเทศอาศัยอยู่
ตอนนี้ทั้งสะใภ้สี่กับหลานชายคนโตได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีที่สุดของที่นั่นแล้ว
ไม่ใช่แค่เพียงหมู่บ้านโจวเจี่ย
นายอำเภอและนายกเทศมนตรี เช่นเดียวกับผู้นำระดับสูงระดับมณฑลทั้งหลายก็มาที่นี่ด้วยตัวเอง
ทั้งแม่และลูกชายสอบได้ที่ 1 และที่ 2 ของทุนการศึกษาสาขาวิทยาศาสตร์ คะแนนของสองแม่ลูกห่างกันแค่ 10 กว่าแต้ม และได้รับคัดเลือกเข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งด้วยกัน
เรื่องแบบนี้แน่นอนว่าต้องถูกประกาศในหน้าหนังสือพิมพ์
พวกเขาจะได้นั่งรถยนต์ ถ่ายรูป ให้สัมภาษณ์ และรับทุนการศึกษาก่อนจะได้กลับบ้าน
ทันทีที่พวกเขาจากไป หลินชิงเหอ บัณฑิตระดับมณฑลก็ถูกทุกคนในหมู่บ้านรุมห้อมล้อม
พวกเขาให้ทั้งไก่และไข่ด้วยอาการกระตือรืนร้น แต่หลินชิงเหอกับเจ้าใหญ่ยังคงกฎเดิม คือไม่รับของของคนอื่น
เธอเคยบอกเรื่องนี้แล้ว ถ้าเด็ก ๆ ต้องการความช่วยเหลือด้านการเรียน พวกเขาก็สามารถมาถามได้
วันนี้เป็นวันที่ 27
หากทุนยังไม่ถูกส่งมา หลินชิงเหอก็เริ่มกังวล ถ้าหากว่ามันล่าช้าล่ะ? ทุกวันนี้ยังมีคนเข้ามหาวิทยาลัยแทนคนอื่นอยู่ไม่น้อยนะ!
แต่โชคดีที่เธอไม่ต้องกังวลว่าเรื่องดี ๆ จะมาอย่างล่าช้า มันยังคงถูกส่งมาเสมอ
และคืนนั้นก็เป็นอย่างที่คิด ทั้งครอบครัวต่างพากันเฉลิมฉลอง
พวกเขาเรียกญาติพี่น้องและสะใภ้ทั้งหลายมาร่วมฉลองด้วยยกเว้นเด็ก ๆ
ทุกคนต่างรวมตัวกินข้าวด้วยกัน
……………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ได้เข้ามหาวิทยาลัยปักกิ่งกันทั้งแม่และลูกเลย เก่งมาก ๆ เลยค่ะ
เฉินซานโดนพ่อจัดการแล้วนะคะ ทีนี้ก็เลิกมายุ่งกับแม่ได้แล้ว
ไหหม่า(海馬)