ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 138 ปลิง
บทที่ 138 ปลิง
โจวชิงไป๋ไม่เคยคัดค้านการตัดสินใจของเธอเลยเมื่อเทียบกับพ่อแม่ของเขา เขารู้ว่าภรรยาของเขายังคงทำการขายต่อเนื้อหมูอยู่ และเห็นชัดว่างานขายธัญพืชก็มีด้วย
ลึก ๆ แล้วเขารู้สึกไร้พลัง เธอไม่ฟังเขาเลย แต่อย่างน้อยเรื่องนี้ก็เป็นการเห็นด้วยระหว่างพวกเขาสองคน เมื่อใดที่เธอเผชิญกับเหตุไม่คาดฝันครั้งหนึ่ง เธอก็คงจะไม่ทำมันอีก
จนกระทั่งถึงตอนนี้เธอไม่เคยเผชิญกับปัญหาใด ๆ เลย นับว่าเธอมีความสามารถไม่น้อย ต่อให้เขาจะไม่รู้ก็ตามว่าเธอทำได้อย่างไร
แต่ก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าภรรยาของเขาช่างฉลาด เพียงแต่เธอไม่ได้นำความฉลาดมาใช้ให้ถูกทางเท่านั้นเอง
ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็มีเขาอยู่ ดังนั้นมันจะไม่เกิดปัญหาใหญ่อะไรหรอก
คนทั้งคู่เดินทางกลับมาถึงบ้าน
ในขณะที่สะใภ้รองบ้านหลินเดินกลับบ้านด้วยสองเท้าของตัวเองพร้อมกับเพลิงโทสะอัดแน่นกระเพาะ
ทันทีที่หล่อนกลับถึงบ้าน หล่อนก็นำเรื่องนี้มาบอกกับท่านพ่อหลินและท่านแม่หลิน บอกว่าหลินชิงเหอผู้เป็นน้องสามีคนเล็กมีชีวิตที่ดีมาก
“คุณพ่อคุณแม่ต้องไม่เชื่อแน่ ๆ ค่ะ นมผงถุงนั้นราคา 3 หยวน แต่หล่อนกลับซื้อ 2 ถุงในคราวเดียว แถมยังมีลูกกวาดกับพุทราจีนด้วย ฉันไม่รู้เลยว่าหล่อนใช้จ่ายเงินไปทั้งหมดเท่าไหร่!” สะใภ้รองบ้านหลินแค่นเสียงเย็นชาทันทีที่หล่อนอยู่ที่บ้าน
“เป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ชิงไป๋ไม่มีเงินเดือนแล้วนี่ หล่อนไปเอาเงินมากมายมาจากที่ไหน” ท่านแม่หลินเอ่ยพลางนิ่งงัน
“คุณแม่คงจะลืมไปแล้วสินะคะว่าน้องเขยยังมีเงินบำนาญหลังลาออกอยู่ ใครจะรู้ว่ามันมีเยอะเท่าไหร่ การที่น้องชิงเหอมาเยี่ยมเราเมื่อครั้งก่อนต้องเป็นเพราะหล่อนกลัวว่าเราจะเอาเปรียบ ก็เลยมาตัดความสัมพันธ์กับทางเรา คุณแม่คะ ลูกสาวคุณแม่ช่างน่ากลัวจริง ๆ!” สะใภ้รองบ้านหลินอนุมาน
“ชิงเหอไม่น่าจะคิดแบบนั้นได้นะ” พี่ชายใหญ่ตระกูลหลินเอ่ย
“ใครจะรู้ล่ะ คราวที่แล้วหล่อนมายืมของกลับไปเหมือนกับว่ามีคนติดหนี้อย่างนั้นแหละ จนถึงตอนนี้หล่อนนก็ยังไม่กลับมาที่นี่เลย ถ้าหล่อนถูกรังแก ใครจะคอยช่วยเหลือล่ะ” พี่ชายรองตระกูลหลินแค่นเสียง
“ใครจะคอยช่วยเหลือก็ช่าง แต่ไม่ใช่พี่รองแน่ครับ พี่รองน่ะซ่อนตัวไวกว่าทุกคนเลย” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ย
“แกพูดเรื่องอะไรหา!” พี่ชายรองตระกูลหลินถลึงตา
“อย่าทำเป็นวางมาดหน่อยเลยค่ะ เราทุกคนอยู่ในครอบครัวเดียวกัน ทำไมจะไม่รู้ไส้กันล่ะคะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยทะลุกลางปล้อง
“พวกเธอได้ประโยชน์จากหล่อนนี่ ก็เลยเข้าข้างหล่อนอยู่แล้ว” สะใภ้รองตระกูลหลินแค่นเสียง
“ฉันรู้นิสัยพี่สาวสามอยู่นะคะ ก่อนหน้านี้หล่อนรวยก็จริง แต่ตอนนี้ก็คงจะใช้เงินจนหมดแล้วด้วยนิสัยใช้จ่ายของหล่อน ถ้าพี่ต้องการจะขอเงินจากหล่อนแล้วล่ะก็ มันเป็นแผนที่แย่มากค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยพลางลูบหน้าท้อง
ใช่แล้วล่ะ หลังจากที่คลอดลูกสาวสองคนแรกไป หล่อนก็ตั้งครรภ์อีกครั้ง ซึ่งตอนนี้ก็เข้าเดือนที่เจ็ดแล้ว หากมันดำเนินไปอย่างปกติ อีกสองเดือนหล่อนก็คงจะคลอด
“แผนแย่อะไรกัน? คุณพ่อกับคุณแม่คลอดและเลี้ยงดูหล่อนมานะ ลูกสาวจะทำตัวอย่างหล่อนได้เหรอ? หล่อนไม่คิดที่จะกลับมาเลยในหลายปีแต่กลับอยู่ดีกินดีในบ้านฝั่งสามี เรื่องนี้ใจดำกันเกินไปแล้ว” สะใภ้รองตระกูลหลินแค่นเสียง
“งั้นถ้าพี่อยู่ดีกินดีในบ้านฝั่งสามีแล้ว พี่จะเก็บข้าวของกลับไปอยู่ที่บ้านฝั่งแม่ไหมล่ะคะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินแย้ง
“เธอพูดอะไรน่ะ? เธอกับน้องชายสามแยกตัวไปแล้ว ทำไมถึงมายุ่งเรื่องในบ้านตระกูลหลินอีก?” สะใภ้รองสาดคำพูดกลับ
สะใภ้สามตระกูลหลินพยักหน้า “เป็นเหตุเป็นผลดีค่ะ” จากนั้นหล่อนก็กุมท้องเดินกลับเข้าห้องของตัวเองไป ส่วนน้องชายสามตระกูลหลินก็ไม่สนใจที่จะอยู่ต่อเพื่อฟังสิ่งที่พวกเขาพูดถึงพี่สาวสาม เขาจึงเดินกลับห้องไปด้วย
“อย่างน้อยเราก็ควรหาเวลาไปที่บ้านของพี่สาวสามและแจ้งเรื่องนี้ให้หล่อนนะคะ ดูจากปฏิกิริยาของคุณแม่แล้ว ท่านต้องบุกไปที่บ้านของหล่อนแน่” สะใภ้สามตระกูลหลินบอก
หล่อนจะไม่รู้นิสัยของแม่สามีได้อย่างไรล่ะ?
น้องชายสามตระกูลหลินย่นคิ้วและพยักหน้า “ถ้างั้นผมจะไปที่นั่นบ่ายวันนี้”
แน่นอนว่าหลังจากได้ฟังสิ่งที่ลูกสะใภ้ฟ้องแล้ว ท่านแม่หลินก็วางแผนจะทำอย่างนั้นจริง ๆ
“ฉันไม่เคยเห็นลูกสาวบ้านไหนเป็นแบบนี้เลย ต้องให้คนแก่ ๆ อย่างฉันไปเยี่ยมมันถึงที่ขนาดนี้!” ท่านแม่หลินเอ่ยเสียงเย็น
“ไปถึงที่นั่นแล้วก็พูดจากับมันดี ๆ นะ ดูจากนิสัยของมันแล้ว ใครจะอุ้มชูมันได้หากไปท้าทายใครเข้าโดยที่ไม่มีตระกูลหลินหนุนหลัง?” ท่านพ่อหลินเอ่ยขณะอัดควันบุหรี่มวนใหญ่เข้าปอด
“คุณแม่คะ ไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่สะใภ้สามพูดนะคะ จากที่ฉันเห็นมากับตา หล่อนต้องมีเงินในมือเยอะมากแน่ ๆ ค่ะ คุณแม่คะ เมื่อไปถึงแล้ว คุณแม่ต้องพูดเน้นนะคะว่าบ้านตระกูลหลินของเราเก่าคร่ำคร่าจนต้องซ่อม ไม่อย่างนั้นมันคงทนหิมะปีนี้ไปไม่ได้ อะไรแบบนี้น่ะค่ะ” สะใภ้รองตระกูลหลินยืนกราน
“เธอเห็นหล่อนซื้อของมากมายจริง ๆ เหรอ?” ท่านแม่หลินถามหล่อน
“ฉันจะโกหกทำไมล่ะคะ? อีกอย่างหนึ่งน้องเขยก็ดูมีสุขภาพแข็งแรงดี ไม่เหมือนชาวนาเลยสักนิด ใครจะรู้ล่ะคะว่าอาหารบ้านหล่อนดีขนาดไหน ที่แน่ ๆ บ้านนั้นจะต้องไม่ขาดนมผงอย่างแน่นอน คุณแม่คะ เมื่อคุณแม่ไปถึงแล้วต้องขอนมผงกลับมาให้ได้นะคะ คุณแม่กับคุณพ่อจะได้มีร่างกายแข็งแรงขึ้น” สะใภ้รองตระกูลหลินตอบ
“แล้วทำไมเธอไม่ขอหล่อนเสียเองล่ะ?” ท่านแม่หลินถามหล่อน
“คุณแม่ไม่รู้หรอกค่ะว่าน้องสาวสามร้ายกาจขนาดไหน ฉันจะกล้าไปฉวยของของหล่อนได้อย่างไรคะ” สะใภ้รองตระกูลหลินเอ่ยหลังได้ยินดังนี้
ท่านแม่หลินไม่เอ่ยอะไร นางรู้นิสัยของลูกสาวคนเล็กดี จึงได้แต่ข่มโทสะไว้ในใจขณะที่ลูกสาวของนางยังไม่มีท่าทีว่าจะกลับมาเยี่ยมในตอนนี้
ดังนั้นการไปหาหล่อนและพูดคุยเรื่องนี้จึงเป็นความคิดที่ดี หล่อนคงไม่กล้าเมินคนอย่างแม่แท้ ๆ ของหล่อนแน่ หากหล่อนยังทำอยู่ นางก็จะดุด่าหล่อนว่าเป็นลูกอกตัญญูต่อหน้าคนทั้งหมู่บ้านให้ดู ดูสิว่าหล่อนจะยังมีหน้าเหลืออยู่ไหม!
ในบ่ายวันนั้นเอง น้องชายสามตระกูลหลินก็ได้มาหาพี่สาว
หลินชิงเหอยิ้มแสยะในทันทีที่เขาเล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาจบ สะใภ้รองตระกูลหลินเอาเรื่องนี้กลับไปบอกบ้านนั้นอย่างที่คิดจริง ๆ ด้วย “ไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อหญิงแก่คนนั้นอยากจะมาก็ให้นางมา ชื่อเสียงของพี่ในหมู่บ้านนี้ก็ไม่ได้ดีอยู่แล้ว พี่ไม่กลัวนางหรอก”
ปลิงมันคิดจะมาดูดเลือดเธองั้นเหรอ ก็ให้มันลองดูแล้วกัน
“แต่ที่บ้านพี่ยังมีเด็ก ๆ อยู่นะครับ” น้องชายสามตระกูลหลินถอนหายใจเบา ๆ
หลินชิงเหอย่นคิ้ว ตัวเธอเองไม่สนใจเรื่องนี้หรอก แต่ถ้าภาพเหตุการณ์นี้มันเกิดขึ้นในหมู่บ้านของพวกเขา โจวชิงไป๋กับเด็ก ๆ จะพลอยได้รับผลกระทบไปด้วย
“งั้นพี่จะไปบ้านนั้นในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้แล้วกัน” หญิงสาวบอก
น้องชายสามพยักหน้า “พี่ครับ ที่บ้านพี่ยังมีอาหารพอกินอยู่ไหมครับ?”
“พออยู่ล่ะ ถึงพี่จะไม่ได้ทำงานในทุ่งนา แต่พี่เขยก็ไม่ปล่อยให้พี่ต้องอดตายหรอก แล้วนายล่ะเป็นอย่างไรบ้าง?” หลินชิงเหอถาม
“ยังพอกินอยู่ครับ” น้องชายสามตระกูลหลินยิ้ม
“เนื้อชิ้นนี้ไม่ใช่เนื้อคุณภาพดีอะไร นายเอามันกลับไปเลี้ยงลูกสาวสองคนของนายเสียสิ” หลินชิงเหอห่อเนื้อสะโพกชิ้นหนึ่งให้เขาในปริมาณไม่มาก แค่สองหรือสามเลี่ยงเท่านั้น (100-150 กรัม)
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่ ให้เจ้าใหญ่กับน้อง ๆ ได้กินเถอะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวกลับก่อนนะครับ”
หลังจากนั้นเขาก็รีบผลุนผลันจากไปจนหลินชิงเหอต้องขี่จักรยานตามเอาเนื้อมาให้ น้องชายสามตระกูลหลินรู้สึกจนใจและรับเนื้อไว้
“กลับดี ๆ นะ” หลินชิงเหอโบกมือลา
เมื่อน้องชายสามตระกูลหลินกลับมาถึงบ้าน สะใภ้สามตระกูลหลินก็เห็นว่าเขาถือห่อเนื้อกลับมาด้วยและรู้สึกประทับใจขึ้นมา
“คุณบอกพี่สาวสามหรือยังน่ะ?” สะใภ้สามตระกูลหลินถามขณะเก็บเนื้อเข้าที่ หล่อนวางแผนว่าจะทำเกี๊ยวหมูกับกะหล่ำปลีในคืนนี้
“ผมบอกแล้วล่ะ พี่สาวผมบอกว่าจะมาที่นี่ในเช้าตรู่วันพรุ่งนี้” น้องชายสามตระกูลหลินพยักหน้า
“พี่สาวสามกลับมาครั้งนี้ต้องมาทะเลาะกับคนในบ้านแน่ ๆ คุณต้องปกป้องหล่อนนะคะ ส่วนฉันจะอยู่ห่าง ๆ ดังนั้นคุณไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยแนะ
“มันคงไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอกมั้ง” น้องชายสามตระกูลหลินถึงกับตกใจ
“ฉันแค่พูดถึงหากมันเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นมาน่ะค่ะ หากว่ามันไม่เลวร้ายขนาดนั้นก็ไม่ต้อง ในความเห็นของฉัน พี่สาวสามคงไม่อยากเกี่ยวข้องกับตระกูลหลินจริง ๆ แล้ว ดังนั้นมันจะต้องเกิดปัญหาแน่ค่ะ” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ย
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
สะใภ้รองบ้านหลินนี่ก็ร้ายกาจไม่เบาเลยนะคะ รับบทนางเสี้ยมนางฟ้องจนเป็นเรื่อง
เอาใจช่วยแม่นะคะ แม่จะกลับมาฟาดคนตระกูลหลินอย่างไรบ้าง ติดตามต่อตอนหน้าค่ะ
ปล. ขอให้ผู้อ่านมีแต่ความสุขกายสบายใจรับปีฉลูนี้นะคะ
ไหหม่า (海馬)