ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม - ตอนที่ 128 ชีวิตที่สุขสบาย
บทที่ 128 ชีวิตที่สุขสบาย
“ใครจะปฏิเสธเรื่องนั้นได้ล่ะจ๊ะ ครอบครัวเราแยกตัวกันแล้ว คุณพ่อกับคุณแม่ก็มากินข้าวที่บ้านสะใภ้สี่ นั่นก็หมายความว่าส่วนแบ่งของพวกท่านจะถูกส่งไปที่บ้านสะใภ้สี่ ครอบครัวเราเองก็ได้แต้มค่าแรงของเราเหมือนกัน เราไม่เล็งเนื้อส่วนของคุณพ่อคุณแม่หรอกจ้ะ” สะใภ้สามพูดเสริม
คนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้เคียงต่างมีความเห็นบางอย่างตอนที่หวังหลิงพูดขึ้นมา แต่หลังจากที่สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามเอ่ยขึ้นมาแล้ว พวกเขาก็ไม่พูดอะไร
จะมีใครในหมู่บ้านไม่รู้กันล่ะว่าตอนนี้คู่สามีภรรยาชราไม่ได้หุงหาอาหารอีกแล้ว และอาศัยมากินข้าวที่บ้านลูกชายคนที่สี่แทน?
ดังนั้นมันก็เป็นเรื่องธรรมดาที่เนื้อจะถูกส่งไปที่บ้านลูกชายคนที่สี่
หวังหลิงไม่พูดอะไรอีกเมื่อเห็นว่าทุกคนไม่เข้าข้างหล่อน
มีแค่สะใภ้รองเท่านั้นี่ยังแสดงสีหน้าไม่พอใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนที่ถึงตาของหล่อนรับเนื้อบ้าง ครอบครัวของหล่อนได้เนื้อไปแค่สามชั่งเท่านั้น
ต้องบอกว่าตอนนี้หลินชิงเหอได้เนื้อติดมันไปชิ้นใหญ่ ขณะที่หล่อนได้รับเนื้อไปแค่สามชั่งเท่านั้น!
แล้วเนื้อส่วนอื่น ๆ ล่ะ?
เพราะเธอซื้อเนื้อส่วนซี่โครงกับกระดูกบางส่วนไปด้วย มันก็เลยดูเป็นปริมาณมหาศาล เนื่องจากสิ่งเหล่านี้มีราคาถูกกว่า เธอก็เลยขอเนื้อส่วนเหล่านี้เพิ่มขึ้น
หลังแจกจ่ายเนื้อเสร็จและกลับมาที่บ้าน สะใภ้รองก็ยังคงมีสีหน้าบูดบึ้งอย่างดูไม่ได้
กลับกันพี่ชายรองกลับมีสีหน้าปิติยินดีและเอ่ยขึ้นมา “คืนนี้เราทำเกี๊ยวกินกันเถอะ!”
หลังทำงานเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน การได้กินเกี๊ยวนับว่ายังเป็นเรื่องที่รับได้
“กิน กิน กิน! คุณนี่ก็รู้จักแต่เรื่องกิน คุณรู้เรื่องอะไรนอกจากเรื่องกินบ้างไหม!”สะใภ้รองตวาดเสียงแหว
พี่ชายรองตกใจ เขาแค่อยากจะกินเกี๊ยว แต่ทำไมถึงโดนหล่อนตะคอกใส่ล่ะนี่? “ตอนนี้คุณเป็นอะไรไป? ใครทำคุณโกรธมาเหรอ?”
สะใภ้รองขบฟันกรอด “เมื่อกี้นี้คุณแม่เองก็อยู่กับสะใภ้สี่ขณะที่มีการแจกเนื้อ แล้วก็ได้เนื้อไปถังใหญ่เลยน่ะสิคะ!”
“แล้วอย่างไรล่ะ? พ่อผมกับชิงไป๋ได้แต้มค่าแรงกันสิบแต้มทั้งคู่นะ” พี่ชายรองตอบ
แต้มค่าแรงสิบแต้มสองชุด! คิดดูว่าพวกเขาจะได้เนื้อกันมากขนาดไหนในครั้งนี้?
“เนื้อทุกส่วนไปกองอยู่ที่บ้านสะใภ้สี่หมดเลย!” สะใภ้รองพูดต่อ
“แล้วจะพูดอะไรได้ล่ะ? ตอนนี้พ่อกับแม่ผมก็ไปกินข้าวที่นู่นแล้ว ถ้าไม่ส่งเนื้อไปที่นู่นแล้วจะให้ส่งเนื้อไปที่ไหนล่ะ?” พี่ชายรองตอบอย่างงุนงง
เขาล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับภรรยาของเขา
“ถ้าเกิดว่าให้คุณพ่อกับคุณแม่มากินอาหารกับเราล่ะคะ?” สะใภ้รองเสนอ
หล่อนรู้สึกว่ามันคงดีกว่าถ้าจะให้พ่อแม่สามีมากินข้าวกับครอบครัวของหล่อน ตอนนี้พ่อสามีก็ยังทำงานได้และได้ค่าแรงมาสิบแต้ม แม้แม่สามีจะไม่ได้ทำงานในทุ่งนา แต่อีกหน่อยเด็กก็จะโตและนางก็จะว่างพอที่จะไปเก็บผักขมมาแลกกับแต้มค่าแรง
ดังนั้นแล้วก็จะไม่มีอะไรเสีย
“คุณฝันไปเถอะ ฝีมือการทำอาหารของคุณจะไปเทียบสะใภ้สี่ได้ยังไง? คุณไม่เห็นเหรอว่าพ่อแม่ผมดีใจแค่ไหนนับตั้งแต่ไปกินข้าวที่บ้านนั้น?” พี่ชายรองหัวเราะ
เขารู้ว่าพ่อกับแม่ของเขาดีใจจนเนื้อเต้นเลยทีเดียว และต้องยอมรับว่าพ่อกับแม่ของเขาดูดีขึ้นมากนับตั้งแต่มากินข้าวที่บ้านน้องชายสี่ เห็นได้ชัดว่าอาหารบ้านนั้นอร่อยขนาดไหน
ภรรยาของเขาอยากให้พ่อแม่ของเขามาทานอาหารที่บ้าน มันคงจะแปลกพิกลถ้าพ่อแม่ของเขาจะมีความสุขกับการกินผักดองและสารพัดผักหั่นชิ้นของครอบครัวเขา
“คุณยังไม่ได้ชวนพวกท่านเลย คุณรู้ได้ยังไงว่าพ่อกับแม่ของคุณจะไม่อยากมา!”
“อย่าสร้างปัญหาน่าคุณ” พี่ชายรองบอก
ไม่ต้องพูดถึงพ่อกับแม่ของเขาเลย ต่อให้เป็นเขา เขาก็ไม่เปลี่ยนใจ เขาได้ยินว่าอาหารบนโต๊ะของบ้านน้องชายสี่ไม่เคยซ้ำกันเลย และในทุกมื้อยังมีเนื้อหรือไม่ก็ไข่อยู่ด้วย!
ไม่จริงหรอกที่มันจะมีเนื้อในทุกมื้อ แต่มันจริงแท้แน่นอนที่ทุกมื้อจะต้องมีไข่ ครั้งที่แล้วเขาก็เคยสะใภ้สี่กลับมาจากนอกบ้านพร้อมไข่ตะกร้าหนึ่ง
ตะกร้าใบใหญ่เต็มไปด้วยไข่เชียวนะ! หล่อนจะต้องซื้อมาจากร้านค้าสหกรณ์ในชุมชนแน่
สะใภ้รองได้ยินก็โมโหอย่างมาก “คุณไม่ชวน งั้นฉันชวนเองค่ะ!”
“งั้นคุณก็ชวนเลย” พี่ชายรองโบกมือ
สะใภ้รองไม่ได้เอ่ยชวนในทันที หล่อนวางแผนจะหาจังหวะเหมาะที่จะเอ่ยเรื่องนี้
แต่ท่านแม่โจวก็ไม่มีเวลามายุ่งกับหล่อนในตอนนี้
หลินชิงเหอเองก็ยุ่งมาก มีเนื้อส่งมาที่บ้านมากมายเหลือเกิน เธอต้องคัดแยกพวกมัน
เธอสับเนื้อติดมันขนาดใหญ่ จากนั้นก็เริ่มเจียวมันหมู
ในมิติของเธอมีน้ำมันถั่วลิสงเหลืออยู่แค่ 2 บาร์เรลเท่านั้น และมันก็ถูกใช้บริโภคหมดไว้มาก ดังนั้นหากมีเนื้อติดมันชิ้นใหญ่อยู่ เธอก็รู้สึกยิ่งกว่าดีใจที่ได้มันมาเพื่อใช้สกัดน้ำมัน
ในยุคนี้หมูทุกตัวล้วนถูกเลี้ยงตามธรรมชาติและไม่ได้กินอาหารสัตว์สำเร็จรูป น้ำมันที่เจียวออกมาได้จึงมีรสชาติเป็นพิเศษ
กากหมูเองก็เป็นของดี เด็ก ๆ ชอบกินมันมาก
หลินชิงเหอจึงตั้งใจว่าจะทำซาลาเปา
เธอจะใช้กากหมูกับกะหล่ำปลีเป็นไส้ โดยไม่จำเป็นต้องใส่ส่วนประกอบอย่างอื่นเลย ถึงอย่างนั้นเมื่อนึ่งซาลาเปาพวกนี้ออกมาแล้วมันก็ยังมีรสชาติแสนโอชาและกลิ่นหอมชวนรับประทานอย่างมาก
ส่วนเนื้อสามชั้นนั้น เธอโรยเกลือไปหนึ่งกำมือและปล่อยทิ้งไว้เพื่อรอทอดในกระทะ
เนื้อแดง ซี่โครงหมู และเนื้อติดกระดูกต่างถูกใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ ไม่มีอะไรเหลือทิ้งขว้างเลย
ลำไส้ใหญ่ กระเพาะ กับลำไส้เล็กหมูล้วนมีท่านแม่โจวเป็นคนจัดการล้างโดยที่หลินชิงเหอไม่ต้องเข้าไปช่วย ลำไส้ใหญ่หมูใช้ผัดกับผักดองหั่นชิ้น กระเพาะหมูถูกหั่นเป็นชิ้นและตุ๋นพร้อมกับพริกไทย ส่วนลำไส้เล็กหมูถูกนำไปนึ่งในลังถึง
โดยสรุปแล้วอาหารวันนี้ล้วนเป็นอาหารชั้นเลิศ โจวชิงไป๋เองยังหยิบเหล้าออกมาดื่มกับท่านพ่อโจวและท่านแม่โจว
หลินชิงเหอกับเด็ก ๆ ไม่ดื่มเหล้า ซึ่งความจริงแล้วเจ้าใหญ่อยากลองดื่มบ้างเหมือนกัน แต่เมื่อเจอสายตาของหลินชิงเหอจ้องมองมาเขาก็หดตัวลีบ ในเมื่อเขาอายุไม่ถึง 15 ปีก็จะไม่ได้ดื่มเหล้าแม้แต่หยดเดียว
อาหารบนโต๊ะล้วนอุดมไปด้วยรสชาติและทุกคนก็กินกันจนอิ่มหนำสำราญใจ
ท่านพ่อกับท่านแม่โจวรู้สึกพอใจกับอาหารมื้อนี้อย่างมาก
คู่สามีภรรยากลับไปพักผ่อนที่บ้านหลังทานอาหารเสร็จแล้ว พวกเขาต่างหมดแรงไปกับกิจกรรมทุกรูปแบบในวันนี้ และตอนนี้ก็ต้องการนอนหลับพักผ่อนอย่างสงบ
ทันทีที่ทั้งสองกลับมา สะใภ้รองก็นำเกี๊ยวมาให้ชามหนึ่งพร้อมกับรอยยิ้ม
“คุณพ่อคุณแม่คะ เกี๊ยวนี้ฉันทำเองนะคะ ลองชิมดูไหมคะ?” สะใภ้รองเสนอ
“ไม่เป็นไรหรอก เรากินมาจากบ้านอาสี่แล้วน่ะ” ท่านแม่โจวบอก
สะใภ้รองได้กลิ่นเหล้าจากตัวของคนทั้งสอง หล่อนจึงเอ่ยทัก “คุณพ่อกับคุณแม่ดื่มเหล้ามาด้วยเหรอคะ?”
“อาหารที่นั่นอร่อยมากเลย ฉันเลยดื่มเหล้าด้วยน่ะ” ท่านแม่โจวยิ้มกริ่ม
สะใภ้รองไม่อาจปั้นยิ้มได้อีกต่อไป หล่อนยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกแม่สามีพูดขัดเสียแล้ว
ท่านแม่โจวไม่รู้ถึงแผนการของสะใภ้รอง นางทำเพียงพาหลานชายตัวน้อยกลับไปนอนในห้อง ส่วนสะใภ้รองก็กลับเข้ามาในห้องพร้อมกับเกี๊ยวชามนั้น
“ผมบอกคุณแล้วว่าไม่ต้องเอาไปให้พวกท่านหรอก อาสี่ไม่ปล่อยให้พ่อกับแม่ผมอดอาหารอยู่แล้ว” พี่ชายรองเอ่ยขึ้น
“ในเมื่อพวกท่านไม่สนใจความกตัญญูของฉัน งั้นฉันจะกินเอง!” สะใภ้รองเอ่ยเสียงเขียว
พี่ชายรองไม่เอ่ยอะไรอีกและบอกให้ลูก ๆ รีบทาน มันเป็นโอกาสหายากที่จะได้กินเกี๊ยว อาหารจานนี้เปี่ยมด้วยรสชาติ ไม่เหมือนกับธัญพืชแข็ง ๆ ที่ฝืดคอพวกนั้น
แต่ถึงอย่างนั้นที่บ้านของพวกเขาก็มีข้าวสาลีจัดสรรมาเพียงเท่านี้ พวกเขามีโอกาสได้กินมันเพียงไม่กี่มื้อ
สะใภ้ใหญ่กับสะใภ้สามก็ได้รับเนื้อเป็นจำนวนมากในวันนี้เหมือนกัน ทั้งคู่ต่างแบ่งมาให้ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจว แต่ผู้อาวุโสทั้งสองไม่รับ พวกหล่อนจึงนำกลับมากินเอง
“คุณพ่อกับคุณแม่ดูดีใจมากนะคะที่ได้ทานอาหารบ้านน้องชายสี่” สะใภ้ใหญ่เอ่ยพลางกลั้วหัวเราะ
“วันนี้ช่างน่ายินดีจริง ๆ พวกเธอสองคนเอากลับไปกินเถอะ คุณพ่อกับฉันรู้แล้วว่าพวกเธอกตัญญู” ท่านแม่โจวเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง
สะใภ้สามเองก็พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม
แล้วสะใภ้ทั้งสองก็แยกย้ายกันกลับ
“ตอนนี้เราสองคนมีช่วงเวลาที่ดีจริง ๆ” ท่านแม่โจวยิ้มกริ่มให้ท่านพ่อโจว
ท่านพ่อโจวหรี่ตาปรือด้วยความสบายกายสบายใจ ช่วงเวลาตอนนี้ช่างไปได้สวยจริง ๆ
…………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มาผิดจังหวะนะคะสะใภ้รอง ท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวกินของอร่อยมาแล้ว พยายามใหม่ครั้งหน้านะคะ
สรุปก็คือตอนนี้มีคนหน้าแตกสองอัตราค่ะ
ไหหม่า (海馬)