ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 746 เอ่ยเตือน(1)
ตอนที่ 746 เอ่ยเตือน(1)
……….
ตอนที่ 746 เอ่ยเตือน(1)
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงมองไปมองหลี่หมิงฮุยก่อนจะเอ่ยถามว่า “มีอะไรเหรอคะ?”
หลี่หมิงฮุยเห็นว่าฉินมู่หลานรู้อยู่แล้วว่าเขามีธุระมาหาเธอ จึงไม่ปิดบังและกล่าวตามตรงว่า “ที่บ้านผมตั้งใจจะไปลงทุนที่ปักกิ่ง แต่ผมไม่รู้จักใครเลย จึงอยากรบกวนคุณช่วยแนะนำคนให้ผมรู้จักสักหน่อย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็คิดถึงหลิวเสวียข่ายขึ้นมาทันที เธอพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มและกล่าวว่า “ได้สิคะ”
มีนักลงทุนจากฮ่องกงไปลงทุนที่ปักกิ่งนับเป็นเรื่องราวดี ๆ ฉินมู่หลานจึงยินดีสนับสนุนอย่างยิ่ง
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตอบตกลงแล้ว หลี่หมิงฮุยก็ดีใจมากและยิ่งแสดงความต้องการจะช่วยฉินมู่หลานซื้อตั๋วเครื่องบินขึ้นไปอีก “เพื่อนร่วมชั้นฉิน พวกคุณมีกันกี่คน ผมจะซื้อตั๋วให้พร้อมกันเลย แล้วเราจะได้ไปปักกิ่งด้วยกัน”
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ รวมฉันด้วยเป็นสามคน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หลี่หมิงฮุยก็กล่าวทันทีว่า “ครับ ผมจะให้คนไปซื้อตั๋วเดี๋ยวนี้เลย”
เมื่อเจียงเพ่ยหลิงได้ยินว่าฉินมู่หลานจะกลับไปปักกิ่งพร้อมกับคนอีกสองคน หล่อนจึงรีบหันไปถามเซี่ยเจ๋อเหว่ยว่า “คุณก็จะกลับปักกิ่งด้วยเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยส่ายหน้าทันทีและกล่าวว่า “ไม่ใช่ผม ผมไม่ได้กลับ”
“แล้วใครล่ะ?”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยรู้ว่าน่าจะเป็นเหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิง แต่นี่เป็นเรื่องของมู่หลาน เขาจึงไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงแต่กล่าวว่า “อย่าถามมากเลย”
เห็นว่าเซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่ยอมบอก เจียงเพ่ยหลิงจึงแสดงความไม่พอใจเล็กน้อยทางสีหน้า หล่อนไม่คิดว่าเพียงเพราะฉินมู่หลานมาเซินเจิ้นก็ทำให้เซี่ยเจ๋อเหว่ยเปลี่ยนไปมากจนไม่เหมือนเมื่อก่อนที่อะไร ๆ ก็ตามใจหล่อน แต่โชคดีที่ฉินมู่หลานจะกลับปักกิ่งในเร็ว ๆ นี้แล้ว หล่อนไม่ต้องยิ้มประจบและถูกดูถูกอีกต่อไปแล้ว
ทางด้านหลี่หมิงฮุยและเยวี่ยจงจีก็ได้พูดคุยกับฉินมู่หลานอีกพักหนึ่ง จากนั้นทั้งสองคนก็ขอตัวกลับไป
“เพื่อนร่วมชั้นฉิน ถ้าซื้อตั๋วเสร็จแล้ว ผมจะเอาตั๋วมาให้นะ”
“ค่ะ” ฉินมู่หลานพยักหน้า
เจียงเพ่ยหลิงเห็นเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุยเดินออกไปอีกก็รีบเดินตามหลังฉินมู่หลานไปส่งแขก “เถ้าแก่ทั้งสอง หากว่างก็แวะมาที่ตลาดวัสดุก่อสร้างของพวกเราบ่อย ๆ นะคะ”
เยวี่ยจงจีไม่ได้มองซ้ำอีกครั้ง แต่หลี่หมิงฮุยกลับขยิบตาให้เจียงเพ่ยหลิง
หลังจากที่ทั้งคู่ขึ้นรถออกไป ฉินมู่หลานก็หันหน้าไปทางเซี่ยเจ๋อเหว่ยแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ เราไปดูบัญชีกันต่อเถอะค่ะ”
“อ้อ ได้”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยพยักหน้ารับ แล้วก็เดินตามฉินมู่หลานกลับไปเพื่อดูบัญชีต่อ
เมื่อเจียงเพ่ยหลิงเห็นว่าเซี่ยเจ๋อเหว่ยถูกเรียกตัวออกไปอีกแล้ว และฉินมู่หลานก็เมินเฉยต่อหล่อนโดยสิ้นเชิง ในใจก็เกิดความขุ่นเคืองขึ้นมา แต่ทำอะไรไม่ได้ นอกจากเดินไปทางหนึ่งเพื่อสงบสติอารมณ์
ฉินมู่หลานไม่สนใจเจียงเพ่ยหลิงจริง ๆ หลังจากที่ตรวจสอบบัญชีอย่างละเอียดแล้วและไม่พบปัญหาอะไร เธอก็ตั้งใจว่าจะกลับ
“มู่หลาน นี่ก็ได้เวลาแล้ว กินข้าวแล้วค่อยกลับสิ”
ฉินมู่หลานส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ไม่เป็นไรค่ะพี่ใหญ่ ฉันกลับไปค่อยกิน”
ระหว่างที่พูด ฉินมู่หลานก็เดินมาที่ประตูใหญ่ และหันหน้าไปทางเซี่ยเจ๋อเหว่ยก่อนจะพูดว่า “พี่ใหญ่ ไม่ต้องส่งแล้วค่ะ พี่เข้าไปเถอะ”
ทว่าในขณะนี้จู่ ๆ ป้ายโฆษณาขนาดใหญ่เหนือศีรษะของฉินมู่หลานก็ร่วงลงมา
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานกำลังจะถูกกระแทก เหวินเชี่ยนก็ปรากฏตัวทันทีและเตะป้ายโฆษณานั้นกระเด็นออกไป
เรื่องนี้เกิดขึ้นเร็วมาก ผู้คนรู้สึกเหมือนยังไม่ทันเริ่มก็จบแล้ว ก่อนจะมองป้ายโฆษณาที่ถูกเตะไกลออกไปและกระแทกพื้นจนเกิดเสียงดังโครมใหญ่ด้วยความงุนงง
ฉินมู่หลานก็ตกใจเช่นกัน แต่เหวินเชี่ยนเข้ามาช่วยได้ทัน เธอจึงไม่เป็นอะไร
“เกิดอะไรขึ้น มีอะไรเกิดขึ้น?”
เฉินอวิ๋นและคนอื่น ๆ ได้ยินเสียงดังก็รีบวิ่งเข้ามา แต่เซี่ยเจ๋อเหว่ยและเจียงเพ่ยหลิงอยู่ที่ประตูพอดีจึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง เจียงเพ่ยหลิงทำหน้าไม่อยากเชื่อ ก่อนจะมองเหวินเชี่ยนสลับกับฉินมู่หลาน และหันไปมองป้ายโฆษณาที่ถูกถีบกระเด็นไป
ส่วนเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ตกใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบวิ่งไปหาฉินมู่หลานและถามว่า “มู่หลาน เป็นยังไงบ้าง ไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ใหญ่”
เวลานั้นเหวินเชี่ยนก็เดินมาหาฉินมู่หลานอย่างรวดเร็ว แม้แต่ชุยเสี่ยวผิงก็ออกมาด้วย แล้วก็เดินมาประกบอีกด้านของฉินมู่หลาน
พอเห็นทั้งสองคนรีบเข้ามาปกป้องฉินมู่หลาน เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็โล่งใจและรู้สึกโชคดีที่เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงมาด้วย เพราะถ้าเกิดมีอะไรขึ้นกับฉินมู่หลาน เขาจะอธิบายกับน้องชายอย่างไร
เจียงเพ่ยหลิงที่เพิ่งตกใจกับการปรากฏตัวของเหวินเชี่ยน ก็ยิ่งแปลกใจที่เห็นชุยเสี่ยวผิงปรากฏตัวขึ้นอีกคน หล่อนจึงถามออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ “พวกเธอเป็นใคร?”
เหวินเชี่ยนและชุยเสี่ยวผิงเหลือบมองเจียงเพ่ยหลิงโดยไม่พูดอะไร
เซี่ยเจ๋อเหว่ยจึงอธิบายว่า “พวกเธอสองคนเป็นคนที่คอยคุ้มกันมู่หลาน”
“อะไรนะ?”
เจียงเพ่ยหลิงไม่อยากจะเชื่อ ฉินมู่หลานมีคนคอยคุ้มกันด้วยเหรอ นี่…ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ หรือคนที่เป็นเถ้าแก่มักจะกังวลเรื่องความปลอดภัยของตัวเองจนต้องหาคนมาปกป้อง ฉินมู่หลานรวยถึงขนาดนี้เชียวเหรอ?
ส่วนฉินมู่หลานไม่สนใจที่เจียงเพ่ยหลิงร้องโวยวาย เธอหันไปบอกเซี่ยเจ๋อเหว่ยว่า “ไปดูจุดที่ป้ายโฆษณาตกลงมาเถอะ”
ป้ายโฆษณานี้ติดตั้งไว้ตั้งแต่ตอนที่ตลาดวัสดุก่อสร้างเปิดใหม่ ๆ เพื่อให้คนอื่น ๆ ได้เห็นสินค้าในร้านชัดเจนยิ่งขึ้น แต่คาดไม่ถึงว่าวันนี้มันจะตกลงมา
เซี่ยเจ๋อเหว่ยพยักหน้ารับแล้วตอบว่า “เดี๋ยวพี่ไปดูก่อน”
หลังจากตรวจสอบแล้ว ก็พบว่าป้ายโฆษณาคลายตัวตามธรรมชาติ ไม่ได้มีร่องรอยการถูกกระทำของมนุษย์
“พี่สะใภ้ ให้พวกเราตรวจสอบเพิ่มเติมไหม?”
พอได้ยินคำพูดของเหวินเชี่ยน เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รีบพูดขึ้นมาทันทีว่า “ตรงนี้ไม่มีใครผ่านมาหรอกครับ”
“ถึงจะเป็นอย่างนั้น ก็ควรตรวจสอบสักหน่อย เผื่อมีคนเข้ามาโดยที่พวกเราไม่รู้”
เมื่อได้ยินเหวินเชี่ยนพูดแบบนั้น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ได้แต่พยักหน้า
ฉินมู่หลานคิดทบทวนดูแล้ว ก็พยักหน้าเช่นกันพร้อมกับพูดว่า “ดีเหมือนกันค่ะ จะได้ตรวจสอบทั่วบริเวณนี้ไปด้วยเลย เผื่อมีจุดเสี่ยงอันตรายเกิดขึ้นอีก โชคดีที่วันนี้เป็นฉัน และมีเหวินเชี่ยนช่วยเหลือ ถ้าเป็นลูกค้าคนอื่นแล้วป้ายโฆษณานั่นตกลงมา ก็ไม่อยากจะคิดถึงผลที่ตามมาเลยค่ะ”
พอคิดถึงภาพเหตุการณ์นั้น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รู้สึกหนาว ๆ ร้อน ๆ และรีบสั่งให้คนไปตรวจสอบทันที
ผลการตรวจสอบพบว่าป้ายโฆษณาที่ตกลงมาเกิดจากอุบัติเหตุ ส่วนบริเวณอื่น ๆ พบจุดเสี่ยงอันตรายเล็กน้อย ซึ่งได้จัดการแก้ไขอย่างรวดเร็ว
เมื่อทำทุกอย่างเสร็จ ฉินมู่หลานก็หันไปหาเซี่ยเจ๋อเหว่ยแล้วพูดว่า “พี่ใหญ่ ถ้ายังไงฉันขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ได้เลยมู่หลาน เดินทางปลอดภัยนะ”
พอฉินมู่หลานออกไปแล้ว เจียงเพ่ยหลิงก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้นมาว่า “คนที่กลับปักกิ่งพร้อมกับเถ้าแก่ฉินคือสองคนนั้นที่คอยปกป้องหล่อนหรือเปล่า?”
“ใช่”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยตอบกลับทันที แล้วก็หันไปมองเจียงเพ่ยหลิงด้วยความสงสัย พร้อมกับพูดว่า “ทำไมวันนี้เธอถึงได้ซักถามเรื่องของมู่หลานอยู่เรื่อย นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอต้องรู้นะ”
เจียงเพ่ยหลิงหัวเราะ แล้วก็พูดว่า “ฉันก็แค่สงสัยน่ะ เพราะฉันไม่เคยเห็นใครจ้างคนมาคอยคุ้มกันเลย”
เมื่อได้ยินเจียงเพ่ยหลิงพูดแบบนั้น เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ไม่ได้สงสัยอะไร เพราะก่อนหน้านี้ตัวเขาก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน
“อืม รีบเข้าไปข้างในกันเถอะ”
“ค่ะ”
เจียงเพ่ยหลินตอบด้วยรอยยิ้ม แล้วก็เดินตามเซี่ยเจ๋อเหว่ยเข้าไป
ส่วนฉินมู่หลานที่ออกจากร้านวัสดุก่อสร้างแล้วก็ไปเดินเล่นซื้อของมากมายก่อนกลับบ้าน มาเซินเจิ้นทั้งที อย่างไรก็ต้องซื้อของฝากให้ที่บ้าน
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
อะไรมันจะบังเอิญขนาดนั้น มีคนลอบทำร้ายโดยจัดฉากว่าเป็นอุบัติเหตุหรือเปล่า
ยัยเจียงถามซักไซ้เยอะจัง ใครจ้างเธอมาเป็นนาตาชาหรือเปล่าเนี่ย มีพิรุธนะ
ไหหม่า(海馬)
……….