ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 745 เถ้าแก่ฉิน(2)
ตอนที่ 745 เถ้าแก่ฉิน(2)
……….
ตอนที่ 745 เถ้าแก่ฉิน(2)
เมื่อเสิร์ฟชาเรียบร้อย ฉินมู่หลานจึงมองไปที่เยวี่ยจงจีกับหลี่หมิงฮุย แล้วถามว่า “พวกคุณอยู่ที่เซินเจิ้นพอดีหรือว่าเพิ่งเดินทางมาจากฮ่องกง?”
“เดินทางมาจากฮ่องกงเมื่อวานน่ะ คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าคุณก็มาเซินเจิ้นด้วย”
เยวี่ยจงจีจิบชาแล้วถามถึงเรื่องเครื่องสำอาง “ทางร้านมู่เสวี่ยจะเพิ่มปริมาณการจัดส่งให้ได้ไหม พอดีว่าสินค้าในฮ่องกงยังไม่เพียงพอต่อการขายเลย”
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันกลับไปตรวจสอบก่อนนะคะ เดี๋ยวจะให้คำตอบอีกที”
ฉินมู่หลานไม่ได้ดูแลโรงงานผลิตเครื่องสำอางมาเป็นเวลานานแล้ว มุ่งแต่จะฝึกงานและดูแลโรงงานยาซิ่งหลิน
“อะไรนะ…มู่เสวี่ยเหรอ!”
เจียงเพ่ยหลิงอุทานด้วยความตกใจ “หมายถึงร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ยที่ขายดีและราคาสูงมากในฮ่องกงน่ะเหรอ?”
ฉินมู่หลานกับเยวี่ยจงจีขมวดคิ้วเข้าหากัน แต่หลี่หมิงฮุยกลับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ใช่แล้ว ร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ยนั่นแหละ คุณไม่รู้เหรอว่าเจ้าของกิจการของมู่เสวี่ยนั้นคือเถ้าแก่ฉินมู่หลานของพวกคุณ เจ้าของคนแรกของมู่เสวี่ยก็คือฉินมู่หลาน ปัจจุบันมู่เสวี่ยไม่เพียงแต่โด่งดังในฮ่องกง แต่ยังโด่งดังไปถึงต่างประเทศอีกด้วย ในปักกิ่งและไห่เฉิงก็ล้วนมีเคาน์เตอร์ของมู่เสวี่ย เถ้าแก่ของพวกคุณเก่งมาก”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เจียงเพ่ยหลิงจึงหันไปมองฉินมู่หลานอย่างไม่อยากเชื่อ ด้วยดวงตาเบิกกว้าง
หล่อนคิดว่าฉินมู่หลานเป็นเพียงคนที่ฐานะดี มีเงินใช้จ่ายตามใจชอบ กลับไม่คาดคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนที่เก่งกาจสุดยอดขนาดนี้ ฉินมู่หลานอายุเท่าใดเอง ร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ยนั้นเธอเป็นคนก่อตั้งขึ้นมาจริงเหรอ ไม่อยากจะเชื่อเลย
ขณะที่เจียงเพ่ยหลิงกำลังประหลาดใจ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็เรียกสติหล่อนกลับมา
“เธอทำอะไรอยู่ มู่หลานกำลังคุยธุระกับเถ้าแก่จากฮ่องกงทั้งสองท่าน เธอจะอยากรู้อยากเห็นไปทำไม?”
“ฉัน…”
เจียงเพ่ยหลิงอ้าปากค้าง แต่ก็ตั้งสติได้ทันที เมื่อนึกถึงว่าร้านเครื่องสำอางมู่เสวี่ยในฮ่องกงเป็นของตระกูลเยวี่ยแห่งฮ่องกง หล่อนจึงรีบหันไปทางเยวี่ยจงจี “เขา…เขาเป็นคนจากตระกูลเยวี่ยจากฮ่องกงงั้นเหรอ?”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยพยักหน้า “ใช่แล้ว เขาเป็นคุณชายตระกูลเยวี่ยจากฮ่องกง ปัจจุบันเป็นผู้รับผิดชอบกิจการหลายอย่างของตระกูลเยวี่ย”
เพราะฉินมู่หลาน พวกเขาทุกคนจึงรู้จักเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุย
แม้ว่าในใจจะคาดเดาเอาไว้แล้ว แต่เมื่อได้ยินคำตอบที่แน่ชัด เจียงเพ่ยหลิงก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นตะลึง แต่ในไม่ช้าดวงตาของหล่อนก็เปล่งประกายอีกครั้ง ชายหนุ่มตรงหน้าคือคุณชายตระกูลเยวี่ยจากฮ่องกง บุคคลที่หล่อนไม่มีวันเข้าถึงได้เลยในอดีต แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว บุคคลใหญ่โตเช่นนี้กำลังอยู่ตรงหน้าหล่อน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เจียงเพ่ยหลิงจึงตั้งใจจะเดินเข้าไปหา
อย่างไรก็ตามเซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ฉุดรั้งหล่อนไว้ พร้อมกับถามเสียงขรึมว่า “เธอจะไปทำอะไร?”
“ฉันจะเข้าไปดูเผื่อว่าจะมีอะไรให้ช่วยได้”
เซี่ยเจ๋อเหว่ยแสดงอาการไม่พอใจอย่างเต็มที่ “เธอจะช่วยอะไรได้ อยู่เฉย ๆ ตรงนี้ก็พอ”
แน่นอนว่าเจียงเพ่ยหลิงไม่เต็มใจ แต่ก็ดิ้นหลุดจากเซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่ได้ จึงได้แต่เปลี่ยนหัวข้อสนทนาและถามว่า “แล้วคนข้าง ๆ คุณชายตระกูลเยวี่ยคือใครคะ?”
“นั่นคือคุณชายตระกูลหลี่จากฮ่องกง”
“โอ้โห เป็นคนจากตระกูลหลี่ในฮ่องกงด้วย งั้นแปลว่าคนรวยก็ชอบคบหากับคนรวยด้วยกัน” ใบหน้าของเจียงเพ่ยหลิงเต็มไปด้วยความอิจฉา ขณะเดียวกันดวงตาก็เป็นประกายวูบหนึ่งโดยที่เซี่ยเจ๋อเหว่ยไม่ทันสังเกต จากนั้นก็ดิ้นหลุดจากการควบคุมแล้วเดินเข้าไปหาพร้อมรอยยิ้ม
“เถ้าแก่ฉิน ฉันมาเติมชาให้ค่ะ”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็เหลือบมองเจียงเพ่ยหลิง สักพักหลี่หมิงฮุยก็เอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “เติมให้ผมด้วยนะ”
ผู้หญิงแบบนี้เขาเห็นมามากมายแล้ว จึงมองออกได้ในทันทีว่าหล่อนมีจุดประสงค์อะไร เพียงแต่ว่าอีกฝ่ายเป็นคนของร้านฉินมู่หลาน เขาจึงไม่อยากทำอะไรประเจิดประเจ้อนัก แค่พูดจาหยอกเย้าหล่อนไปตามเรื่อง
เจียงเพ่ยหลิงได้ยินคำพูดของหลี่หมิงฮุย ก็รีบไปรินชาให้เขา สีหน้าเต็มไปด้วยความเอาอกเอาใจ
เซี่ยเจ๋อเหว่ยเห็นเจียงเพ่ยหลิงเป็นเช่นนี้ก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ทว่าเยวี่ยจงจีและหลี่หมิงฮุยอยู่ด้วย เขาจึงไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้
หลังจากที่เจียงเพ่ยหลิงรินชาเสร็จแล้วก็ไม่ได้รีบจากไป กลับยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อคอยรินชาให้ตลอดเวลา จนกระทั่งฉินมู่หลานที่ไม่อยากเห็นหน้าหล่อนอีกต่อไปจึงเอ่ยขึ้นตรง ๆ ว่า “เธอออกไปได้แล้ว หากจะเติมชาฉันค่อยเรียก”
เจียงเพ่ยหลิงอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่พอสบเข้ากับดวงตาเย็นชาของฉินมู่หลาน หล่อนจึงรีบยกกาชาไป
หลังจากที่เจียงเพ่ยหลิงจากไป เยวี่ยจงจีจึงเริ่มกล่าวถึงจุดประสงค์ที่ตนมา
“เพื่อนร่วมชั้นฉิน ผมได้ยินมาว่าคุณเปิดโรงงานยาและผลิตยาเม็ดสมุนไพรสรรพคุณยอดเยี่ยมขึ้นมา ไม่ทราบว่าเรามีโอกาสที่จะร่วมมือกันได้ไหม?”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“เท่าที่ทราบ ตระกูลเยวี่ยไม่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมยาไม่ใช่เหรอคะ?”
เยวี่ยจงจีได้ยินดังนั้นจึงกล่าวขึ้นพร้อมรอยยิ้มว่า “ก่อนหน้านี้ตระกูลเยวี่ยไม่ได้เข้ามาดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางเหมือนกัน แต่ตอนนี้ก็ทำได้ดีไม่ใช่เหรอ?”
หากเป็นเรื่องของเครื่องสำอาง ฉินมู่หลานก็จะไม่ลังเลใจเลย แต่ถ้าเป็นเรื่องยา เธอคงจะต้องคิดให้ดีเสียก่อน “เอาเป็นว่าเรื่องนี้ฉันจะกลับไปพิจารณาดูก่อน แล้วจะให้คำตอบให้คุณอีกครั้งนะคะ”
“ครับ ผมจะรอข่าวดีจากคุณ”
ถึงเจียงเพ่ยหลิงจะออกไปแล้ว แต่หล่อนก็ไม่ได้ไปไกลนัก และยังคงแอบฟังบทสนทนาของฉินมู่หลานกับพวกเขาอยู่ไม่ไกล ก่อนจะเผลอหันไปมองเซี่ยเจ๋อเหว่ยด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อและเอ่ยถามว่า “เถ้าแก่ฉินยังเปิดโรงงานยาอีกเหรอ หล่อน…หล่อนทำธุรกิจอะไรมากมายขนาดนี้”
พูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็อดที่จะถอนหายใจไม่ได้ น้องชายและน้องสะใภ้ของเขาเก่งกาจกันจริง ๆ เทียบกับพวกเขาแล้ว เขากลายเป็นคนธรรมดาไปเลย
“มู่หลานมีอาชีพหลักเป็นหมอ การเปิดโรงงานยาจึงเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
ได้ยินเช่นนี้ เจียงเพ่ยหลิงก็อดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก
หมอเปิดโรงงานยากันเป็นปกติงั้นเหรอ หากปกติจริงก็หมายความว่าหมอทุกคนเปิดโรงงานยาได้อย่างนั้นสินะ
ภายในเวลาแค่ช่วงเช้าวันเดียวก็ทำให้หล่อนต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ฉินมู่หลานน้องสะใภ้ของเซี่ยเจ๋อเหว่ยเป็นคนเก่งมาก แล้วความประพฤติก่อนหน้าของตนถือว่าไม่ค่อยเหมาะสมนักใช่หรือไม่
ฉินมู่หลานไม่รู้ความคิดของเจียงเพ่ยหลิงเลยสักนิด แม้รู้ก็คงไม่สนใจ เพราะตอนนี้เธอกำลังส่ายหน้าปฏิเสธข้อเสนอของหลี่หมิงฮุย
“ไม่เป็นไร ฉันจะกลับปักกิ่งเองค่ะ ไม่ต้องซื้อตั๋วเครื่องบินให้ฉันหรอก”
แม้ว่ามู่หลานจะปฏิเสธ แต่หลี่หมิงฮุยก็ไม่ยอมแพ้และพูดออกมาตรง ๆ ในทันทีว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉิน คุณไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ครั้งนี้ผมก็ต้องไปปักกิ่งอยู่แล้ว ให้ผมช่วยซื้อให้คุณเถอะ”
เมื่อเห็นว่าหลี่หมิงฮุยพูดจริงจังขนาดนี้ ฉินมู่หลานจึงพูดอย่างจนปัญญาว่า “ไม่ต้องหรอกค่ะ ยิ่งไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ได้ไปคนเดียวด้วย”
ได้ยินดังนั้น หลี่หมิงฮุยจึงชะงักไปสักครู่ ก่อนจะพูดด้วยใบหน้าที่เต็มใจอีกครั้งว่า “พวกคุณมีกันกี่คน ผมจะซื้อให้ทุกคน”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานยังคงไม่ยอม เยวี่ยจงจีจึงอดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมาว่า “เพื่อนร่วมชั้นฉิน คุณไม่ต้องเกรงใจไปหรอก ครั้งนี้หมิงฮุยมีเรื่องมาขอร้องคุณ เขาถึงได้อยากจะช่วยซื้อตั๋วเครื่องบินให้แบบนี้”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น จึงหันไปมองหลี่หมิงฮุยด้วยความสงสัย
หลี่หมิงฮุยหรี่ตาใส่เยวี่ยจงจีแล้วพูดว่า “นายจะแฉความลับของฉันทำไมล่ะ เพื่อนร่วมชั้นฉินเข้าใจฉันผิดขึ้นมาจะทำยังไง”
………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มู่หลานใหญ่ขนาดไหนก็คิดดู คนตัวเล็กๆ อย่างเธอจะสู้เขาได้เหรอเพ่ยหลิง เขาฟ้องศาลเธอในฐานะมือที่สามของพี่สามีขึ้นมาเธอก็หมดทางรอดแล้ว
ไหหม่า(海馬)
……….