ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 729 พวกเธออยู่ที่ไหน?(2)
ตอนที่ 729 พวกเธออยู่ที่ไหน?(2)
……….
ตอนที่ 729 พวกเธออยู่ที่ไหน?(2)
หลังดูเงาของแม่ลูกที่เดินจากไป เซี่ยปิงหรุ่ยก็ส่ายหัวและพูดขึ้นมาว่า “มองแม่ลูกคู่นี้แล้วรู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย ไม่รู้ว่ารายละเอียดลึก ๆ เป็นยังไงบ้าง”
“พอเถอะปิงหรุ่ย นี่มันเรื่องของคนอื่น เราอย่าไปยุ่งเลย”
“ดูจากท่าทางของซือฮุ่ยซินแล้ว หล่อนดูไม่คิดจะพูดอะไรกับเราเลย ก็แสดงว่าไม่อยากรู้จักกับเรา เป็นแบบนี้แล้วฉันจะไปยุ่งเรื่องของหล่อนทำไม”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยพูดเช่นนี้ เซี่ยปิงชิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก หากแต่สิ่งที่เซี่ยปิงหรุ่ยไม่คาดคิดก็คือ เรื่องที่หล่อนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวใด ๆ กลับปรากฏต่อหน้าหล่อนอีกครั้งในอีกไม่กี่วันต่อมา
“เฟิงจื่อจวิ้น คุณมาปักกิ่งได้อย่างไร?” เมื่อเห็นเฟิงจื่อจวิ้นอยู่ตรงหน้า เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดสงสัยไม่ได้
เฟิงจื่อจวิ้นได้ยินเช่นนั้นเขาก็ยกยิ้ม ก่อนจะยื่นจดหมายให้เซี่ยปิงหรุ่ยฉบับหนึ่งพร้อมกล่าวว่า “คุณปู่ฝากให้ผมนำจดหมายฉบับนี้มาให้คุณ คุณลองอ่านดูก่อน”
เซี่ยปิงหรุ่ยรับจดหมายนั้นมาอ่านด้วยความสงสัย ก่อนจะพบว่าเป็นลายมือของคุณปู่จริง ๆ นอกจากนี้ในจดหมายยังได้ระบุถึงเหตุผลที่เฟิงจื่อจวิ้นได้มาปักกิ่งอีกด้วย
“คุณก็ตั้งใจจะมาทำงานที่ปักกิ่งเหรอ?”
เฟิงจื่อจวิ้นพยักหน้ารับ “ใช่ ผมว่าจะมาลองสร้างเนื้อสร้างตัวที่นี่ดู หลังจากที่พวกคุณทั้งสองมาที่ปักกิ่งก็ต่างก็สร้างฐานะขึ้นมาได้ ผมเลยอยากลองดูบ้าง”
ตอนนี้ร้านซิ่งหลินและโรงงานยาซิ่งหลินเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว แม้แต่ที่ซีอานบ้านเกิดพวกเขาก็ยังได้ยินเรื่องนี้ เขาจึงเกิดความริษยาและเดินทางมาที่นี่
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เฟิงจื่อจวิ้นก็อดที่จะถามไม่ได้ว่า “ไม่ทราบว่าคุณหมอฉินอยู่หรือเปล่า พรุ่งนี้ผมขอไปเยี่ยมชมโรงงานยาของพวกคุณได้ไหม?”
เมื่อได้ยินคำถามนี้ คิ้วของเซี่ยปิงหรุ่ยก็ขมวดเข้าหากัน
แต่คุณปู่ก็ได้ระบุไว้ในจดหมายเช่นกันว่า ขณะนี้ครอบครัวเซี่ยของพวกเขากำลังอยู่ระหว่างการเจรจาความร่วมมือกับครอบครัวเฟิง จึงขอให้หล่อนคอยดูแลเฟิงจื่อจวิ้นเป็นอย่างดีในตอนที่เขาอยู่ปักกิ่ง และกระชับความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลให้ดียิ่งขึ้น
เนื่องจากก่อนหน้านี้ครอบครัวของหล่อนเป็นฝ่ายยกเลิกงานหมั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลห่างเหินกัน โอกาสในครั้งนี้จึงถือเป็นโชคชะตาที่นำพาทั้งสองตระกูลกลับมาพบกันอีกครั้ง
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็หวนนึกถึงเสี่ยวฮวาและมารดาของเด็กหญิงตัวน้อย ไฟโทสะในตัวหล่อนจึงพลุ่งพล่านขึ้นมาอย่างฉับพลัน
อะไรกัน พวกเขาพูดมาได้ว่าครอบครัวของหล่อนยกเลิกงานหมั้นก่อน แต่แท้จริงแล้วเป็นฝ่ายเฟิงจื่อจวิ้นต่างหากที่ผิดสัญญา
“หล่อนไม่อยู่ค่ะ หากหล่อนกลับมาแล้ว ฉันจะถามให้นะ แต่ก็อย่างที่คุณรู้ โรงงานยาและร้านซิ่งหลินต่างก็มีหล่อนเป็นผู้ดูแล ฉันจึงตัดสินใจแทนไม่ได้” เซี่ยปิงหรุ่ยปฏิเสธเฟิงจื่อจวิ้นทันที
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เซี่ยปิงหรุ่ยพูดจบ ฉินมู่หลานกลับเดินออกมาจากด้านในพอดี
“ปิงหรุ่ย ยืนทำอะไรอยู่ตรงนี้ ทำไมยังไม่กลับบ้าน?” ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยยืนอยู่บริเวณหน้าประตู เพียงแต่ว่าเมื่อมองอีกครั้ง ถึงได้สังเกตเห็นเฟิงจื่อจวิ้นอยู่ด้วย “อ้าว…เฟิงจื่อจวิ้น?”
เดิมทีเธอได้ลืมเฟิงจื่อจวิ้นไปแล้ว แต่เมื่อได้เห็นตัวจริง เธอก็จำเขาได้ทันที ต่อจากนั้นจึงได้พิจารณาเฟิงจื่อจวิ้นอย่างละเอียด พบว่าเสี่ยวฮวาและเขามีหน้าตาคล้ายกันอยู่บ้าง เพียงแต่คล้ายเพียงบางส่วนเท่านั้น หากผู้ใดที่ไม่คุ้นเคยกับพวกเขา อาจจะไม่คิดไปในทางนั้น
เมื่อได้เห็นฉินมู่หลาน เฟิงจื่อจวิ้นอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างใคร่รู้
เขามีความสงสัยอยู่บ้างว่าเหตุใดเซี่ยปิงหรุ่ยถึงได้โกหกเขา แต่เนื่องจากเพิ่งจะเดินทางมาถึงปักกิ่ง เขาจึงจำเป็นต้องพึ่งพาหล่อนเป็นอย่างมาก ดังนั้นจึงทำเพียงแต่ยิ้มโดยไม่ได้กล่าวอะไร หันไปมองฉินมู่หลานพร้อมกับกล่าวว่า “พวกเรากำลังหารือกันเรื่องการไปเยี่ยมชมโรงงานยา คุณหมอฉินอยู่ที่นี่ก็ดีแล้ว ผมจะได้ถามอย่างสะดวก”
หลังจากได้ฟังเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ได้หันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วถามว่า “มีเรื่องอะไรเหรอคะ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ส่งจดหมายของคุณปู่เซี่ยให้แก่ฉินมู่หลานพร้อมกับกล่าวว่า “มู่หลาน เธอลองอ่านจดหมายฉบับนี้ดูก็แล้วกัน”
เมื่อฉินมู่หลานอ่านจดหมายจบแล้ว เธอก็เงยหน้าขึ้นมองเฟิงจื่อจวิ้นพร้อมกับกล่าวว่า “ได้สิคะ คุณสะดวกเมื่อไหร่ พวกเราจะได้พาไปค่ะ”
เมื่อเห็นว่าฉินมู่หลานตอบตกลง เฟิงจื่อจวิ้นจึงรู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก เขารีบยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “พรุ่งนี้ผมสะดวก พวกเราไปกันพรุ่งนี้ไหม?”
แต่ทว่าเซี่ยปิงหรุ่ยกลับพูดขึ้นมาว่า “พรุ่งนี้ฉันยุ่งมาก คาดว่าจะไม่มีเวลา”
คราวนี้เฟิงจื่อจวิ้นมั่นใจได้เลยว่าเซี่ยปิงหรุ่ยไม่พอใจในตัวเขา แต่คิดทบทวนแล้วก็พบว่าตนเองไม่ได้ไปล่วงเกินหล่อนแม้แต่น้อย เขาจึงรู้สึกสับสนอย่างมาก นึกไม่ออกเลยว่าเป็นเพราะสาเหตุใด จึงได้แต่เปลี่ยนเวลาแล้วกล่าวว่า “งั้นก็มะรืนนี้แล้วกันนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยตั้งใจจะปฏิเสธ แต่หากทำเช่นนั้นก็ชัดเจนเกินไป ในที่สุดหล่อนก็พยักหน้าพร้อมกับกล่าวว่า “ฉันไม่มีปัญหา ขึ้นอยู่กับมู่หลานแล้วล่ะ”
“ฉันก็ไม่มีปัญหา”
เมื่อได้เห็นว่าทั้งคู่พูดเช่นนั้น เฟิงจื่อจวิ้นจึงรีบพูดขึ้นมาว่า “ถ้างั้นตกลงตามนี้นะครับ”
เขากลัวว่าหากยังคงผัดวันประกันพรุ่งต่อไปอีก สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้
เดิมทีเฟิงจื่อจวิ้นตั้งใจจะเชิญฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยกินข้าวด้วยกัน แต่ทั้งคู่กลับปฏิเสธ เขาจึงได้แต่กลับไปที่ห้องพัก แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตนเองยังไม่ได้บอกที่อยู่ปัจจุบันให้แก่พวกเธอ เขาก็เดินย้อนกลับมา
ในขณะที่เซี่ยปิงหรุ่ยกำลังบ่นกับฉินมู่หลานอยู่
“มู่หลาน เฟิงจื่อจวิ้นจะมาที่ปักกิ่งทำไมกัน ฉันเห็นเขาแล้วก็หงุดหงิดใจ หน้าไม่อายจริง ๆ ตอนนั้นเขามีลูกกับซื่อฮุ่ยซินแล้ว ยังมาคิดจะแต่งงานกับปิงชิงอีก แบบนี้มันมากเกินไปหรือเปล่า ดีนะที่ปิงชิงเลือกพ่อบุญธรรมของเธอ ไม่อย่างนั้นเขาคงจะหลอกแต่งงานกับเธอแล้ว”
“เอาน่าปิงหรุ่ย เธอก็อย่าแสดงออกจนเกินไปนัก อีกอย่างเราก็ไม่สามารถตัดสินจากแค่หน้าตาของเสี่ยวฮวาแล้วสรุปเอาเองว่าเฟิงจื่อจวิ้นเป็นพ่อของหล่อนได้หรอก ถ้าเกิดว่าไม่ใช่ขึ้นมาล่ะ”
อย่างไรก็ตามเซี่ยปิงหรุ่ยรู้สึกว่า เฟิงจื่อจวิ้นต้องเป็นพ่อของเสี่ยวฮวาแน่ ๆ
“ต้องใช่แน่ ๆ ไม่งั้นจะเหมือนกันขนาดนี้ได้ยังไง แถมซื่อฮุ่ยซินก็ทำท่าเหมือนไม่อยากจะยุ่งเกี่ยวกับพวกเราอีก”
“เซี่ยปิงหรุ่ย คุณเพิ่งจะพูดถึงซื่อฮุ่ยซินใช่ไหม?”
เฟิงจื่อจวิ้นคิดไม่ถึงว่าจะได้ยินชื่อนี้จากปากของเซี่ยปิงหรุ่ย ตอนนี้เขาหันไปมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความตกใจสุดขีด
“คุณ…ทำไมคุณถึงวนกลับมา”
เซี่ยปิงหรุ่ยคิดไม่ถึงว่าเฟิงจื่อจวิ้นจะกลับมาที่นี่อีก แต่ในเมื่อเขาได้ยินจนหมดแล้ว หล่อนก็ไม่จำเป็นต้องปิดบัง เชิดหน้าขึ้นแล้วพูดว่า “ใช่ ซื่อฮุ่ยซินมีลูกสาวชื่อว่าซื่อฝูหรง ชื่อเล่นว่าเสี่ยวฮวา หน้าตาเหมือนกับคุณมาก และทันทีที่ซื่อฮุ่ยซินเห็นพวกเราแล้ว หล่อนก็เดินหนีไปในทันที มันต้องเกี่ยวกับคุณแน่นอน”
“หึ…แล้วมาพูดว่าตระกูลเซี่ยของเราเป็นฝ่ายผิดสัญญาหมั้นหมายก่อน ทั้ง ๆ ที่ตัวคุณเองต่างหากที่มีปัญหา”
ทว่าเฟิงจื่อจวิ้นเหมือนไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น เขามีสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อและถามว่า “ฮุ่ยซินมีลูกสาวชื่อว่าฝูหรงด้วยเหรอ?”
“ใช่แล้ว คุณก็บอกมาเลยสิว่าคุณรู้จักแม่ลูกคู่นี้หรือเปล่า?”
เฟิงจื่อจวิ้นตกใจอยู่นานกว่าจะตั้งสติได้ แล้วเขาก็คว้าไหล่ของเซี่ยปิงหรุ่ยเอาไว้และถามว่า “พวกหล่อนอยู่ที่ไหน ฮุ่ยซินกับฝูหรงอยู่ที่ไหน?”
“เฟิงจื่อจวิ้น คุณเป็นอะไร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยที่ไม่ทันได้ตั้งตัวถูกเฟิงจื่อจวิ้นจับไหล่ไว้แน่น จึงรู้สึกปวดไหล่มาก
ฉินมู่หลานเห็นอย่างนั้นก็ผลักเฟิงจื่อจวิ้นออกไปแล้วพูดว่า “ปล่อยเถอะค่ะ”
เฟิงจื่อจวิ้นถูมือของตัวเอง “ผมผิดเอง แต่พวกคุณบอกผมได้ไหมว่าตอนนี้พวกหล่อนแม่ลูกอยู่ที่ไหน?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เฟิงจื่อจวิ้นเคยรักกับซื่อฮุ่ยซินมาก่อน แล้วโดนทางตระกูลเฟิงจับแยกหรือเปล่านะ?
ไหหม่า(海馬)
……….