ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 727 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(2)
ตอนที่ 727 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(2)
……….
ตอนที่ 727 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(2)
เชิ่งลี่เห็นลูกสาวคนโตพูดอย่างนั้น ก็จ้องเขม็งทันที “ปิงชิงก็มีลูกโตขนาดนี้แล้ว เฟิงจื่อจวิ้นจะมาเฝ้าคิดถึงหล่อนได้ยังไง คราวหน้าพูดจาให้ระวังหน่อยนะ”
เมื่อครู่เซี่ยปิงหรุ่ยเผลอปากไวไปหน่อย จึงรีบพยักหน้าหงึกหงัก “ค่ะ คราวหน้าฉันจะระวัง”
หลังจากที่ทุกคนกลับถึงบ้าน ฟู่โฮ่วหลิ่นก็หาโอกาสถามเรื่องของเฟิงจื่อจวิ้น “หนุ่มคนนั้นเมื่อครู่นี้คืออดีตคู่หมั้นน้องสาวคุณเหรอ?”
“ใช่แล้ว”
เรื่องนี้ไม่มีอะไรต้องปิดบัง เพราะคนในบ้านรู้กันหมด เซี่ยปิงหรุ่ยจึงเล่าให้ฟู่โฮ่วหลิ่นฟังคร่าว ๆ และกำชับว่า “อย่าได้เอ่ยชื่อของเขาต่อหน้าปิงชิงและสามีของหล่อนเป็นอันขาดนะ”
“ผมรู้แล้ว”
ทั้งคู่มาในครั้งนี้เพื่อเยี่ยมเยียนญาติมิตรของตระกูลเซี่ยโดยเฉพาะ หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยพาฟู่โฮ่วหลิ่นไปเยี่ยมบ้านของญาติสนิทสองสามบ้านแล้ว พวกเขาก็ตัดสินใจจะกลับ
แต่หลินหย่งเฉียงและฟางข่ายยังไม่ค่อยอยากกลับเท่าใด
หลายวันที่ผ่านมานี้ เซี่ยปิงหรุ่ยและฟู่โฮ่วหลิ่นวุ่นอยู่กับการไปเยี่ยมเยียนญาติ ส่วนหลินหย่งเฉียงกับฟางข่ายก็ให้ลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งของเซี่ยปิงหรุ่ยพาเดินสำรวจบ้านตระกูลเซี่ยทั้งหลังทั้งนอกและใน และพวกเขายังเข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอีกหลายครั้งด้วย ซึ่งได้ความรู้กลับไปเพียบ
“เสี่ยวเซี่ย พรุ่งนี้ต้องกลับจริงเหรอ อยู่ต่ออีกสักพักได้ไหม?”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินหลินหย่งเฉียงพูดแบบนี้ก็อดหัวเราะไม่ได้ “หัวหน้าแผนกหลิน พวกเราต้องกลับจริง ๆ แล้วค่ะ ออกมานานหลายวันแล้วด้วย ที่สำคัญฉันก็พาโฮ่วหลินไปเยี่ยมญาติที่ต้องไปทั้งหมดแล้วด้วย”
หลังจากที่ได้ยินเซี่ยปิงหรุ่ยพูดแบบนี้แล้ว หลินหย่งเฉียงก็พูดออกมาด้วยความเสียดาย “ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้พวกเรากลับก็ได้”
หลังจากพูดคุยกับหลินหย่งเฉียงและฟางข่ายจบ เซี่ยปิงหรุ่ยและฟู่โฮ่วหลิ่นก็ไปหาพ่อแม่ของตัวเอง
“พ่อคะ แม่คะ พรุ่งนี้พวกเราจะกลับแล้วนะ”
เชิ่งลี่ยังไม่อยากให้ลูกสาวไป แต่ก็รู้ว่าหล่อนจำเป็นต้องกลับแล้ว “คืนนี้เราจะไปกินข้าวที่บ้านคุณปู่เป็นการส่งพวกเธอแล้วกัน”
“ค่ะ”
หลังจากที่ทั้งครอบครัวมาถึงบ้านของผู้เฒ่าเซี่ย พวกเขาก็รับประทานอาหารมื้อค่ำร่วมกันอย่างอบอุ่น
รุ่งเช้า เซี่ยปิงหรุ่ย ฟู่โฮ่วหลิ่น หลินหย่งเฉียงและฟางข่ายก็เดินทางกลับปักกิ่ง
“เฮ้อ…ในที่สุดก็มาถึง”
ช่วงที่ผ่านมาเซี่ยปิงหรุ่ยเอาแต่ตระเวนเยี่ยมญาติ ทำให้หล่อนเหนื่อยมาก จึงรู้สึกว่าไปทำงานที่โรงพยาบาลยังจะดีเสียกว่า
ฟู่โฮ่วหลิ่นเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เรารีบเดินทางกลับแบบนี้ มันทำให้คุณเหนื่อยขนาดนั้นเลยเหรอ พรุ่งนี้คุณจะพักผ่อนอีกสักวันไหม แล้วค่อยไปทำงานที่โรงพยาบาลในวันมะรืน”
อย่างไรก็ตามเซี่ยปิงหรุ่ยกลับส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่ต้องหรอก ทำงานโรงพยาบาลก็ไม่ได้เหนื่อยอะไร”
ฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยินดังนั้นจึงส่ายหน้าแล้วหัวเราะ
หลินหย่งเฉียงกับฟางข่ายเห็นคู่รักดูหวานชื่นกันเหลือเกิน จึงรีบกล่าวคำร่ำลา
หลังจากที่หลินหย่งเฉียงและฟางข่ายจากไป ฟู่โฮ่วหลิ่นก็พาเซี่ยปิงหรุ่ยไปกินข้าวที่ร้านอาหาร จากนั้นก็ไปส่งหล่อนที่บ้านพัก “ปิงหรุ่ย พรุ่งนี้ผมต้องกลับเข้ากรมแล้ว คงอีกสักพักเลยถึงจะหยุดได้อีกครั้ง”
“ไม่เป็นไรหรอก เอาไว้รอให้คุณหยุด เราก็ค่อยเจอกันใหม่”
“ได้”
ฟู่โฮ่วหลิ่นรอจนกระทั่งเซี่ยปิงหรุ่ยเข้าไปในบ้านแล้วจึงค่อยจากไป
เช้าวันถัดมา เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปที่โรงพยาบาลปักกิ่งแต่เช้า
ฉินมู่หลานได้พบกับเซี่ยปิงหรุ่ยก็รู้สึกแปลกใจ “ปิงหรุ่ย เธอกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ฉันมาตั้งแต่เมื่อวาน เมื่อคืนได้นอนพักผ่อนเต็มที่แล้ว วันนี้ก็เลยกลับมาทำงานน่ะ”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยดูมีชีวิตชีวา ฉินมู่หลานก็อดไม่ได้ที่จะยิ้ม จากนั้นจึงซักถามถึงเรื่องที่พวกเขาไปซีอาน “พ่อแม่เธอประทับใจในตัวฟู่โฮ่วหลิ่นหรือเปล่า?”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ถอนหายใจและกล่าวว่า “ไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่”
ฉินมู่หลานเข้าใจว่าเรื่องของตระกูลฟู่อาจทำให้พ่อแม่ของเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ประทับใจในตัวฟู่โฮ่วหลิ่น “แล้วคุณปู่ล่ะ?”
“คุณปู่กลับประทับใจเขามาก”
เมื่อพูดถึงท่าทางของคุณปู่ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดยิ้มไม่ได้ “ตั้งแต่ที่ได้เจอคุณปู่ ท่าทีของพ่อแม่ฉันที่มีต่อฟู่โฮ่วหลิ่นก็เปลี่ยนไป ดังนั้นการเดินทางในครั้งนี้ก็ถือว่าคุ้มค่า”
“อย่างนั้นก็ดี”
ฉินมู่หลานเอ่ยแสดงความยินดี จากนั้นก็เห็นว่าเวลาล่วงเลยไปมากแล้ว ทั้งคู่จึงแยกย้ายกันไปที่ห้องตรวจ
ปัจจุบันชื่อเสียงของฉินมู่หลานดีขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นผู้ป่วยที่มารับการตรวจก็มีมากขึ้น ส่วนเซี่ยปิงหรุ่ยก็ไม่น้อยหน้า ตลอดช่วงเช้าทั้งสองแทบไม่มีเวลาว่างเลยจนกระทั่งถึงเวลาพักกลางวัน
“มู่หลาน เราไปกินข้าวที่โรงอาหารกัน”
“ได้”
หลังออกจากห้องตรวจ ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็เจอกันที่ทางเดินหน้าห้อง และตรงไปที่โรงอาหารด้วยกัน
ขณะกินข้าว ฉินมู่หลานได้เล่าเรื่องที่ได้พบปะกับพ่อบุญธรรมและเซี่ยปิงชิง “เด็ก ๆ สนุกกันมาก เราเลยวางแผนว่าจะรวมตัวกันอีกครั้งในสุดสัปดาห์นี้ แต่พ่อและอาหลี่อาจจะไม่ว่าง ดังนั้นก็จะมีแค่เราและเด็ก ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงรีบพูดว่า “ตกลงๆ คราวนี้ฉันจะไปด้วย ชวนอันเหอไปด้วยนะ”
“ฉันก็คิดแบบนั้น ครั้งก่อนเราไม่ได้ชวนอันเหอ หล่อนพูดถึงเรื่องนี้หลายวันเชียวล่ะ ครั้งนี้เราต้องชวนหล่อนไปด้วย”
คิดถึงฉากนั้นแล้ว เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดหัวเราะไม่ได้ จากนั้นก็ได้นัดแนะกับฉินมู่หลานว่าหลังเลิกงานจะไปที่ร้านซิ่งหลิน
“งั้นตกลงตามนี้”
รอจนฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเลิกงานกัน ทั้งคู่ก็ไปที่ร้านซิ่งหลินพร้อมกัน
เซี่ยปิงชิงและคังอันเหอเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยกลับมาก็ดีใจกันหน้าบาน “ปิงหรุ่ย กลับมาจากซีอานแล้วเหรอ?”
“ใช่ กลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดพลางยิ้ม จากนั้นก็หันไปมองเซี่ยปิงชิงแล้วพูดขึ้นว่า “ปิงชิง คุณปู่และพ่อแม่ถามหาเธอและหลาน ๆ ทั้งวันเลย”
“ฉันก็ตั้งใจว่าจะหาเวลาว่าง ๆ กลับไปเยี่ยมพวกท่านสักหน่อย”
เซี่ยปิงชิงพูดถึงแผนของตัวเอง จากนั้นก็ถามด้วยความอยากรู้ว่า “เป็นไง พ่อแม่รู้สึกดีกับฟู่โฮ่วหลิ่นไหม?”
“คราวนี้ก็ราบรื่นดีนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ จากนั้นก็พูดถึงเรื่องนัดเจอกันวันเสาร์อย่างออกรสชาติ ด้านคังอันเหอก็ดูสนใจไม่แพ้กัน “งั้นเราตกลงตามนี้”
พอถึงวันเสาร์ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ไปที่บ้านตระกูลเจี่ยงก่อน จากนั้นหล่อนกับเซี่ยปิงชิงก็พาเด็ก ๆ ไปที่บ้านตระกูลฉิน ส่วนคังอันเหอก็ตรงไปที่นั่นเพียงลำพัง
วันนี้ชิงชิงและเฉินเฉินพาเสี่ยวฮวาเพื่อนรักมาด้วย
“เสี่ยวฮวา…มานี่เร็ว”
เมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ทั้งสามคนเล่นด้วยกันอยู่ตลอด พอมาถึงโรงเรียนอนุบาลก็ยังอยู่ด้วยกันเสมอ ทำให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งกว่าเดิม เซี่ยปิงหรุ่ยและคังอันเหอไม่เคยเจอเสี่ยวฮวา เลยพากันถามด้วยความอยากรู้ พอรู้ว่าเป็นเพื่อนของชิงชิงและเฉินเฉินก็ยกยิ้มพลางเอ่ยทักทายอย่างเป็นมิตร
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยกลับจ้องมองเด็กหญิงตรงหน้าก่อนจะอุทาน ‘หืม…?’ ขึ้นมาไม่ได้
“เด็กหญิงคนนี้หน้าเหมือนเฟิงจื่อจวิ้นจัง”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสี่ยวฮวาเป็นอะไรกับเฟิงจื่อจวิ้นงั้นเหรอ?
ไหหม่า(海馬)