ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 726 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(1)
ตอนที่ 726 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(1)
……….
ตอนที่ 726 เยี่ยมบ้านตระกูลเซี่ย(1)
ได้ฟังคำพูดของฟู่โฮ่วหลิ่น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงอธิบายพร้อมรอยยิ้มว่า “ฉันเห็นว่ากำไลหยกมันมีค่ามาก เลยไม่ได้ใส่เพราะกลัวว่าจะไปกระแทกโน่นชนนี่เข้าน่ะค่ะ”
ได้ยินดังนั้น ฟู่โฮ่วหลิ่นจึงกล่าวพร้อมรอยยิ้มว่า “ปิงหรุ่ย คุณปู่ให้คุณมาแล้ว คุณก็ต้องใส่มันสิ มันคงไม่ไปกระทบอะไรง่าย ๆ หรอก”
ในตอนท้ายของประโยค ดวงตาของเขาก็พลันมีความคิดถึงบางอย่างปรากฏขึ้นมา
“กำไลหยกเป็นสัญลักษณ์ของนายหญิงตระกูลฟู่ เมื่อก่อนมันก็เคยตกเป็นของแม่ผม หลังจากแม่ผมจากไป มันก็ไปตกอยู่ในมือของพ่อ เมื่อแม่เลี้ยงของผมเข้ามา พ่อก็นำกำไลหยกนี้ออกมาทันที ดีหน่อยที่คุณปู่ห้ามเอาไว้และสั่งให้เก็บมันเอาไว้ และในที่สุดคุณปู่ก็มอบมันให้กับคุณ”
ฟู่โฮ่วหลิ่นมองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความปลาบปลื้มที่ไม่อาจปกปิดได้
“ปิงหรุ่ย ผมมีความสุขมากจริง ๆ”
เมื่อเห็นฟู่โฮ่วหลิ่นเป็นแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตกตะลึงไป แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ “กำไลหยกอันนั้นมันมีค่ามากขนาดนี้เลยเหรอ ฉันจะกลับไปใส่เดี๋ยวนี้แหละ นี่ถ้าฉันใส่ไปบ้านคุณแล้วแม่เลี้ยงของคุณเห็นเข้า หล่อนคงกำมือแน่นเชียวล่ะ”
“ฮ่าๆๆ…”
เพียงฟู่โฮ่วหลิ่นจินตนาการถึงภาพนั้น เขาก็นึกขบขันขึ้นมา “งั้นเรามารอดูกันดีกว่า ว่าหล่อนจะมีสีหน้ายังไง”
“ได้เลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยเองก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
แต่แล้วฟู่โฮ่วหลิ่นก็เพิ่งจะนึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วก็รีบหันไปถามเซี่ยปิงหรุ่ยว่า “ปิงหรุ่ย คุณ…คุณว่าจะไปบ้านของพวกเราเหรอ?”
เมื่อเห็นฟู่โฮ่วหลิ่นทำตัวไม่ถูก เซี่ยปิงหรุ่ยก็เหลือบตามองเขาแล้วพูดว่า “ฉันรู้ว่าคุณคงไม่อยากพาฉันไปบ้านตระกูลฟู่เพราะไม่อยากให้ฉันต้องขุ่นเคืองใจ ฉันเลยได้พบกับคุณปู่เพียงครั้งเดียว แต่เมื่อฉันคบหากับคุณ ยังไงฉันก็ต้องไปบ้านพวกคุณสักวัน ดังนั้นหลังจากที่เราเดินทางกลับจากซีอานในครั้งนี้แล้ว เราก็แวะไปบ้านพวกคุณเลยแล้วกันนะ”
เมื่อเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพูดแบบนั้น ฟู่โฮ่วหลิ่นก็พยักหน้ารับอย่างหนักแน่นแล้วกล่าวว่า “ได้”
ทั้งสองเดินเล่นสักพักก็เดินไปที่บ้านเซี่ยปิงหรุ่ย
ฟู่โฮ่วหลิ่นมองบริเวณบ้านขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าและอดไม่ได้ที่จะเอ่ย “ปิงหรุ่ย บ้านของตระกูลเซี่ยใหญ่โตจริง ๆ พื้นที่ทั้งหมดนี้เป็นของพวกคุณเหรอ?”
“จริง ๆ แล้วญาติที่ออกเรือนไปแล้วหลายคนก็อาศัยอยู่ที่นี่ พอเวลาผ่านไปก็นานวันเข้าคนก็ยิ่งมากขึ้น”
“แบบนี้ช่วงเทศกาลปีใหม่คงคึกคักน่าดู”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้า “ใช่ ทุก ๆ ช่วงปีใหม่บ้านเราจะคึกคักเป็นพิเศษ”
เมื่อได้ยินดังนั้นฟู่โฮ่วหลิ่นมองไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นแล้วถามว่า “ปิงหรุ่ย งั้น…ปีใหม่ปีนี้ผมมาฉลองปีใหม่ที่บ้านพวกคุณได้ไหม?”
“ได้สิ”
เซี่ยปิงหรุ่ยตกลงโดยไม่ต้องคิดอะไรเลย หล่อนคบหาดูใจกับฟู่โฮ่วหลิ่นมาก็นานพอควรแล้ว ซึ่งก็แน่นอนว่าต้องมุ่งหน้าไปสู่การแต่งงาน เมื่อถึงเทศกาลปีใหม่ถ้าฟู่โฮ่วหลิ่นมาเยี่ยมบ้านอีกครั้ง ความสัมพันธ์ของพวกเขาก็จะแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงหรุ่ยตกลง ฟู่โฮ่วหลิ่นก็เต็มไปด้วยความปิติยินดี
“เรารีบกลับบ้านกันดีกว่า เดี๋ยวต้องไปที่บ้านคุณปู่ต่อ”
“อื้ม รีบไปกันเถอะ”
ฟู่โฮ่วหลิ่นรู้สึกราวกับกำลังเหาะเหินอยู่บนฟ้า เขากุมมือเซี่ยปิงหรุ่ยแน่นไม่ยอมปล่อย
เมื่อทั้งสองมาถึงบ้าน เชิ่งลี่ก็เห็นมือที่พวกเขากุมกันอยู่ ก่อนจะมองลูกสาวด้วยสายตาไม่พอใจนิด ๆ
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นก็รีบดึงมือกลับมา แล้วก็รีบเดินไปหาแม่พร้อมกับรอยยิ้ม “แม่คะ เราจะไปบ้านคุณปู่กันตอนไหนคะ?”
เมื่อไม่กี่วันก่อนผู้อาวุโสเซี่ยออกไปข้างนอก และเพิ่งกลับมาเมื่อวานตอนเย็น ดังนั้นวันนี้พวกเขาจึงตั้งใจว่าจะไปเยี่ยม
“พวกเธอทั้งสองไปเก็บของกันก่อนเถอะ เราใกล้จะออกเดินทางแล้ว”
“ค่ะแม่”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่มีอะไรต้องเก็บมากนัก เธอเพียงแค่หยิบกำไลหยกที่คุณปู่ให้มาสวม ส่วนฟู่โฮ่วหลิ่นหยิบกล่องของขวัญ จากนั้นเซี่ยจงเจวี๋ยและเชิ่งลี่ก็พาพวกเขาไปหาคุณปู่เซี่ย
เมื่อคุณปู่เซี่ยเห็นฟู่โฮ่วหลิ่น เขาก็พยักหน้าแล้วกล่าวว่า “หนุ่มน้อยคนนี้ไม่เลวเลย”
เมื่อเห็นว่าหลานสาวคนโตพาคนรักกลับมา คุณปู่เซี่ยก็ดีใจมาก พูดคุยกับฟู่โฮ่วหลิ่นมากมาย จากนั้นพอได้ยินว่าฟู่โฮ่วหลิ่นรู้จักฉินมู่หลานและเซี่ยเจ๋อหลี่ ความประทับใจในตัวฟู่โฮ่วหลิ่นก็เพิ่มขึ้นอีก เพราะว่าคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนรู้จักของมู่หลาน ดังนั้นเขาจึงคงไม่เลวร้ายนัก
เชิ่งลี่มองท่าทีของปู่ หล่อนก็รู้ว่าท่านประทับใจฟู่โฮ่วหลิ่นพอสมควร จึงอดเป็นกังวลในใจไม่ได้ ถ้าคุณปู่เห็นด้วย พวกเขาก็คงทำอะไรไม่ได้ ดังนั้นหลายจึงวางแผนหาโอกาสเพื่อมาบอกเรื่องราวของฟู่โฮ่วหลิ่นกับผู้อาวุโสเซี่ย
แต่ว่าคุณปู่เซี่ยกำลังคุยกับฟู่โฮ่วหลิ่นอยู่ พอเริ่กินข้าวเสร็จเชิ่งลี่ถึงได้โอกาส
“พ่อคะ คนที่ปิงหรุ่ยพากลับมา เรื่องทางบ้านของเขาค่อนข้างยุ่งเหยิง” พูดไปก็เล่าเรื่องราวของตระกูลฟู่ไปด้วย สุดท้ายก็บอกว่า “ฉันกลัวว่าปิงหรุ่ยแต่งงานไปแล้วจะถูกกลั่นแกล้ง”
คุณปู่เซี่ยครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองเชิ่งลี่และพูดว่า “เชิ่งลี่ ฉันรู้ว่าเธอเป็นกังวลเรื่องปิงหรุ่ย แต่ตอนนี้ฉันกับเสี่ยวฟู่คุยกันแล้ว ฉันรู้สึกว่าเขาเป็นคนดีมากเชียวล่ะ เธอไม่ควรปฏิเสธเขาเพียงเพราะเรื่องที่พ่อเขาทำ ยิ่งไปกว่านั้นเธอเองก็พูดว่าเสี่ยวฟู่ไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับครอบครัว นั่นก็ไม่ต้องเป็นกังวล เพราะปิงหรุ่ยก็คงไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับเรื่องของตระกูลฟู่หรอก”
เชิ่งลี่หันไปมองคุณปู่เซี่ยด้วยความประหลาดใจ และหล่อนก็ไม่รู้จะพูดอะไร
“เอาล่ะ ปิงหรุ่ยพาเขามาแล้ว นั่นหมายความว่าหล่อนคงชอบเสี่ยวฟู่ไปแล้ว ไม่ต้องคิดมาก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติเถอะ”
“ค่ะพ่อ เข้าใจแล้วค่ะ”
เมื่อชายชราเซี่ยเห็นว่าลูกสะใภ้พูดแบบนี้ ท่านก็ยิ้มและพูดว่า “เรื่องของโชคชะตา ไม่ต้องกังวลมากเกินไปหรอก”
เชิ่งลี่จะพูดอะไรได้ หล่อนได้แต่พยักหน้าเห็นด้วย แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะออกไป พ่อลูกตระกูลเฟิงก็มาถึง
ผู้อาวุโสเห็นก็รู้สึกประหลาดใจเช่นกัน
“พวกคุณมาได้ยังไง?”
พ่อลูกตระกูลเฟิงไม่คาดคิดว่าเซี่ยฉางเจี๋ยจะอยู่ด้วย แต่พวกเขากลับหันไปมองฟู่โฮ่วหลิ่นอย่างพินิจอีกครั้ง จึงเดาได้ว่านั่นคงจะเป็นคนรักของเซี่ยปิงหรุ่ย
“คุณปู่ครับ ผมมาปรึกษาบางอย่างครับ”
เมื่อเห็นเฟิงชางเหล่ยพูดเช่นนั้น ผู้อาวุโสเซี่ยก็พยักหน้าและกล่าวว่า “ได้ พวกเราไปนั่งลงและคุยกันดีกว่า”
เซี่ยฉางเจี๋ยเห็นว่าพ่อลูกตระกูลเฟิงมีธุระจึงตั้งใจจะเดินทางกลับ “คุณพ่อ ผมขอกลับก่อนนะครับ”
“ได้”
ผุ้อาวุโสเซี่ยพยักหน้า ในขณะที่พ่อลูกตระกูลเฟิงก็กล่าวทักทายกับเซี่ยฉางเจี๋ยก่อนจะกล่าวแสดงความยินดีว่า “ฉางเจี๋ย ฉันไม่คิดว่าลูกสาวคนโตของนายจะมีแฟนแล้ว ยินดีด้วยนะ”
“ขอบคุณครับ”
หลังพูดคุยกับพ่อลูกตระกูลเฟิงไม่กี่ประโยค เซี่ยฉางเจี๋ยก็ขอตัวกลับ
ระหว่างทางกลับบ้าน เซี่ยปิงหรุ่ยหันไปมองเซี่ยฉางเจี๋ยด้วยความอยากรู้และถามว่า “พ่อคะ พ่อลูกตระกูลเฟิงมาหาคุณปู่เรื่องอะไรหรือคะ?”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงเป็นเรื่องธุรกิจ”
เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อเมื่อรู้ว่าบิดาก็ไม่ทราบเรื่อง แต่ด้วยความที่นึกถึงเรื่องการหมั้นหมายของเฟิงจื่อจวิ้นกับน้องสาวอย่างเซี่ยปิงชิงในอดีต หล่อนจึงอดห่วงไม่ได้ “เฟิงจื่อจวิ้นแต่งงานหรือยังคะ?”
เชิ่งลี่เห็นลูกสาวคนโตของเธอถามถึงแต่เรื่องของเฟิงจื่อจวิ้นก็อดไม่ได้ที่จะมองหล่อนอย่างตำหนิแต่ก็ยังตอบคำถามว่า “ยังล่ะ ได้ยินมาว่าหลังจากยกเลิกการหมั้น เฟิงจื่อจวิ้นก็ยังไม่เคยคบหากับใคร” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ พวกเขาก็อดรู้สึกผิดนิดหน่อย เพราะตอนนั้นเป็นปิงชิงที่ไม่ต้องการแต่งงาน
“เขายังไม่หาแฟนอีกเหรอ เขาคงยังคิดถึงปิงชิงอยู่สินะ”
“ปิงหรุ่ย อย่าพูดจาเหลวไหล”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
หวังว่าจะไม่มีการยัดเยียดปิงหรุ่ยให้กับตระกูลเฟิงนะ เป็นแบบนั้นมันดูน่าเกลียดไปหน่อย
ไหหม่า(海馬)