ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 725 ไม่เหมาะสม(2)
ตอนที่ 725 ไม่เหมาะสม(2)
……….
ตอนที่ 725 ไม่เหมาะสม(2)
เซี่ยฉางเจี๋ยก็รู้ถึงความกังวลของภรรยา แต่เมื่อนึกถึงท่าทีของลูกสาวคนโตกับฟู่โฮ่วหลิ่น เขาก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “แล้วเรื่องนี้ปิงหรุ่ยมีท่าทียังไง?”
เชิ่งลี่ตอบอย่างไม่พอใจว่า “หล่อนจะไปมีท่าทีอะไรได้ นอกจากจะเห็นดีเห็นงามกับฟู่โฮ่วหลิ่นทุกอย่าง ต่อให้ครอบครัวฟู่จะมีเรื่องวุ่นวายแค่ไหน หล่อนก็ไม่สนใจเลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ คิ้วของเซี่ยฉางเจี๋ยก็ยิ่งขมวดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“ถ้าเป็นแบบนั้นแล้ว คุณจะแยกปิงหรุ่ยออกจากฟู่โฮ่วหลิ่นได้ยังไง?”
“ฉัน…”
เชิ่งลี่พูดไม่ออก แต่หล่อนจะคิดออกอย่างแน่นอน “อาศัยปิงหรุ่ยยังอยู่บ้านในช่วงนี้ ฉันจะคุยกับหล่อนให้รู้เรื่อง”
“ก็ได้ ถ้างั้นไปคุยกับลูกเถอะ แต่อย่าทะเลาะกันล่ะ”
เชิ่งลี่ชำเลืองมองเซี่ยฉางเจี๋ยด้วยความไม่พอใจแล้วพูดว่า “ฉันจะไปทะเลาะกับลูกของตัวเองได้ยังไง”
คู่สามีภรรยาถกเถียงกันเรื่องเซี่ยปิงหรุ่ย จากนั้นก็นอนหลับไป
ส่วนฟู่โฮ่วหลิ่นก็เป็นคนช่างสังเกต ตอนกินข้าวก็รู้สึกว่าแม่ของเซี่ยปิงหรุ่ยมีท่าทางแปลก ๆ กับตัวเอง หลังจากกินข้าวเสร็จเลยหาโอกาสถามเซี่ยปิงหรุ่ย
เดิมทีเซี่ยปิงหรุ่ยอยากจะหาข้อแก้ตัว แต่ฟู่โฮ่วหลิ่นกลับจับมือหล่อนแล้วพูดว่า “ปิงหรุ่ย เราเคยมีความลับต่อกันเหรอ คุณไม่ต้องหาเหตุผลมาปกปิดผมหรอก”
ได้ยินแบบนี้เซี่ยปิงหรุ่ยเลยพูดออกไปตรง ๆ
“คือแม่ฉันไม่พอใจกับสถานการณ์ครอบครัวของคุณ”
ถึงเซี่ยปิงหรุ่ยจะไม่ได้พูดว่าไม่พอใจในเรื่องอะไร แต่ฟู่โฮ่วหลิ่นก็คิดได้ในใจแล้ว เขาจึงพูดด้วยรอยยิ้มเจื่อน ๆ “ครอบครัวของผมมันก็ดูแย่จริงๆ นั่นละ ใครจะไปทำเรื่องน่าละอายเหมือนพ่อผมล่ะ”
เมื่อเห็นฟู่โฮ่วหลิ่นมีท่าทางแบบนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยก็รีบพูดว่า “โฮ่วหลิ่น มันไม่ใช่ความผิดของคุณ อย่าพูดแบบนั้นสิ”
พูดไปพูดมาหล่อนก็หัวเราะปลอบว่า “วางใจเถอะ แม่ฉันไม่ได้เป็นคนไร้เหตุผลขนาดนั้นหรอก ไม่ถึงกับจะโกรธคุณเพราะเรื่องครอบครัวหรอกนะ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวล”
พูดตามตรงฟู่โฮ่วหลิ่นก็ยังค่อนข้างเป็นห่วง แต่เซี่ยปิงหรุ่ยพูดแบบนี้แล้วเขาก็พูดอะไรต่อไม่ได้อีก
“ปิงหรุ่ย งั้นคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้เจอกันนะ”
“อืม”
พอถึงวันรุ่งขึ้น เชิ่งลี่ก็มาหาลูกสาวตั้งแต่เช้าตรู่ แต่ก็พบว่าลูกสาวหายไป สุดท้ายก็ได้รู้ว่าลูกสาวออกไปกับชายแปลกหน้าสองคน
เชิ่งลี่รู้จักชายสองคนนั้น พวกเขาเป็นหมอที่โรงพยาบาลปักกิ่ง ตอนลูกสาวกลับมาก็เล่าให้หล่อนฟัง แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกไปกับพวกเขาเร็วขนาดนี้
ส่วนหลินหย่งเฉียงกับฟางข่ายก็กำลังตามเซี่ยปิงหรุ่ยไปเดินชมบ้านตระกูลเซี่ยอยู่
“หมอเซี่ย ตรงนั้นคือสวนสมุนไพรของบ้านคุณเองเหรอ?”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้ารับแล้วพูดว่า “ใช่แล้วค่ะ จากสวนสมุนไพรของครอบครัวพวกเราเอง พวกคุณอยากจะไปชมกันไหมคะ?”
“ไปสิ…ไปสิ…”
หลังหลินหย่งเฉียงและฟางข่ายได้ไปชมสวนสมุนไพร ก็รู้สึกราวกับได้เปิดโลกทัศน์
“โห สมุนไพรที่นี่งามเหลือเกิน”
“จริงด้วย ที่นี่มีเห็ดหลินจือด้วย เห็ดหลินจือปลูกได้ด้วยเหรอ?”
ทั้งคู่สลับกันมองว่าของอันนี้ดี ของอันนั้นก็น่าสนใจ และอยากจะขุดสมุนไพรกลับไปให้หมด
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ก็หัวเราะพลางกล่าวว่า “มันก็ปลูกได้ตามปกติ เพียงแต่ปลูกยาก บ้านเราลงทุนลงแรงไปมากจึงประสบความสำเร็จ”
หลินหย่งเฉียงและฟางข่ายล้วนทราบดีถึงภูมิหลังของตระกูลเซี่ย จึงไม่รู้สึกแปลกใจเลยที่พวกเขาสามารถปลูกสมุนไพรได้มากมายขนาดนี้
“ก็คงจะมีเพียงครอบครัวของพวกคุณเท่านั้นที่มีทั้งกำลังเงินและกำลังคนมากมาย จึงปลูกสมุนไพรได้มากมายเช่นนี้” พวกเขาพูดด้วยความอิจฉา
เซี่ยปิงหรุ่ยหัวเราะพลางกล่าวว่า “ที่นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสวนสมุนไพรที่ครอบครัวเราปลูก ครอบครัวเรายังมีสวนอยู่ที่อื่น ๆ อีกค่ะ”
เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่าตระกูลเซี่ยยังมีพืชสมุนไพรอยู่อีกก็อดรู้สึกอิจฉาตาร้อนไม่ได้
เซี่ยปิงหรุ่ยมองเห็นอาการของหลินหย่งเฉียงและฟางข่ายแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้ พาพวกเขาทั้งสองเดินต่อไปข้างหน้า แต่เดินไปได้เพียงสองก้าว ก็ได้พบกับสมาชิกคนอื่น ๆ ของตระกูล
“ปิงหรุ่ย ได้ยินมาว่าหลานพาคนรักกลับมาแนะนำ นี่เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า เราจะได้ดื่มเหล้ามงคลของหลานเมื่อไหร่เหรอ?”
“อีกไม่นานค่ะอาสิบสาม”
“ฮ่าๆๆ…ดีมาก ครอบครัวจะมีงานมงคลอีกแล้ว”
อาสิบสามพูดจบก็มองไปที่หลินหย่งเฉียงและฟางข่ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น พลางถามขึ้นว่า “ปิงหรุ่ย สองท่านนี้คือ?”
“พวกเขาเป็นหมอค่ะ เป็นหมอแผนกแพทย์แผนจีนของโรงพยาบาลปักกิ่ง”
“อ๋อ เป็นหมอนี่เอง”
ตระกูลเซี่ยมีหมอเยอะเกินไปแล้ว อาสิบสามเลยไม่สนใจหลินหย่งเฉียงกับฟางข่ายเลยสักนิด แต่หลินหย่งเฉียงกับฟางข่าย กลับสนใจอาสิบสามมาก พวกเขามองไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยแล้วถามด้วยเสียงเบาว่า “ได้ยินมาว่าตระกูลเซี่ยจากซีอานทุกคนเป็นหมอจริงไหมครับ?”
“ก็เหมือนจะจริงนะคะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าพร้อมกับยิ้ม
หลังจากได้ยินแบบนั้น หลินหย่งเฉียงกับฟางข่ายก็ยิ่งอยากรู้จักอาสิบสาม พวกเขาจึงเดินเข้าไปทักทายโดยตรง ผลก็คือยิ่งคุยก็ยิ่งถูกคอ รู้สึกเสียดายที่ได้รู้จักกันช้าเกินไป
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นทั้งสองคนเป็นแบบนั้นก็อดหัวเราะไม่ได้
ส่วนฟู่โฮ่วหลินก็กำลังพูดคุยอยู่กับเซี่ยฉางเจี๋ยกับเชิ่งลี่
เชิ่งลี่นึกถึงสถานการณ์ของตระกูลฟู่ ก็เลยพูดตรง ๆ ไปว่า “เสี่ยวฟู่ ฉันได้ยินมาว่าสถานการณ์ที่บ้านเธอค่อนข้างซับซ้อนนะ”
“ครับ สถานการณ์ที่บ้านผมค่อนข้างซับซ้อนจริง แต่ผมจะจัดการเองครับ ผมจะไม่ยอมให้ปิงหรุ่ยต้องเสียน้ำตาแม้แต่น้อย”
แต่เชิ่งลี่ยังไม่ปักใจเชื่อ
ฟู่โฮ่วหลินเห็นแบบนั้นก็เล่าเรื่องของตัวเองออกมา “ผมกับพ่อแทบจะตัดขาดความสัมพันธ์กันแล้ว แต่คุณปู่ยังอยู่ข้างเรา ส่วนสมบัติทั้งหมดของตระกูลฟู่ ผมจะยกให้ปิงหรุ่ยทั้งหมด”
เชิ่งลี่ไม่เชื่อคำพูดของฟู่โฮ่วหลินเลยสักนิด แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาตรง ๆ เธอเพียงแค่ยิ้มและพูดว่า “จริงเหรอ งั้นก็รอให้ถึงเวลานั้นก่อนแล้วกันนะ”
“ครับ”
“คุณแม่ คุยอะไรกันอยู่คะ?”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยกลับมา ก็เห็นฟู่โฮ่วหลินกำลังพูดคุยอยู่กับพ่อแม่ของตน จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “กำลังคุยอะไรกันอยู่เหรอ?”
ทั้งสามต่างก็รู้ใจกันดีจึงไม่ได้บอกอะไร แต่เพียงแค่ยิ้มและตอบว่า “ไม่มีอะไรหรอก”
เซี่ยปิงหรุ่ยยังอยากพาฟู่โฮ่วหลินไปเดินเล่นข้างนอก จึงบอกกับพ่อแม่ แล้วก็รีบลากเขาออกไป
ฟู่โฮ่วหลินก็ตามเซี่ยปิงหรุ่ยไปสักพัก แต่แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่าข้อมือของเซี่ยปิงหรุ่ยว่างเปล่าไม่มีอะไรสวมใส่ จึงอดถามไม่ได้ว่า “ปิงหรุ่ย กำไลข้อมือที่คุณปู่ให้ก่อนหน้านี้หายไปไหน?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
พยายามคุยตกลงกันให้ดีนะ อย่าให้ครอบครัวสามีมาทำร้ายปิงหรุ่ยได้
ไหหม่า(海馬)
……….