ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 714 ภาวะกระเพาะร้อน(1)
ที่ 714 ภาวะกระเพาะร้อน(1)
……….
ตอนที่ 714 ภาวะกระเพาะร้อน(1)
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นสายตาของทั้งสอง ก็หันกลับไปมองพวกเขาพลางเอ่ยขึ้นว่า “มองฉันทำไม?”
หนึ่งในนั้นรีบเข้ามาหาเซี่ยปิงหรุ่ยแล้วถามว่า “เสี่ยวเซี่ย เธอกับหมอฉินเป็นเพื่อนร่วมชั้นกันไม่ใช่เหรอ พวกเธอสนิทกันไหม?”
“แน่นอนสิ ฉันกับมู่หลานไม่เพียงแค่เรียนห้องเดียวกันเท่านั้น แต่ยังอยู่หอพักเดียวกันด้วย พวกคุณคิดว่าความสัมพันธ์ของเราจะแย่ได้ไง”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ยิ่งดูสนใจมากขึ้น
“หมอฉินเรียนแพทย์แผนจีนมาจริง ๆ เหรอ ทำไมหล่อนถึงได้ผ่าตัดเก่งขนาดนี้?”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดด้วยสีหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความภาคภูมิใจ “ก็เพราะว่าหล่อนคือมู่หลานไง หล่อนเลยเก่งไปซะทุกอย่าง”
ในเวลานั้น เผยเฟิ่งซูก็พูดขึ้นว่า “ฉันได้ยินข่าวมาว่าเมื่อวานห้องยาได้รับใบสั่งยาของหมอฉินอยู่ใบหนึ่ง ได้ยินมาว่าเป็นยารักษาโรคหัวใจและหลอดเลือดนะ”
“จริงเหรอ ฉันไม่รู้เรื่องนี้เลย ฉันถึงได้บอกว่าหมอฉินถึงอยู่ในแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็ยังจ่ายยาแผนจีนได้”
เซี่ยปิงหรุ่ยก็เพิ่งได้ยินเรื่องนี้ แต่เมื่อเห็นว่ามู่หลานเป็นคนจ่ายยานั้น แสดงว่าจะต้องเป็นยาที่ดีแน่ “คนไข้คนนั้นโชคดีมากที่ได้เจอมู่หลาน แล้วมู่หลานก็จ่ายยาให้เขา แสดงว่ายานั้นจะต้องตรงกับโรคแน่ ๆ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เหล่าแพทย์ที่อยู่รอบข้างก็ยิ่งรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมากขึ้น
พวกเขารู้ดีว่าฉินมู่หลานเก่งเรื่องการผ่าตัด แต่ก็ยังไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเก่งเรื่องการแพทย์แผนจีนด้วยหรือเปล่า
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยรู้ถึงความสงสัยของหลาย ๆ คน หล่อนก็พูดขึ้นตรง ๆ ไปเลยว่า “มู่หลานเก่งเรื่องการแพทย์แผนจีนมาก หล่อนปรับเปลี่ยนใบสั่งยาได้ตามอาการของแต่ละคน แล้วก็ยังคิดค้นใบสั่งยาใหม่ ๆ ขึ้นมาได้ด้วย หล่อนเก่งจริงๆ”
“เหรอ จริงหรือเปล่า เธออย่าคุยโวนะ หมอฉินเก่งด้านการแพทย์แผนปัจจุบันขนาดนั้นแล้วมีเวลาไปศึกษาแพทย์แผนจีนอีกงั้นเหรอ การแพทย์แผนจีนต้องอาศัยเวลาและประสบการณ์ในการสั่งสมไม่น้อยเลยนะ”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินเสียงพูดจาถากถางนี้ หล่อนก็จำได้ในทันทีว่าเป็นเหลียงเจินชิง เมื่อหันกลับไปมอง ก็พบว่าเป็นหล่อนจริง ๆ
ถ้าเหลียงเจินชิงพูดถึงตัวหล่อน เซี่ยปิงหรุ่ยก็คงไม่ว่าอะไร แต่ตอนนี้เหลียงเจินชิงกำลังพูดถึงมู่หลาน แบบนี้หล่อนจึงยอมไม่ได้ “หมอเหลียง หากตัวเองไม่มีความสามารถก็ไม่ควรตัดสินคนอื่น มู่หลานเก่งเรื่องแพทย์แผนปัจจุบันก็จริง แต่เรื่องแพทย์แผนโบราณหล่อนก็เก่งไม่แพ้กัน คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดจาแบบนี้”
“เธอ…”
สองสามวันนี้ หล่อนให้แต่เซี่ยปิงหรุ่ยทำนู่นทำนี่และคิดว่าอีกฝ่ายคงจะเชื่อฟังแล้ว แต่ไม่คิดว่าวันนี้หล่อนจะโดนประชดแบบนี้
“เซี่ยปิงหรุ่ย ถึงเธอจะเป็นเพื่อนกับหมอฉิน แต่เธอก็ไม่ควรชื่นชนหมอฉินออกหน้าออกตาขนาดนี้”
สองสามวันนี้ หลานชายอย่างฉินเค่อเยวียนเอาแต่ซึมเศร้าเพราะฉินมู่หลานทำร้ายจิตใจเขาอย่างมาก หล่อนยอมรับว่าฉินมู่หลานเก่งเรื่องผ่าตัดมาก แต่เซี่ยปิงหรุ่ยกลับชื่นชมฉินมู่หลานว่าเก่งเรื่องแพทย์แผนจีนมากกว่าผ่าตัดของเธอเสียอีก เป็นไปได้อย่างไรที่คนเราจะเก่งไปเสียทุกเรื่อง
“ฉันไม่ได้ชื่นชมออกหน้าออกตา แต่มู่หลานเก่งเรื่องแพทย์แผนจีนจริง ๆ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเน้นทีละคำ พร้อมกับมองเหลียงเจินชิงอย่างเย็นชาแล้วพูดว่า “หมอเหลียง แพทย์ทุกคนไม่ได้เก่งเพราะประสบการณ์อย่างเดียวหรอกนะคะ คุณต้องยอมรับว่าคนบางคนมีพรสวรรค์”
ได้ยินแบบนี้ เหลียงเจินชิงก็โกรธจนตัวแทบสั่น เพราะเซี่ยปิงหรุ่ยพูดชัดเจนว่าหล่อนไม่มีพรสวรรค์
แต่ก่อนที่เหลียงเจินชิงจะพูดอะไร เซี่ยปิงหรุ่ยก็พูดต่อ “เมื่อสองสามวันก่อน หมอเหลียงรับเคสเด็กสาวคนหนึ่ง และวินิจฉัยว่าเป็น ‘โรคปริทันต์อักเสบเฉียบพลัน’ แล้วแนะนำให้ไปแผนกทันตกรรมจำได้ไหมคะ?”
หล่อนเพิ่งเห็นตอนจัดการแฟ้มประวัติเมื่อวาน
ได้ยินเซี่ยปิงหรุ่ยพูดแบบนี้ เหลียงเจินชิงจึงขมวดคิ้ว “เธอกำลังจะสื่ออะไร?”
หล่อนจำเด็กสาวคนนั้นได้ เพราะเป็นเคสเดียวที่ตนแนะนำให้ไปหาหมอแผนกอื่น
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นเหลียงเจินชิงพูดแบบนี้ ก็รู้ว่าหล่อนจำได้ จึงยิ้มแล้วพูดว่า “ก็แค่จะบอกว่าคุณวินิจฉัยผิด”
“เซี่ยปิงหรุ่ย เธออย่าใส่ร้ายฉันนะ ฉันจะวินิจฉัยผิดได้ยังไง เด็กสาวคนนั้นเป็นโรคปริทันต์อักเสบ อย่าคิดว่าอ่านแฟ้มประวัติเยอะ ๆ แล้วจะเก่งขึ้นนะ แพทย์แผนจีนมันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น พวกเด็กหนุ่มสาวอย่างพวกเธอเองต่างหากที่ชอบโอ้อวดคิดว่าตัวเองเก่งที่สุด”
เซี่ยปิงหรุ่ยเหลือบมองเหลียงเจินชิงแล้วพูดว่า “เด็กสาวคนนั้นมีกลิ่นปาก มีเลือดออกที่เหงือก คุณเลยคิดว่าเป็นโรคปริทันต์อักเสบและส่งเธอไปแผนกทันตกรรม แต่คุณไม่สังเกตเลยว่าเด็กสาวคนนั้นยังมีอาการท้องผูก คุณไม่ได้ซักประวัติเพิ่มเติม แล้วก็ปล่อยหล่อนไป คุณนี่ช่างไม่รอบคอบเลยจริง ๆ”
เหลียงเจินชิงเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยพูดสถานการณ์ต่าง ๆ ออกมาชัดเจน หล่อนจึงขมวดคิ้ว แต่ไม่คิดว่าตัวเองวินิจฉัยผิด “แล้วยังไง เด็กสาวคนนั้นมีปัญหาเรื่องช่องปาก ฉันเลยแนะนำให้ไปแผนกทันตกรรม ไม่ผิดแน่นอน”
“ผิด คุณวินิจฉัยผิดทั้งหมด เด็กสาวคนนั้นเป็นโรคกระเพาะร้อน”
เซี่ยปิงหรุ่ยพูดคำวินิจฉัยของหล่อนออกมาตรง ๆ “คุณควรจะจ่ายยาต้มหวงฉิน”
“เหอะ…เซี่ยปิงหรุ่ย เธอนึกว่าตัวเองเป็นใคร กระทั่งชีพจรของเด็กสาวคนนั้นเธอยังไม่ได้ตรวจ ดูแค่ประวัติคนไข้ก็บอกสาเหตุของโรคได้แล้ว คิดว่าตัวเองเป็นหมอเทวดาหรือไง”
ยังไม่ทันที่เซี่ยปิงหรุ่ยจะทันได้พูดอะไร ก็มีคนเดินเข้ามาที่ประตู
“คุณหมอเหลียง มีคนไข้มารอพบ เห็นแจ้งว่าก่อนหน้านี้เคยมาพบคุณหมอแล้ว”
เหลียงเจินชิงกำลังหงุดหงิดอยู่พอดี หล่อนถูกเซี่ยปิงหรุ่ยซึ่งเป็นแค่แพทย์ฝึกหัดคอยหาเรื่องหยามเกียรติซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนแทบจะกลั้นไม่อยู่ แล้วคนไข้คนนี้มาจากจากไหนอีก “ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาทำการเลย คนไข้คนไหน?”
แต่ทันทีที่พูดจบ น้ำเสียงโหวกเหวกโวยวายก็ดังขึ้น “หมอเหลียงอยู่ไหน ออกมาเดี๋ยวนี้ ถ้าเป็นหมอที่รักษาไม่ได้ก็อย่าได้มารักษาคนไข้เลย พวกเรามาหาถึงที่แล้ว แทนที่จะออกมาพบ กลับหลบหน้าพวกเราแบบนี้ นี่มันหมายความว่ายังไง?”
เมื่อได้ยินเสียงโวยวายอยู่ด้านนอก ทุกคนก็หันไปมองที่ประตู
ไม่นานนัก ชายร่างกำยำก็ผลักประตูเข้ามาอย่างแรง พร้อมกับก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธ โดยที่ด้านหลังของเขามีเด็กสาวหน้าซีดและอิดโรยคนหนึ่งตามเข้ามา
“เหยาเหยา หมอเหลียงคนไหน ชี้ให้พ่อดูหน่อย”
เด็กสาวที่ชื่อเหยาเหยานิ้วไปที่เหลียงเจินชิงแล้วพูดว่า “พ่อคะ คนนั้นแหละค่ะหมอเหลียง”
ตอนนี้เหลียงเจินชิงจำได้แล้วว่าเด็กสาวคนนี้คือคนที่หล่อนแนะนำให้ไปพบแพทย์ด้านทันตกรรม หัวใจของหล่อนเต้นรัวและเตรียมจะอธิบาย แต่พ่อของเด็กสาวคนนั้นก็หันขวับมา พร้อมกับจ้องหล่อนด้วยความโกรธ
“คุณเหรอหมอเหลียง คุณเป็นหมอแบบไหนกันแน่ ตอนแรกลูกสาวของผมมีอาการเพียงเล็กน้อยเท่านั้น แต่หลังจากที่หล่อนมาพบหมอ อาการของลูกผมก็ยิ่งแย่ลง”
“เป็นไปไม่ได้”
เหลียงเจินชิงปฏิเสธเสียงแข็ง “ฉันไม่มีทางวินิจฉัยผิด”
“ทำไมจะไม่ผิด ตอนแรกลูกสาวของผมแค่เหงือกอักเสบ แต่สองสามวันที่ผ่านมา หล่อนก็เริ่มกินอะไรไม่ได้และยังอาเจียนตลอดเวลา เป็นเพราะคุณที่รักษาคนไข้ไม่เป็น เพราะคุณรักษาไม่ได้ ก็เลยส่งลูกสาวของผมไปหาหมอฟัน หมอฟันก็ไม่ได้จ่ายยาอะไรให้เลย บอกแค่ว่าให้พักผ่อนเยอะ ๆ แล้วดูสิ อาการของลูกผมก็แย่ลงอย่างที่เห็น”
เหลียงเจินชิงได้ยินดังนั้นก็คิดถึงคำที่เซี่ยปิงหรุ่ยพูดไว้ก่อนหน้านี้ หรือว่าที่เซี่ยปิงหรุ่ยพูดจะเป็นความจริง เด็กสาวตรงหน้าไม่ใช่โรคปริทันต์อักเสบแต่เป็นภาวะกระเพาะร้อน?
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
มันต้องโดนกับตัวถึงจะยอมเชื่อเด็กสินะป้า เชื่อเด็กแต่แรกป้าก็ไม่เดือดร้อนขนาดนี้แล้ว
หลายวันมานี้เป็นไข้หวัดมาก ขอโทษที่ทำให้ทุกคนต้องรอด้วยนะคะ
ไหหม่า(海馬)
……….