ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 709 ออกตรวจ(2)
ตอนที่ 709 ออกตรวจ(2)
……….
ตอนที่ 709 ออกตรวจ(2)
ได้ยินแม้แต่น้าของตนพูดแบบนี้ ฉินเค่อเยวียนก็รู้ว่าคำเล่าลือเกี่ยวกับฉินมู่หลาน นั้นเป็นความจริง
“งั้นก็แปลว่าหล่อนเก่งจริง ๆ ”
เห็นท่าทางของหลานชายที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เหลียงเจินชิงจึงอดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ตอนที่ฉินมู่หลานไปฝึกงานที่แผนกศัลยกรรมทรวงอก ก็ถือโอกาสเรียนรู้จากหล่อนเยอะ ๆ สิ หล่อนน่าจะรู้อะไรเยอะพอตัว ขนาดหลี่ปิงฉวนยังอยากจะเรียนวิชาความรู้พวกนั้นจากฉินมู่หลานเลย”
ได้ยินดังนั้น ฉินเค่อเยวียนก็เข้าใจอะไรมากขึ้น
ในสายตาเขา หลี่ปิ่งฉวนแทบอยู่ไกลเกินเอื้อมแล้ว แต่หลี่ปิ่งฉวนยังต้องไปเรียนวิชาจากฉินมู่หลาน ก็พอจะเห็นได้ว่าฉินมู่หลานเก่งขนาดไหน แสดงว่าคำเล่าลือที่ดูเกินจริงเหล่านั้นกลายเป็นความจริง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉินเค่อเยวียนก็รู้สึกห่อเหี่ยวใจเล็กน้อย
เดิมที่เขามักคิดว่าตนเองเก่งนักหนา แต่เมื่อได้เห็นฉินมู่หลานที่อายุน้อยกว่าตน เขาถึงได้รู้ว่าตนไม่ได้เก่งอย่างที่คิด เทียบกับคนที่เก่งจริง ๆ แล้ว เขาดูธรรมดาไปเลย
“น้าไปทำงานเถอะครับ ผมเองก็จะกลับไปที่แผนกแล้ว”
ได้ยินดังนั้น เหลียงเจินชิงก็พยักหน้ากล่าวว่า “อื้ม รีบไปเถอะ มีอะไรก็มาคุยกับน้าได้”
“ครับ เข้าใจแล้วครับ”
เมื่อมองไปที่ฉินเค่อเยวียน เหลียงเจินชิงก็คาดเดาได้ว่าเด็กคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ คงจะเป็นเพราะได้พบเห็นผู้คนที่โดดเด่น ก็เลยรู้สึกด้อยค่าและหม่นหมองอยู่ในใจ
เหลียงเจินชิงส่ายหน้าก่อนจะเดินกลับไปที่แผนก
แต่เพิ่งจะถึงแผนก เหลียงเจินชิงก็เห็นเซี่ยปิงหรุ่ยกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่บนเก้าอี้ ดูสบายใจราวกับว่าตนเองอยู่บ้าน ไม่ใช่มาฝึกงาน
“เซี่ยปิงหรุ่ย เดี๋ยวจะมีการขนยาล็อตหนึ่งเข้ามา เธอไปช่วยจัดการหน่อย”
ได้ยินดังนั้น เซี่ยปิงหรุ่ยจึงเงยหน้าขึ้นมองเหลียงเจินชิงแวบหนึ่ง แต่พอคิดได้ว่างานครั้งนี้เป็นงานที่ถูกต้องตามหน้าที่จริง ๆ จึงไม่ได้ปฏิเสธ หากแต่พยักหน้าตอบว่า “ได้ค่ะ ฉันเข้าใจแล้ว ห้องเก็บสมุนไพรจีนอยู่ที่ไหนคะ?”
เห็นว่าคราวนี้เซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ปฏิเสธ เหลียงเจินชิงจึงหาเรื่องโกรธไม่ได้และพูดออกไปส่ง ๆ ประโยคหนึ่ง จากนั้นก็ปล่อยให้เซี่ยปิงหรุ่ยทำงานที่สั่งเสียอย่างดี “ถึงเวลาหากจำนวนไม่ตรงกัน ฉันจะมาเล่นงานเธอ”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้นจึงขมวดคิ้วขึ้นทันที
“หมอเหลียง คุณให้ฉันซึ่งเป็นแพทย์ฝึกหัดที่ยังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับการรับสมุนไพรเข้ารับผิดชอบเรื่องคลังสมุนไพรจริง ๆ เหรอคะ? ถ้าฉันทำไม่ดี ฉันก็มีความผิด แต่ความเสียหายที่โรงพยาบาลจะได้รับนั้นร้ายแรง แล้วคุณไม่ให้ให้คนอื่นไปด้วยอย่างนั้นเหรอคะ?”
เหลียงเจินชิงกลับหัวเราะเสียงเย็นแล้วพูดว่า “เรื่องนำสมุนไพรเข้าคลังจะยากแค่ไหนเชียว เธอไปคนเดียวก็ได้แล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้นก็อดสงสัยไม่ได้ว่าเหลียงเจินชิงตั้งใจหรือไม่ หรือว่าการนำสมุนไพรเข้าคลังคราวนี้มีกับดักอะไรสักอย่าง แล้วหลังจากนั้นเหลียงเจินชิงก็จะตามหาเรื่องหล่อน
ขณะที่เซี่ยปิงหรุ่ยกำลังคิดหาหนทางรับมือ เผยเฟิ่งซูกลับลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “เสี่ยวเซี่ย ฉันไปด้วย”
เหลียงเจินชิงคาดไม่ถึงว่าเผยเฟิ่งซูจะพูดเช่นนี้ แต่คำสั่งของหล่อนก่อนหน้านี้ก็เป็นความคิดชั่ววูบชั่วคราว ยาชุดนี้ก็จำเป็นต้องรีบรับเข้าคลังจริง ๆ ดังนั้นจึงไม่ได้พูดอะไรมาก
พอเซี่ยปิงหรุ่ยเห็นว่ามีคนไปด้วยกันจึงยิ้มพยักหน้าตามธรรมชาติแล้วพูดว่า “ดีค่ะ งั้นพวกเราไปด้วยกันตอนนี้เลย”
อีกด้านหนึ่ง ฉินมู่หลานที่นั่งดูเอกสารอยู่ในห้องตรวจคนไข้ ก็มีคนไข้ใหม่เข้ามา
เธอจึงรีบให้คนไข้นั่งลงแล้วพูดว่า “คุณตาคะ นั่งก่อนค่ะ ฉันจะจับชีพจรให้”
ทว่าชายชราตรงหน้ากลับโบกมือปฏิเสธโดยตรง แล้วพูดว่า “หมอ ผมไม่ได้มาหาหมอ ผมมาซื้อยาต่างหาก” ว่าจบพลางหยิบกล่องยาเปล่าขึ้นมาหนึ่งกล่องแล้วพูดว่า “ผมอยากจะซื้อยาตัวนี้เพิ่มอีกหน่อย”
ฉินมู่หลานรับกล่องยาเปล่ามาดูแล้วพบว่าเป็นยากินที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด
“คุณตากินยานี้มานานหรือยังคะ?”
ได้ยินดังนั้น ชายชราจึงพูดว่า “ประมาณสองเดือนแล้ว ผมรู้สึกว่าได้ผลดีทีเดียว”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็ยังไม่จ่ายยา แต่หันไปทางชายชราแล้วพูดว่า “คุณตามาถึงที่แล้ว นั่งลงให้หมอจับชีพจรก่อนเถอะค่ะ ก่อนจะจ่ายยาให้ หมอต้องบันทึกประวัติคนไข้ ก็ต้องรู้ชีพจรของคุณตาไว้ก่อน”
เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดเช่นนี้ คุณตาก็ยื่นมือออกมาแล้วพูดว่า “ได้เลย หมอจับชีพจรให้ผมเสร็จแล้วก็จ่ายยาให้ผมเลยนะ ผมอยากรีบกลับบ้าน”
แต่ยังไม่ทันที่ฉินมู่หลานจะได้จับชีพจรให้คุณตา หน้าประตูก็มีชายวัยกลางคนเดินเข้ามา เขามองเห็นชายชราแล้วก็พูดว่า “พ่อ ผมไม่ได้จองคิวหมอหลี่ให้พ่อเหรอ ทำไมถึงได้มาที่นี่ล่ะ?”
ชายชราตวาดใส่ลูกชายว่า “คนเยอะจะตาย ฉันก็ไม่รู้ว่าต้องรอนานแค่ไหน ฉันมาซื้อยา หมอคนไหนก็เหมือนกัน ฉันเห็นที่นี่ไม่มีคนเลยเข้ามา”
ชายวัยกลางคนได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พ่อ ยังไงก็ไปหาหมอหลี่ดีกว่า”
จังหวะนั้นเองหยางเหวินก็พาหยางอี๋เข้ามาพอดี
“หมอฉิน ฟิล์มเอกซเรย์ของพี่สาวฉันออกมาแล้ว ช่วยดูให้หน่อยค่ะ”
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้น ก็หันกลับไปมองที่ชายชราอีกครั้งแล้วถามว่า “คุณตา ยังตรวจอยู่หรือเปล่าคะ”
ไม่ทันที่คุณตาจะได้พูด ชายวัยกลางคนก็ลากแขนคุณพ่อให้ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “เราไม่ตรวจแล้ว”
ฉินมู่หลานก็พยักหน้ารับแล้วรับฟิล์มเอกซเรย์จากมือหยางเหวินมาดู จากนั้นก็หันไปทางพี่น้องตระกูลหยางแล้วพูดว่า “ไปทำเรื่องเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลได้เลยค่ะ คุณหยางอี๋ต้องผ่าตัดโดยเร็ว”
“อะไรนะคะ ผ่าตัดเหรอ?”
แม้ว่าจะเตรียมใจไว้บ้างแล้ว แต่พอได้ยินว่าจะต้องผ่าตัดจริง ๆ หยางอี๋ก็ยังกลัว
ยังดีที่หยางเหวินไหวพริบดี จึงรีบจับมือพี่สาวแล้วหันไปทางฉินมู่หลานแล้วพูดว่า “หมอฉิน ถึงตอนผ่าตัดแล้วก็ต้องรบกวนคุณหมอช่วยผ่าตัดให้พี่สาวฉันด้วยนะคะ”
“ตรวจพบเร็วก็ผ่าตัดรักษาได้เร็ว ไม่ต้องกังวลนะคะ”
หยางเหวินเชื่อใจฉินมู่หลานอย่างสนิท จึงรีบพยักหน้าตอบรับแล้วก็เตรียมจะพาพี่สาวไปทำเรื่องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล
แต่ทว่ายังไม่ทันที่ทั้งคู่จะเดินไปได้ไกล ชายชราที่อยู่ข้างเมื่อกี้ก็ร้องถามว่า “เมื่อกี้คุณหมอคนนั้นเก่งมากเลยเหรอ?”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ผิดแผนล่ะสิป้า กะจะกลั่นแกล้งปิงหรุ่ยแต่ดันมีคนมาเกี่ยวด้วย
ขนาดหมอหลี่ยังต้องเรียนวิชาจากมู่หลานอะค่ะคิดดู
ไหหม่า(海馬)
……….