ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 706 ความสงสัย(1)
ตอนที่ 706 ความสงสัย(1)
……….
ตอนที่ 706 ความสงสัย(1)
ทุกคนในแผนกแพทย์แผนจีนรู้สึกว่าเซี่ยปิงหรุ่ยเย่อหยิ่งเพราะรู้จักฉินมู่หลาน แต่พวกเขาก็อยากรู้ว่าทั้งสองรู้จักกันได้อย่างไร
“เซี่ยปิงหรุ่ยรู้จักกับหมอฉินได้ยังไง?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเผยเฟิ่งซูก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ฉันเคยได้ยินมาว่าหมอฉินยังเรียนไม่จบ และเซี่ยปิงหรุ่ยก็มาฝึกงานที่นี่ เป็นไปได้ว่า…พวกหล่อนน่าจะเรียนที่เดียวกันหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้มาก”
คนอื่น ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน
ในขณะที่เหลียงเจินชิงสีหน้าบึ้งตึง เตรียมที่จะตรวจสอบเซี่ยปิงหรุ่ยและฉินมู่หลานอย่างละเอียด วันนี้หล่อนถูกเด็กสาวหักหน้า กลายเป็นชนวนแห่งความโกรธแค้น
ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่รู้เลยว่ามีคนวางแผนจะสืบหาตัวตนของพวกเธอ ขณะนี้ทั้งคู่กำลังพูดคุยกันในห้องทำงานของฉินมู่หลาน และก็ตั้งใจจะไปที่โรงอาหาร
“มู่หลาน ถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว ไปที่โรงอาหารกันเถอะ”
“ได้เลย”
ทั้งคู่ไปที่โรงอาหารด้วยกัน และเมื่อพบว่าไม่มีคนอยู่มากนัก จึงตักอาหารแล้วหามุมนั่ง
“โห…มู่หลาน มีหมูเปรี้ยวหวานด้วย อาหารที่นี่ดีจังเลย” เซี่ยปิงหรุ่ยกินข้าวคำโต ๆ พร้อมกับข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
ฉินมู่หลานก็รู้สึกว่าอาหารที่โรงอาหารอร่อยเช่นกัน นอกจากหมูเปรี้ยวหวานแล้วยังมีปลาน้ำแดงอีกด้วย
หลังจากที่ทั้งคู่กินเสร็จแล้ว ก็ได้พบกับแพทย์จากแผนกศัลยกรรมทรวงอกที่เพิ่งมารับประทานอาหาร
“หมอฉิน กินเสร็จแล้วเหรอครับ”
หลิวซิ่นเห็นฉินมู่หลานแล้วก็ยิ้มทักทาย
ฉินมู่หลานยิ้มตอบ “ค่ะ เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ตอนนั้นเองหลิวซิ่นก็มองเซี่ยปิงหรุ่ยด้วยความอยากรู้อยากเห็น “ท่านนี้คือ?”
“คนนี้คือเพื่อนร่วมรุ่นของฉันค่ะ มาฝึกงานด้วยกัน”
“อ๋อ เพื่อนร่วมรุ่นของหมอฉิน อย่างนั้นแพทย์แผนปัจจุบันก็ต้องเก่งมากสินะ แล้วทำไมไม่มาอยู่แผนกเดียวกับพวกเราล่ะ”
ได้ยินคำถามของหลิวซิ่น เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยิ้มตอบ “ฉันถนัดแพทย์แผนจีนมากกว่าน่ะค่ะ เลยไปแผนกแพทย์แผนจีน”
“อ๋อ เรียนแพทย์แผนจีนมานี่เอง”
หลิวซิ่นพยักหน้าเข้าใจ แต่ก็สงสัยต่ออีกว่าฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกัน แล้วทำไมเรียนคนละสาขา แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ว่าทั้งสองคนอาจไม่ได้เรียนห้องเดียวกัน แต่อยู่ชั้นปีเดียวกัน เลยไม่ได้ซักไซ้อะไรต่อ
แต่เก๋อฮั่นเตี่ยนที่อยู่ด้านข้างอดไม่ได้ที่จะถามออกมาตรงๆ
ฉินมู่หลานมองอีกฝ่ายแล้วตอบ “ฉันกับปิงหรุ่ยเรียนสาขาเดียวกันค่ะ”
เมื่อได้ยินฉินมู่หลานตอบแบบนั้น เก๋อฮั่นเตี่ยนก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยท่าทีตกใจสุดขีด “อะไรนะ…เธอเรียนแพทย์แผนจีนมางั้นเหรอ?”
ฉินมู่หลานไม่ได้ปฏิเสธและพยักหน้าตอบ “ใช่ค่ะ ฉันเรียนแพทย์แผนจีน”
“แต่นี่…”
เก๋อฮั่นเตี่ยนรู้สึกว่ามันแปลก ๆ คนที่เรียนแพทย์แผนจีนกลับมาอยู่แผนกศัลยกรรมทรวงอกของพวกเขา นี่มันไม่เข้าท่าเลย แล้วหมอฉินคนนี้จะเป็นหมอฉินที่หมอหลี่พูดถึงว่ามีฝีมือผ่าตัดขั้นเทพ ผ่าตัดเคสที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ได้จริง ๆ เหรอ
หลิวซิ่นกลับมาแสดงสีหน้าปกติก่อนจะเอ่ยชมเชยอย่างมีรอยยิ้ม “ที่แท้หมอฉินไม่เพียงแค่ผ่าตัดเก่ง แต่ยังเก่งเรื่องแพทย์แผนจีนอีกด้วย มีความสามารถจริง ๆ”
“หมอหลิวชมเกินไปแล้วค่ะ พวกคุณกินข้าวกันต่อเถอะ เราขอตัวกลับก่อน”
“ครับ”
รอให้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยจากไปแล้ว เก๋อฮั่นเตี่ยนก็อดทนไม่ได้ที่จะหันไปมองฉินเค่อเยวียนแล้วพูดขึ้นว่า “คุณได้ยินที่หมอฉินพูดเมื่อกี้นี้ไหม เธอเรียนแพทย์แผนจีน แล้วเธอจะมาที่แผนกศัลยกรรมทรวงอกของพวกเราได้ยังไงกัน แผนกของพวกเรา…”
ยังไม่ทันที่เก๋อฮั่นเตี่ยนจะพูดจบ หลิวซิ่นก็ขัดขึ้นมาทันที “หมอฉินเรียนแพทย์แผนจีนแล้วไง หล่อนก็ยังผ่าตัดได้เก่งขนาดนี้ ในเมื่อหล่อนทำการผ่าตัดที่พวกเราทำกันไม่ได้ หล่อนก็มีสิทธิ์มาที่แผนกของเรา”
เมื่อพูดจบเขาก็จ้องทั้งสองคนเขม็ง “อย่าคิดว่าหมอฉินอายุยังน้อยกว่าพวกคุณแล้วจะมองว่าหล่อนเป็นแค่รุ่นน้อง ที่โรงพยาบาลนี้ต้องเอาความสามารถทางการแพทย์มาพูด”
พูดจบเขาก็ไม่สนใจเก๋อฮั่นเตี่ยนและฉินเค่อเยวียน เดินไปตักข้าวทันที
เห็นหลิวซิ่นเดินจากไปแล้ว เก๋อฮั่นเตี่ยนก็ขมวดคิ้วแล้วพูดขึ้นว่า “ผมว่าไม่ว่าจะเป็นหมอหลี่ หรือหมอหลิวต่างก็ให้การยอมรับหมอฉินกันอย่างมาก แต่ผมไม่เข้าใจจริง ๆ หมอฉินเป็นหมอแพทย์แผนจีนแต่กลับผ่าตัดเก่งขนาดนั้นได้ยังไง ผมก็อดสงสัยไม่ได้แล้วละ”
ฉินเค่อเยวียนก็รู้สึกว่าเหลือเชื่อเช่นกัน
หมอแต่ละคนต่างก็มีความถนัดของตัวเอง ฉินมู่หลานเรียนแพทย์แผนจีน แล้วเธอจะมีเวลาที่ไหนไปเรียนแพทย์แผนปัจจุบันกัน อีกอย่างแม้จะเรียนแพทย์แผนปัจจุบันแล้วจะเก่งกาจกว่าหมอหลี่ผู้มากประสบการณ์ได้ยังไงกัน นี่คือสิ่งที่เขาคิดไม่ตก แต่ในเมื่อหลิวซิ่นพูดออกมาแบบนั้น พวกเขาคงต้องใส่ใจมากขึ้นแล้ว
“เอาเถอะฮั่นเตี่ยน พวกเราอย่าพูดถึงหมอฉินอีกเลย ต่อไปถ้าคุณอยากรู้ คงมีโอกาสได้เห็นการผ่าตัดของหมอฉิน”
เก๋อฮั่นเตี่ยนได้ยินดังนั้นก็รู้สึกว่ามีเหตุผล
“ใช่แล้ว ถ้าหมอฉินเก่งขนาดนั้น หลังจากนี้ถ้ามีคนไข้ที่ต้องผ่าตัด หล่อนคงต้องลงมือแน่ ๆ พอถึงวันนั้นพวกเราก็จะได้เห็นกับตาว่าหล่อนเก่งกาจขนาดที่เล่าลือกันหรือเปล่า”
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ไปตักข้าว กินเสร็จก็กลับไปที่แผนกทันที
ฉินมู่หลานไม่รู้เลยว่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงอาหารถูกคนอื่นนำไปพูดต่อ เหลียงเจินชิงได้ยินข่าวนี้ก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
“เซี่ยปิงหรุ่ยกับหมอฉินเรียนด้วยกันจริง ๆ ด้วย อยู่ห้องเดียวกันกลับเรียนคนละอย่าง ทำไมหมอฉินถึงได้ไปแผนกศัลยกรรมทรวงอกล่ะ?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ลองมาดูมู่หลานผ่าตัดก่อน ก่อนที่จะตัดสินมู่หลานอะ
ไหหม่า(海馬)
……….