ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 705 ฉันไม่สะดวก(2)
ตอนที่ 705 ฉันไม่สะดวก(2)
……….
ตอนที่ 705 ฉันไม่สะดวก(2)
ในเวลานี้เหลียงเจินชิงโกรธมากแล้วจริงๆ
“เซี่ยปิงหรุ่ย เธอนี่มันยังไง?”
เซี่ยปิงหรุ่ยเพิกเฉย และเก็บข้าวของของตนต่อไป แม้หล่อนเพิ่งมาที่นี่วันนี้ แต่ก็จะต้องมาฝึกงานที่นี่อีกหกเดือน ดังนั้นโต๊ะที่หล่อนนั่งจะต้องถูกจัดเป็นระเบียบเรียบร้อย
“เธอ เธอ…”
เมื่อเห็นท่าทางไม่ยอมคนของเซี่ยปิงหรุ่ย ใบหน้าของเหลียงเจินชิงก็แสดงความไม่พอใจมากขึ้นเรื่อย ๆ
เมื่อแพทย์หลายคนอื่น ๆ เห็นฉากนี้ พวกเขาก็มองไปที่เซี่ยปิงหรุ่ยอีกครั้ง และทันใดนั้นก็ตัดสินว่าเด็กฝึกงานตรงหน้านิสัยไม่ดี ถือว่าเป็นเสี้ยนหนาม และในอนาคตคงจะรับมือได้ยาก
หลังจากเซี่ยปิงหรุ่ยจัดโต๊ะเสร็จเรียบร้อยแล้ว หล่อนก็ตั้งใจไปเดินดูรอบ ๆ โรงพยาบาล แต่ขณะที่กำลังจะเดินออกไป หล่อนก็เห็นฉินมู่หลานเดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม จึงรีบลุกขึ้นทักทาย “มู่หลาน ทำไมมาถึงที่นี่ล่ะ?”
เมื่อได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงหรุ่ย ทุกคนก็มองไปที่ฉินมู่หลาน
ฉินมู่หลานยิ้มและทักทายแพทย์จากภาควิชาการแพทย์แผนจีนและพูดว่า “สวัสดีนะคะทุกท่าน ฉันมาหาปิงหรุ่ยค่ะ” จากนั้นก็ถามว่า “ปิงหรุ่ย ตอนนี้เธอยุ่งอยู่หรือเปล่า”
เซี่ยปิงหรุ่ยส่ายหัวแล้วพูดว่า “ฉันไม่ยุ่ง ออกไปคุยกันข้างนอกเถอะ”
หลังจากที่ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยจากไป เหลียงเจินชิงก็ยังคงโกรธมากจนมือสั่น “นี่…นี่ยังเป็นนักศึกษาอยู่แท้ๆ แต่ไร้มารยาทสิ้นดี หล่อนมีทัศนคติแบบนี้ตั้งแต่มาฝึกงานวันแรก ไม่อยากได้ใบรับรองการฝึกงานเหรอ?”
แพทย์หญิงที่อยู่ข้าง ๆ หล่อนพูดว่า “หมอเหลียง อย่าโกรธไปเลยค่ะ หมอฝึกหัดเซี่ยดูไม่มีวุฒิภาวะแบบนี้เป็นเพราะยังเด็กเกินไป เมื่อมาฝึกงานที่โรงพยาบาลของเรา หล่อนจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำของโรงพยาบาล ไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ใบรับรองการฝึกงานแน่นอน”
“ฮึ่ม…ฉันไม่ปล่อยเรื่องนี้เอาไว้แน่ ถ้าเซี่ยปิงหรุ่ยยังคงเป็นแบบนี้ อย่ามาโทษที่พวกเราคงต้องให้บทเรียน”
เหลียงเจินชิงคิดว่าตัวเองแก่กว่า จึงชอบสั่งให้คนอื่นทำสิ่งต่าง ๆ อย่างไม่ตั้งใจ แต่วันนี้หล่อนได้พบกับเซี่ยปิงหรุ่ยซึ่งเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด แต่กลับกล้าเผชิญหน้ากับหล่อนแบบไม่รู้จักเด็กไม่รู้จักผู้ใหญ่
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยเดินตามฉินมู่หลานออกไป หล่อนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นว่า “ฉันเพิ่งมารายงานตัวที่แผนกการแพทย์แผนจีนแท้ๆ ก็มีคนโยนงานจิปาถะให้ฉันมากมาย รวมไปถึงการรินชา เหอะ…แต่ฉันปฏิเสธไปแล้วละว่าฉันมาโรงพยาบาลเพื่อเป็นแพทย์ฝึกหัดไม่ใช่แม่บ้าน”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินมู่หลานก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ก็หมอหญิงวัยกลางคนที่ยืนอยู่เมื่อกี้ หล่อนใช้งานฉันเยอะที่สุดเลย ทั้งงานรินน้ำและกวาดพื้น แต่อย่ากังวล ฉันไม่สนใจหรอกนะ”
ฉินมู่หลานยังคงกังวลเล็กน้อยเมื่อได้ยินสิ่งนี้
“เพิ่งมาถึงก็โดนกลั่นแกล้งซะแล้ว ถึงวันนี้เธอจะปฏิเสธไป แต่เธอจะต้องทำงานร่วมกับคนเหล่านั้นอีกในวันข้างหน้า ฉันเกรงว่าพวกเขาจะเล่นงานเธอหนักขึ้น”
เมื่อเห็นท่าทางที่เป็นกังวลของฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยก็ยิ้มและพูดว่า “มู่หลาน เธอน่าจะรู้จักฉันดี ฉันไม่ยอมโดนเอาเปรียบแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นด้วยทักษะทางการแพทย์ของฉัน ฉันจะทำให้คนเหล่านั้นรู้ว่าฉัน หมอเซี่ย ไม่ได้มาที่นี่เพื่อเสิร์ฟชาให้พวกเขา”
“เห้อ…ถ้าอย่างนั้น ฉันก็เอาใจช่วยเธอนะหมอเซี่ย”
ฉินมู่หลานอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเมื่อเธอได้ยินคำพูดของเซี่ยปิงหรุ่ย แต่เธอก็รู้ทักษะทางการแพทย์ของเซี่ยปิงหรุ่ยดีจึงไม่กังวลมากนัก
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยพูดเกี่ยวกับเรื่องของตัวเองเสร็จแล้ว หล่อนก็มองไปที่ฉินมู่หลานแล้วถามว่า “มู่หลาน เธอเป็นยังไงบ้าง? ไม่มีใครกลั่นแกล้งเธอใช่ไหม?”
“ไม่เลย แพทย์ที่แผนกศัลยกรรมทรวงอกใจดีมาก และหมอหลี่ก็จัดห้องทำงานแยกให้ฉันต่างหากด้วย ไว้วันไหนเธออยากพักผ่อน เธอก็มาที่ห้องทำงานฉันได้”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “สองมาตรฐานชัด ๆ ฉันเพิ่งมาถึงก็ถูกจัดให้ไปนั่งในมุมห้อง แล้วก็ถูกสั่งให้ทำนั่นทำนี่ ในขณะที่เธอมีห้องทำงานส่วนตัวแล้ว”
แต่ถึงจะพูดแบบนั้น หล่อนก็ไม่แปลกใจเลย เพราะทุกคนก็รู้ทักษะทางการแพทย์ของฉินมู่หลานดี ไม่ต้องพูดถึงว่ามู่หลานเคยเป็นแพทย์ที่ได้รับคัดเลือกมาเป็นพิเศษที่นี่มาก่อน
“มู่หลาน ไปห้องทำงานของเธอกันเถอะ”
“ได้”
ฉินมู่หลานพาเซี่ยปิงหรุ่ยไปที่ห้องทำงานของเธอแล้วรินชาให้
“มู่หลาน มีชาไว้ให้เธอชงดื่มด้วยเหรอ?”
“ใช่ หมอหลี่เตรียมเอาไว้ให้น่ะ” หลี่ปิ่งฉวนช่างใส่ใจดีจริง ๆ
หลังจากที่เซี่ยปิงหรุ่ยจิบชาแล้ว เธอก็มองไปรอบ ๆ และรู้สึกว่าทุกอย่างเรียบร้อยดี
“มู่หลาน ไว้ตอนกลางวันฉันมาหาเธอที่นี่นะ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าอย่างเป็นธรรมชาติและพูดว่า “ได้ เราจะได้ไปกินข้าวเที่ยงด้วยกัน แล้วค่อยกลับมาพัก”
ทั้งสองนั่งคุยกันสักพัก จากนั้นฉินมู่หลานก็พูดคุยเกี่ยวกับการเริ่มตรวจคนไข้ในวันพรุ่งนี้
เซี่ยปิงหรุ่ยถอนหายใจและพูดว่า “ในขณะที่เธอเริ่มตรวจคนไข้แล้ว แต่ฉันยังต้องอยู่ในห้องทำงานและทำงานจิปาถะพวกนั้น”
“ปิงหรุ่ย ให้ฉันช่วยพูดกับหมอหลี่ไหมว่าขอย้ายแผนกเธอ?”
เมื่อเซี่ยปิงหรุ่ยได้ยินดังนั้นก็รีบโบกมือแล้วพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันคิดว่าภาควิชาการแพทย์แผนจีนก็ดีและสอดคล้องกับวิชาเอกของฉันมาก”
“ไม่เป็นไรจริง ๆ เหรอ?”
เมื่อเห็นท่าทางที่เป็นกังวลของฉินมู่หลาน เซี่ยปิงหรุ่ยก็หัวเราะออกมา และพูดว่า “มู่หลาน ฉันรู้ว่าเธอเป็นห่วงฉัน แต่เธอไม่ต้องกังวลนะ ฉันจัดการได้”
เมื่อเห็นว่าเซี่ยปิงหรุ่ยพูดเช่นนั้น ฉินมู่หลานจึงไม่พูดอะไรอีก
ณ ภาควิชาการแพทย์แผนจีน
เหลียงเจินชิงก็ยังคงรู้สึกโกรธมากเมื่อคิดถึงเรื่องนี้ “ทำเกินไปจริง ๆ ยิ่งคิดฉันยิ่งโกรธ”
อย่างไรก็ตามเผยเฟิ่งซูแพทย์สาวที่เพิ่งพูดบางอย่างออกไป จู่ ๆ ก็ลุกขึ้นยืนและพูดด้วยสีหน้าสำนึกผิดว่า “ว่าแล้วหญิงสาวที่เพิ่งมาพบเซี่ยปิงหรุ่ยดูคุ้น ๆ ที่แท้เธอคือหมอฉิน ไม่อยากจะเชื่อเลย หมอฉินรู้จักเซี่ยปิงหรุ่ยจริง ๆ”
“หมอฉิน? หมอฉินคือใคร?”
เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของเหลียงเจินชิง เผยเฟิ่งซูจึงอธิบายทันทีว่า “หมอฉินเป็นผู้ที่โรงพยาบาลของเราเชิญมาเป็นพิเศษ หล่อนมีทักษะทางการแพทย์ที่ดีมากและช่วยให้ผู้คนทำการผ่าตัดปอดได้สำเร็จ”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ทุกคนก็มีปฏิกิริยาเช่นกัน
“จริงเหรอ เธอไม่ได้จำผิดใช่ไหม?”
“จริงสิ ฉันจำไม่ผิดแน่”
ใบหน้าของเผยเฟิ่งซูเต็มไปด้วยความจริงจัง “ฉันเคยให้ความสนใจหมอฉินมาก่อน ฉันไม่มีทางจำผิด”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คนอื่น ๆ ก็ตระหนักได้ทันทีว่า “ไม่แปลกใจเลยที่เซี่ยปิงหรุ่ยจะหยิ่งยโสมาก ที่แท้หล่อนก็รู้จักหมอฉินนี่เอง”
………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
แบคปิงหรุ่ยใหญ่มากนะ ใครกดหัวใช้งานปิงหรุ่ยเตรียมตัว
ไหหม่า(海馬)