ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 702 รายงานตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง(1)
- Home
- ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก
- ตอนที่ 702 รายงานตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง(1)
ตอนที่ 702 รายงานตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง(1)
……….
ตอนที่ 702 รายงานตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง(1)
ฉินมู่หลานยังคงครึ่งหลับครึ่งตื่น งุนงงว่าตนเองยอมรับคำขออันไร้เหตุผลของเซี่ยเจ๋อหลี่เมื่อไร บอกตรง ๆ ว่าไม่มีความทรงจำแม้แต่น้อย
จนกระทั่งลุกขึ้นมาในวันรุ่งขึ้น ฉินมู่หลานรู้สึกเพียงว่าทั้งตัวปวดเมื่อยไปหมด ดีหน่อยที่ยังรู้สึกสดชื่น แสดงว่าเมื่อคืนเซี่ยเจ๋อหลี่จัดการเรื่องที่เหลือต่อให้เรียบร้อย แต่ถึงกระนั้นเธอก็ยังกัดฟัน ทำไมเมื่อคืนนี้ชายหนุ่มถึงกลายเป็นหมาป่าไปเสียได้ เธอได้ร้องห้ามแล้วแต่เขาก็ยังดื้อรั้นไม่ยอมฟัง
นอนพักไปครู่หนึ่ง ฉินมู่หลานจึงลุกขึ้นแล้วไปที่ห้องอาหาร
แต่คนอื่นในบ้านออกไปข้างนอกกันหมดแล้ว มีเพียงคุณย่าฉินอยู่ในห้องอาหาร เมื่อเห็นหลานสาวเข้ามาก็รีบเรียกให้กินอาหารเช้า “มีโจ๊กกับซาลาเปานะ รีบมานั่งกินเถอะ”
“ค่ะ คุณย่า”
ฉินมู่หลานกินโจ๊กไปสองชามใหญ่ เมื่อรู้สึกอิ่มแล้วจึงถามว่าเด็ก ๆ ไปไหน
“ตากับยายของหลานพาเด็กๆ ออกไปเดินเล่น ไม่ต้องห่วง มีพ่อบ้านเหยากับคนอื่น ๆ อยู่ ดังนั้นไม่มีปัญหาอย่างแน่นอน”
ได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานจึงวางใจ
เมื่อหมดห่วงเรื่องลูก ฉินมู่หลานจึงกลับเข้าไปนอนในห้อง ตั้งแต่ปิดเทอมมา เธอแทบไม่ได้พักผ่อนเลย จึงฉวยโอกาสสองสามวันนี้พักผ่อนให้เต็มที่
จนกระทั่งเด็ก ๆ กลับมา ฉินมู่หลานจึงออกมาที่ลานบ้าน
“แม่…เราซื้อของมาเยอะเลย”
ชิงชิงวิ่งเข้าหาฉินมู่หลานอย่างร่าเริง ยิ้มยกน้ำตาลปั้นในมือขึ้นมา แล้วพูดว่า “ตาทวดซื้อให้พวกเราละค่ะ”
“พวกหนูได้ขอบคุณตาทวดแล้วหรือยัง?”
“ขอบคุณแล้วครับ”
พอเห็นหน้าเด็ก ๆ ยิ้มแย้มแจ่มใส ฉินมู่หลานก็พลอยยิ้มตาม จากนั้นก็หันไปทางนายท่านเหยา และคุณนายเหยา แล้วพูดว่า “ตาคะ ยายคะ เหนื่อยไหมคะ?”
ตั้งแต่แม่กับแม่สามีของเธอเริ่มทำงานที่โรงงานผลิตเครื่องสำอาง คนชราทั้งสองก็ช่วยเลี้ยงดูเหลน ๆ อย่างเต็มที่
นายท่านเหยาและคุณนายเหยาได้ยินก็ยิ้มตอบว่า “ไม่เหนื่อยหรอก เหลน ๆ น่ารักจะตาย”
เด็กบางคนคุยไม่รู้เรื่อง พูดไม่รู้จักฟัง ก็เลยเลี้ยงดูยาก แต่เหลน ๆ ที่บ้านไม่เป็นแบบนั้นเลย น่ารักสุด ๆ เพราะแบบนี้ตายายทั้งสองถึงได้ไม่รู้สึกเหนื่อย แถมยังมีความสุขด้วยซ้ำ
“มู่หลาน เธอกับเคอวั่งก็ใกล้เปิดเทอมแล้ว สงสัยคงจะยุ่งอีกแน่ ชิงชิงกับเฉินเฉินก็ต้องไปโรงเรียนแล้วเหมือนกัน เราสองคนเลยคิดว่าจะพาถวนถวนกับหยวนหยวนไปอยู่ที่บ้านสักพักดีไหม?”
พอได้ยินคุณนายเหยาพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็หันไปถามเด็ก ๆ “อยากไปอยู่กับตาทวดยายทวดไหมลูก”
เธอให้ความสำคัญกับความต้องการของลูกๆ เป็นหลัก ถ้าลูกอยากไปอยู่ด้วยก็ไม่มีปัญหา
“ไปๆๆ”
เด็กๆ ไหวพริบดี ถวนถวนกับหยวนหยวนรู้สึกได้ว่าปู่ย่าเอ็นดูพวกเขามากกว่าพี่ ๆ ด้วยซ้ำ เพราะแบบนี้พวกเขาเลยอยากอยู่ด้วย
พอเห็นลูกทั้งสองพูดแบบนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าตอบ “งั้นพวกหนูไปอยู่สักพัก พอถึงเวลาค่อยกลับบ้าน”
“ครับ”
เด็กๆ ทั้งสองพยักหน้ารับแบบน่ารักน่าเอ็นดู
นายท่านเหยาและคุณนายเหยาเห็นฉินมู่หลานตอบตกลงแล้วก็ดีใจมาก
ฉินมู่หลานพักผ่อนอยู่บ้านสองวัน จากนั้นก็ถึงเวลาเปิดเทอม เธอและฉินเคอวั่งจึงพาชิงชิงและเฉินเฉินไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลก่อน จากนั้นทั้งคู่ก็ไปโรงเรียนด้วยกัน ส่วนถวนถวนกับหยวนหยวนพอเก็บของเสร็จก็ตามนายท่านเหยาและคุณนายเหยาไปที่บ้านตระกูลเหยา
พอฉินมู่หลานไปถึงหน้าประตูโรงเรียน ก็ได้เจอกับเซี่ยปิงหรุ่ย
เซี่ยปิงหรุ่ยได้เห็นฉินมู่หลานก็รีบโบกมือทักทายทันที
“ปิงหรุ่ย ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ”
ช่วงนี้ฉินมู่หลานไม่ได้ไปร้านซิ่งหลิน บวกกับก่อนหน้านี้ไปเซินเจิ้นด้วย เลยไม่ค่อยได้เจอเซี่ยปิงหรุ่ย
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าตาม “ใช่ ไม่ค่อยได้เจอกันเลย ได้ข่าวว่าเปิดร้านวัสดุก่อสร้างที่เซินเจิ้นแล้ว รู้แบบนี้ฉันน่าจะไปร่วมยินดีสักหน่อย”
ตอนแรกหล่อนก็คิดว่าร้านวัสดุก่อสร้างแห่งนั้นเป็นของพี่เขยกับน้องชายฉินมู่หลานเปิดร่วมกัน แต่ตอนหลังถึงรู้ว่ามู่หลานก็ลงทุนด้วย
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนั้นก็อดนึกถึงหลี่หมิงฮุยไม่ได้ เลยเล่าเรื่องของหลี่หมิงฮุยให้ฟัง
เซี่ยปิงหรุ่ยฟังแล้วก็ยกมือขึ้นเกาหัว
“อะไรนะ…ไม่น่าใช่แบบนั้นนะ ตอนนั้นฉันไม่ได้พูดอะไรกับหลี่หมิงฮุยมากมายเลยนะ เขาจะคิดแบบนั้นไปได้ยังไง มู่หลาน เธอเข้าใจผิดหรือเปล่า?”
ฉินมู่หลานส่ายหน้าตอบทันที “ไม่น่าผิดหรอก เขาพูดเองด้วยซ้ำว่าต่อให้เธอมีแฟนก็ไม่เป็นไร เพราะยังไงก็ยังไม่แต่งงาน นี่มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว”
เซี่ยปิงหรุ่ยได้ฟังก็ขมวดคิ้วทันที
“หลี่หมิงฮุยนี่เป็นอะไร ตอนนั้นฉันก็ไม่ได้ทำอะไรให้เขาเข้าใจผิดนะ” แต่พอคิดว่าหลี่หมิงฮุยอยู่ฮ่องกง คงไม่มีโอกาสมาปักกิ่งบ่อย ๆ หล่อนก็เลยไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก
“เอาเถอะ หลี่หมิงฮุยอยู่ตั้งฮ่องกง จะได้เจอกันหรือเปล่าก็ไม่รู้ ฉันไม่สนหรอกว่าเขาคิดยังไง”
ฉินมู่หลานเห็นเซี่ยปิงหรุ่ยไม่ได้ใส่ใจอะไร ก็เลยพูดเสริมอีก “เอาเป็นว่าเธอรู้เอาไว้ก็แล้วกัน”
“อืม ๆ ฉันรู้แล้ว”
ทั้งคู่คุยกันไปพลาง เดินไปพลาง จนไปถึงห้องเรียน
ครั้งนี้การรายงานตัวก็เป็นไปตามกระบวนการเดิม สิ่งที่ต่างออกไปก็คือหลังจากรายงานตัวแล้ว ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยก็ถูกเรียกตัวไปที่ห้องทำงานของหลัวซงผิง
“นักศึกษาฉิน นักศึกษาเซี่ย พรุ่งนี้พวกเธอจะต้องไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลปักกิ่ง ตั้งใจทำงานกันด้วยละ”
หากนักเรียนทั้งสองยังอยู่ที่โรงเรียนก็คงไม่ได้เรียนรู้อะไรมากแล้ว การไปฝึกงานก่อนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรู้ว่าความสามารถของคนทั้งสองคนนี้ การไปฝึกงานก็แทบไม่ต่างจากการไปทำงานจริงๆ
“ตอนไปถึงก็ลองหาโอกาสขอสวัสดิการดี ๆ ดูก็ได้ เพราะว่าฝีมือแพทย์ของพวกเธอทั้งสองคนต่างเป็นที่ประจักษ์ ต่างจากนักศึกษาฝึกงานทั่วไปอยู่แล้ว”
แต่เซี่ยปิงหรุ่ยกลับพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ พวกเราไม่ได้สนใจเรื่องสวัสดิการของโรงพยาบาล”
คิดถึงหน้าที่การงานของฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ย หลัวซงผิงก็ได้แต่นิ่งเงียบลง
หากพูดออกไปใครจะเชื่อ นักเรียนทั้งสองหาเงินเก่งกว่าเขาเสียอีก “งั้นก็ได้ พวกเธอไปที่โรงพยาบาลปักกิ่งโดยตรงก็ได้ ถ้ามีปัญหาอะไรก็สามารถติดต่อมาที่คณะได้ทุกเมื่อ”
“ค่ะอาจารย์ เรากลับก่อนนะคะ”
……………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ได้ออกจากรั้วมหาวิทยาลัยไปฝึกงานจริงแล้ว จะราบรื่นไหนน้อ
ไหหม่า(海馬)