ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 699 ไม่เป็นไร(2)
ตอนที่ 699 ไม่เป็นไร(2)
……….
ตอนที่ 699 ไม่เป็นไร(2)
เมื่อถึงเวลา เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็รีบให้ฉินมู่หลานเปิดม่านแดงผืนใหญ่ออก เผยให้เห็นตัวอักษรสีทองอร่ามที่เขียนว่า ‘ตลาดวัสดุก่อสร้างหรงเซิง’ ปรากฎสู่สายตาผู้คน
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานพิธีเปิดตลาดวัสดุก่อสร้างหรงเซิงในวันนี้ ยินดีต้อนรับทุกท่านเข้าชมสินค้าหลากหลายชนิด จากนั้นเชิญทุกท่านไปรับประทานอาหารกลางวันที่ภัตตาคารข้าง ๆ นะครับ” เซี่ยเจ๋อเหว่ยได้เตรียมโต๊ะอาหารไว้ที่ภัตตาคารข้าง ๆ เรียบร้อยแล้ว รอเวลาเฉลิมฉลองตอนเที่ยง
ทุกคนต่างก็ตอบรับด้วยเสียงหัวเราะ แม้แต่ถังซวี่ไป๋ก็ยังพาคุณแม่เดินชมไปด้วย
แต่หลังจากที่ได้เดินชมแล้ว ถังซวี่ไป๋ก็ได้พบว่าตลาดวัสดุก่อสร้างนี้มีอะไรที่น่าสนใจ สินค้าภายในครบครันมากและการตกแต่งก็ทันสมัยดึงดูดสายตา
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คือห้องตัวอย่างที่อยู่ไม่ไกลนัก ซึ่งเป็นห้องที่ตกแต่งอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟที่เพดาน พื้น หรือเตียงสไตล์ยุโรป ตู้เสื้อผ้า โซฟา ล้วนดูทันสมัยและสวยงาม
“โอ้โห สมัยนี้ห้องเขามีแบบนี้แล้วเหรอ กว้าง สว่างไสว แถมเตียงกับโซฟายังดูนุ่มน่าสัมผัสเหลือเกิน”
นี่เป็นครั้งแรกที่แม่เฒ่าถังได้เห็นการตกแต่งแบบนี้ จึงเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจ
ฉินมู่หลานได้ยินดังนั้นก็กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “คุณยายลองนั่งดูก่อนก็ได้นะคะ โซฟาตัวนี้เราขายในตลาดวัสดุก่อสร้างค่ะ นั่งสบายมากเลย”
แม่เฒ่าถังได้ยินดังนั้นก็ไม่รอช้าและนั่งลงบนโซฟา
“นั่งสบายจริงๆ นุ่มด้วย สบายกว่าเก้าอี้เยอะเลย” แม่เฒ่าถังเอ่ยขึ้นด้วยความพึงพอใจ
จากนั้นก็อดถามไม่ได้ว่า “นี่แปลว่าของใช้ทุกอย่างในห้องนี้ที่นี่มีขายหมดเลยเหรอ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าพร้อมตอบด้วยรอยยิ้มและกล่าวว่า “ใช่ค่ะ มีหมดทุกอย่างเลย เราทำห้องตัวอย่างนี้ขึ้นมาก็เพื่อให้ลูกค้าที่มาซื้อของได้เห็นภาพชัดเจนขึ้น”
“แบบนี้ก็ดีสิ ได้เห็นภาพจริง ๆ ถ้ามีลูกค้าที่มาแล้วไม่รู้ว่าจะซื้ออะไร ลองให้เขาดูห้องนี้ อาจจะทำให้เขาตัดสินใจซื้อได้เลย”
ฉินมู่หลานก็คิดอย่างนี้ จึงได้ให้เซี่ยเจ๋อเหว่ยกับฉินเคอวั่งหาคนมาตกแต่งห้องแบบนี้
“แม่ ทางนั้นเป็นตัวอย่างของห้องน้ำ พวกเราลองเข้าไปดูกัน”
“เอาสิ”
เดิมทีถังซวี่ไป๋มาหาฉินมู่หลาน แต่พอได้เห็นของจริงก็อดอยากรู้อยากเห็นไม่ได้
แม่เฒ่าถังเห็นห้องน้ำข้าง ๆ ก็อุทานขึ้นมา “โห ชีวิตสมัยนี้สะดวกเหลือเกิน ชักโครกดูสะอาดถูกสุขอนามัย แถมห้องอาบน้ำก็อาบน้ำได้สะดวกกว่าเมื่อก่อนเยอะ”
พอเห็นแม่เป็นแบบนี้ ถังซวี่ไป๋ก็อดพูดไม่ได้ว่า “ถ้าแม่ชอบ เราก็ตกแต่งบ้านเราแบบนี้เลยก็ได้นะ”
พอได้ยินอย่างนั้น แม่เฒ่าถังก็ใจเต้น แต่พอเห็นราคาแล้วก็สงบลงได้ทันที
“ซวี่ไป๋ ห้องที่เรามีอยู่ก็อยู่สบายดี”
ถังซวี่ไป๋เข้าใจดีว่าแม่เสียดายเงิน แต่ถามว่าอยากได้ไหมก็อยากได้ “แม่ เราอาจจะแค่ปรับปรุงห้องน้ำในบ้านก็ได้ ที่เหลือค่อยว่ากันทีหลัง”
พอได้ยินอย่างนั้น แม่เฒ่าถังก็ตัดสินใจพยักหน้าอย่างหนักแน่นแล้วพูดว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้นเราก็ติดตั้งโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำด้วย”
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าคำสั่งซื้อแรกจะเป็นของถังซวี่ไป๋
ฉินเคอวั่งไม่ได้คิดอะไรมาก เขารู้เพียงแค่ว่าตลาดวัสดุก่อสร้างของพวกเขาเปิดแล้ว จึงยิ้มกว้าง “อาถังครับ พวกคุณจะซื้อจริง ๆ เหรอครับ?”
“ใช่”
พอเห็นสีหน้าของฉินเคอวั่ง ถังซวี่ไป๋ก็อดหัวเราะไม่ได้ เด็กหนุ่มตรงหน้าช่างเป็นคนซื่อตรง คุยด้วยแล้วสบายใจ
พอได้ยินอย่างนั้นฉินเคอวั่งก็รีบพูดว่า “อาถัง พวกคุณเป็นลูกค้าคนแรก ผมจะลดราคาให้เลย”
พูดจบก็หันไปมองฉินมู่หลานเพื่อขอความเห็น
ฉินมู่หลานเห็นอย่างนั้นจึงพูดว่า “เคอวั่ง นายจัดการเองได้เลย ไม่ต้องสนใจฉัน”
เมื่อได้ยินคำนี้ ฉินเคอวั่งก็ทำตามความคิดของตัวเอง
“อาถัง งั้นผมจะลดให้อา 25% ถ้าคนอื่นมาซื้อก็จะลด 10 %” เขาพูดพลางคำนวณบิล สุดท้ายคำนวณราคารวมออกมาเรียบร้อย
แม่เฒ่าถังเห็นว่าลดเยอะขนาดนี้จึงรีบพูด “เคอวั่ง ไม่ต้องลดให้เป็นพิเศษหรอก เท่าไหร่ก็เท่านั้น”
“คุณยายครับ คุณเป็นลูกค้าคนแรก พวกผมอยากลดให้”
ฉินเคอวั่งอธิบายด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็ส่งใบสั่งซื้อให้ถังซวี่ไป๋
ถังซวี่ไป๋จ่ายเงินอย่างว่องไว จากนั้นก็ทิ้งที่อยู่ไว้ เผอิญวันนี้เขาพกกระเป๋าตังค์มาด้วยเลยจ่ายเงินได้ทันท่วงที
เซี่ยเจ๋อเหว่ยก็ไม่นึกว่าจะปิดการขายได้อย่างรวดเร็วขนาดนี้ สิ่งนี้ทำให้เขามีความสุขมาก จึงมอบของขวัญชิ้นเล็ก ๆ ให้ถังซวี่ไป๋เป็นการแสดงความขอบคุณ
ด้านฉินมู่หลานก็พาลูก ๆ เดินเยี่ยมชม
ในขณะที่หลี่หมิงฮุยก็ได้หาโอกาสพูดคุยกับฉินมู่หลาน
“เพื่อนร่วมชั้นฉิน ตอนนี้เพื่อนร่วมชั้นเซี่ยกำลังยุ่งๆ อยู่กับอะไรเหรอ?”
เมื่อฉินมู่หลานได้ยินเช่นนั้นก็เผลอมองหลี่หมิงฮุยอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนที่จะถาม “หมายถึงปิงหรุ่ยเหรอ?”
“ใช่ ๆ หมายถึงเซี่ยปิงหรุ่ย ตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่ไม่ได้พบกันอีกเลย”
“ปิงหรุ่ยอยู่ยุ่งอยู่กับร้านซิ่งหลินในปักกิ่งน่ะ”
หลี่หมิงฮุยได้ยินดังนั้นก็ยิ่งซักถามมากขึ้นไปอีก
ตอนแรกฉินมู่หลานก็ไม่ได้รู้สึกอะไร จนกระทั่งหลี่หมิงฮุยถามมากขึ้น เธอก็เริ่มรู้สึกว่าไม่ชอบมาพากลแล้ว
“คุณถามเรื่องปิงหรุ่ยบ่อยจังเลยนะ”
หลี่หมิงฮุยได้ยินดังนั้นก็พูดพลางหัวเราะ “ผมว่าเซี่ยปิงหรุ่ยน่าสนใจดีน่ะ ก็เลยอยากรู้จักหล่อน”
ฉินมู่หลานรู้สึกว่ามันแปลก ๆ ผู้ชายคนหนึ่งรู้สึกสนใจผู้หญิงคนหนึ่ง แปลว่าเขานึกชอบพอผู้หญิงคนนั้น
เมื่อนึกถึงเซี่ยปิงหรุ่ยที่เพิ่งคบหากับฟู่โฮ่วหลิ่น เธอจึงพูดเสริมขึ้นมา
“ใช่แล้ว นอกจากปิงหรุ่ยจะยุ่งกับงานแล้ว ก็ยังยุ่งกับเรื่องแฟนด้วย หล่อนเพิ่งคบหากับคนรักได้ไม่นาน ช่วงนี้ก็จะหวาน ๆ หน่อย”
“อะไรนะ…เซี่ยปิงหรุ่ยมีแฟนแล้วเหรอ?”
หลี่หมิงฮุยแสดงอาการไม่อยากเชื่อสุดขีด และเพราะเขาอาจเสียงดังเกินไป คนอื่น ๆ จึงหันมามอง
ฉินมู่หลานเห็นหลี่หมิงฮุยเป็นแบบนี้ก็ยิ่งมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดอยู่แล้ว “ใช่ ปิงหรุ่ยมีแฟนแล้ว คงจะแต่งงานกันหลังเรียนจบมหาวิทยาลัย”
สมัยนี้ถ้ามีแฟน โดยทั่วไปก็มักจะแต่งงานกัน
และหลี่หมิงฮุยก็เพิ่งรู้ตัวว่าเมื่อครู่ทำตัวไม่ถูกต้องนัก และเขาก็รู้ว่าฉินมู่หลานจงใจพูดให้เขาฟัง
พอคิดได้แบบนี้ เขาก็ยิ้มแล้วพูดว่า “มู่หลาน ถึงปิงหรุ่ยจะมีแฟนแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้แต่งงานนี่นา ไม่เป็นไรหรอก ใคร ๆ ก็เคยมีแฟนกันทั้งนั้น”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เสียดายล่ะสิ คิดจะจีบปิงหรุ่ยแต่โดนความจริงกระแทกหน้า
ไหหม่า(海馬)
……….