ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 686 ได้งานประมูลโรงอาหารพนักงาน
ตอนที่ 686 ได้งานประมูลโรงอาหารพนักงาน
…………….
ตอนที่ 686 ได้งานประมูลโรงอาหารพนักงาน
เมื่อได้ฟังเถียนอวี้ถาม เหลียงถงก็ส่ายหน้าและกล่าว “ก่อนหน้านี้ไม่ได้ยินเคอวั่งพูดถึงเรื่องนี้เลย”
เมื่อเห็นว่าเหลียงถงก็ไม่รู้เช่นกัน เถียนอวี้จึงไม่ได้ซักถามเพิ่มเติม แต่รีบพาเขาเข้าไปด้านใน “งั้นเราเข้าไปข้างในกันเถอะ”
เมื่อชาวคณะไปถึงห้องประชุม ถังซวี่ไป๋ก็นั่งลงที่หัวโต๊ะ ในขณะที่ฉินเคอวั่งเดินมาหาเหลียงถงเพื่อจะนั่งกับเถียนอวี้ แต่ปรากฏว่ามีคนนำเขาและเหลียงถงไปนั่งที่เก้าอี้ด้านหน้าแล้ว
เมื่อเห็นเช่นนี้ เหลียงถงก็รู้ว่าเป็นการจัดการของถังซวี่ไป๋แน่ เขาจึงอยากถามลูกศิษย์ว่ารู้จักกับถังซวี่ไป๋ตั้งแต่เมื่อใด แต่ดูเหมือนว่าไม่ใช่เวลาเหมาะที่จะถาม
ฉินเคอวั่งเพิ่งจะเข้าร่วมการประชุมที่เป็นทางการเช่นนี้เป็นครั้งแรก เขาจึงรู้สึกเกร็งเล็กน้อย แต่เมื่อนึกได้ว่าเขาอยู่ในฐานะตัวแทนบริษัทเหวินปิงเจี้ยนเซ่อ จะทำให้พ่อพวกเขาเสียหน้าไม่ได้ จึงสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อตั้งสติ แต่แล้วก็เห็นว่ามีคนจ้องมองมาที่เขา
เมื่อหันไปดูก็พบชายหนุ่มสวมสูทผูกไทอยู่ฝั่งตรงข้ามกำลังพยักหน้าให้เขา
ฉินเคอวั่งจึงพยักหน้าตอบกลับเป็นการทักทาย
คนนั้นคือเยว่จงจี เมื่อครั้งที่เขาไปที่ปักกิ่ง เขาก็เคยเห็นอีกฝ่ายอยู่ห่าง ๆ จึงได้รู้ว่าเขาเป็นน้องชายของฉินมู่หลาน แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่คุ้นกับเขา
เหลียงถงสังเกตเห็นการกระทำของฉินเคอวั่งและเยว่จงจี และพบว่าเป็นอีกคนที่ลูกศิษย์รู้จัก จึงคาดไม่ถึงว่าเคอวั่งที่มาเซินเจิ้นเป็นครั้งแรกจะพบผู้คนคุ้นเคยหลายคน
ในเวลานี้ถังซวี่ไป๋เริ่มกล่าว
“ยินดีต้อนรับทุกท่านที่เข้าร่วมการประมูลของโรงแรมเผิงเฉิง วันนี้มีหลายบริษัทมาประมูล ผมคงจะไม่พูดอะไรมากและขอให้แต่ละหน่วยงานนำเสนอแบบการออกแบบของตนเองตามลำดับ” ระหว่างที่พูดอยู่ เขายื่นมือซ้ายออกไปทำท่าทาง ให้หน่วยงานทางด้านซ้ายเริ่มนำเสนอ
ด้านข้างนี้เป็นบริษัทที่มาจากฮ่องกง ซึ่งเยว่จงจีก็เป็นหนึ่งในนั้น และบังเอิญว่าเขาเป็นคนแรกที่เตรียมพร้อมมาอย่างเต็มที่ จึงเริ่มนำเสนอโดยทันที
จากนั้นแต่ละบริษัทก็นำเสนอ จนในที่สุดก็ถึงตาเถียนอวี้
เถียนอวี้รู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะไม่มั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงที่ทำขึ้นในตอนท้ายนั้นถูกต้องหรือไม่ แต่มาถึงขั้นนี้แล้วเขาก็ต้องดำเนินการต่อให้เสร็จสิ้นการประมูลนี้ให้ได้ เมื่อเขาหยิบแผนการออกแบบขึ้นมาและเริ่มอธิบาย ถังซวี่ไป๋ก็มองเขาอย่างพิจารณา ในขณะที่เยว่จงจีและคนอื่นๆ ก็จับจ้องดูแบบการออกแบบอย่างตั้งใจ
เถียนอวี้พูดจบ เขาก็มองไปที่ถังซวี่ไป๋ ทว่ายังมีบริษัทอื่นที่ยังนำเสนอต่อ เขาจึงรีบนั่งลงทันทีที่พูดจบ
เมื่อบริษัทอื่นๆ เสนอผลงานกันครบถ้วนแล้ว ก็เหลือเพียงฉินเคอวั่งและเหลียงถงเท่านั้น
ถังซวี่ไป๋หันมาทางฉินเคอวั่ง พร้อมเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มว่า “เสี่ยวฉิน พวกนายมีพิมพ์เขียวมาด้วยหรือเปล่า”
เดิมทีฉินเคอวั่งตั้งใจจะอธิบายว่าพวกตนไม่ได้มาเพื่อเข้าร่วมการประมูล แต่พอคิดถึงแบบร่างจำนวนมากที่วาดกันในสองวันนี้ เขาก็ตัดสินใจยืนขึ้นแล้วกล่าวว่า “พวกเราก็มีแบบร่างการออกแบบอยู่บ้างครับ เชิญทุกท่านดูก่อนได้ครับ”
เหลียงถงได้ยินคำพูดของลูกศิษย์ ก็รู้ว่าเขาจะเริ่มต้นนำเสนอแล้ว จึงรีบหยิบแบบร่างที่เตรียมไว้ล่วงหน้าออกมา
ฉินเคอวั่งเห็นอาจารย์มีท่าทีเช่นนี้ เขาก็รู้ว่าอาจารย์ต้องการให้เขาเป็นคนอธิบาย จึงสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเริ่มต้นแนะนำ แต่กระนั้นก็ยังคงอธิบายจุดประสงค์ของพวกเขาในเบื้องต้น
“บริษัทเล็กๆ อย่างเรา คงรับงานใหญ่ๆ ไม่ไหว ฉะนั้นพวกเราจึงมาที่นี่เพื่อเสนอตัวในงานเล็กๆ น้อยๆ เท่านั้น พวกเราจึงไม่มีแบบร่างการออกแบบโดยรวมของโรงแรม…” ท้ายที่สุด เขาได้อธิบายแบบร่างการออกแบบห้องอาหาร โถงต้อนรับ และห้องอาหารพนักงานที่พวกเขาวาดขึ้น
เมื่อผู้ร่วมประชุมคนอื่นๆ ได้ยินประโยคแรกของฉินเคอวั่ง พวกเขาก็ไม่มองเด็กหนุ่มคนนี้อีกเลย เพราะพวกเขามาที่นี่ไม่ใช่เพื่อประมูลอย่างจริงจัง แทบไม่ถือว่าเป็นคู่แข่งด้วยซ้ำ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ได้ฟังแบบร่างการออกแบบของฉินเคอวั่ง สีหน้าของกลุ่มคนเหล่านี้ก็เปลี่ยนไป บริษัทเล็ก ๆ อย่างนี้กลับให้การออกแบบที่กล้าหาญมากและชุดรูปแบบสีที่ใช้ก็สวยงามสะดุดตา
แม้แต่ถังซวี่ไป๋ยังเผลอมองแบบร่างการออกแบบนานขึ้นเล็กน้อยและอดที่จะพยักหน้าไม่ได้
ฉินเคอวั่งนั่งลงทันทีที่พูดจบ จนกระทั่งเวลานี้เขาจึงรู้สึกว่าหัวใจเต้นแรงมาก
เหลียงถงพึงพอใจกับการนำเสนองานของฉินเคอวั่งมาก “เคอวั่ง ทำได้ดี”
ฉินเคอวั่งรู้สึกยินดีเมื่อได้รับคำชมเชยจากอาจารย์
เมื่อถังซวี่ไป๋เห็นว่าทุกบริษัทได้นำเสนอผลงานกันครบแล้ว จึงหันมายิ้มให้กับทุกคนและกล่าวว่า “พวกเราจะไปหารือกันสักครู่ แล้วจะแจ้งคำตอบให้แก่ทุกท่านอีกที”
หลังจากนั้น ทุกคนก็ออกไปด้านนอกเพื่อรอฟังข่าว
เย่วจงจีเดินไปหาฉินเคอวั่งด้วยรอยยิ้มแล้วถามว่า “สวัสดี คุณเป็นน้องชายของฉินมู่หลานใช่ไหมครับ แล้วหล่อนได้มาเซินเจิ้นด้วยหรือเปล่า?”
ได้ยินเช่นนี้ฉินเคอวั่งจึงหันไปมองเยว่จงจีด้วยแววตาเต็มไปด้วยความสงสัย ก่อนจะยิ่งรู้สึกว่าใบหน้าของบุคคลตรงหน้าช่างคุ้นเคยเสียเหลือเกิน
“ตอนแนะนำตัวตอนแรกก็ได้บอกไปแล้วว่า ผมชื่อเยว่จงจีมาจากฮ่องกง ก่อนหน้านี้ตอนที่ไปปักกิ่ง คุณฉินมู่หลานก็ดูแลพวกเราเป็นอย่างดี ผมเองก็ไม่นึกว่าจะได้มาพบน้องชายของหล่อนที่นี่”
และในตอนนี้เอง ฉินเคอวั่งก็นึกขึ้นได้
“เป็นคุณเยว่เองเหรอ พี่ของผมก็เดินทางมาที่นี่เช่นกัน”
ได้ยินเช่นนี้ เยว่จงจีก็พลันมีประกายในดวงตา ใบหน้าเต็มไปด้วยความยินดี “จริงเหรอ ดีจังเลย แล้วพวกคุณพักอยู่ที่ไหน ผมอยากจะขอเชิญไปกินอาหารค่ำด้วยกันในวันพรุ่งนี้”
ฉินเคอวั่งก็ไม่ได้ปิดบังและบอกที่อยู่เกสต์เฮาส์ที่พักอาศัยให้ทราบ
“เอาไว้ผมจะกลับไปบอกพี่สาวให้นะครับ หล่อนต้องดีใจมากแน่ๆ”
เมื่อเหลียงถงเห็นว่าฉินเคอวั่งยังรู้จักกับบุตรชายของเศรษฐีที่เดินทางมาจากฮ่องกง จึงอดไม่ได้ที่จะถามออกไป
ฉินเคอวั่งจึงรีบแนะนำอาจารย์ของตน
ได้ยินว่าเหลียงถงเป็นอาจารย์ของฉินเคอวั่ง เยว่จงจีก็เผยรอยยิ้มเช่นเดียวกันและกล่าวทักทาย
ภายในมีการพูดคุยกันไม่นานนัก เมื่อถึงเวลาก็มีการแจ้งให้ทุกคนเข้าไป และถังซวี่ไป๋ก็ได้ประกาศบริษัทที่ประมูลสำเร็จในครั้งนี้
เหลียงถงและฉินเคอวั่ง ต่างก็ไม่ได้มีความหวังในแบบแปลนของตนมากนัก เนื่องจากการเดินทางมาในครั้งนี้ของพวกเขาเป็นเพียงแค่ต้องการแสวงหาความรู้เท่านั้น ดังนั้นเมื่อได้ยินชื่อของบริษัทเหวินปิงเจี้ยนเซ่อ พวกเขาทั้งคู่ต่างก็รู้สึกตะลึง
ฉินเคอวั่งเป็นคนที่มีไหวพริบปฏิภาณดีมาก เมื่อได้ยินดังนั้นเขาก็กล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้ม
เดิมทีถังซวี่ไป๋ยังมีเรื่องอีกมากมายที่อยากจะสอบถามฉินเคอวั่ง เพียงแต่ตอนนี้มีผู้คนมากเกินไป วันนี้จึงไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม
ทางด้านเยว่จงจีที่ทราบว่าพวกตนล้มเหลว สีหน้าก็ไม่สู้ดีนัก ทว่าในขณะที่กำลังจะจากไปเขาก็หันมายิ้มให้ฉินเคอวั่งเล็กน้อย ก่อนจะแยกย้าย
ฉินเคอวั่งและเหลียงถงก็คิดจะกลับไปเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขายังต้องนำข่าวดีนี้กลับไปบอกทุกคน
เถียนอวี้เห็นว่าพวกเขาจะไป จึงเดินตรงเข้ามาพร้อมรอยยิ้มและพูดว่า “ยินดีด้วยนะ ยินดีด้วย”
“ยินดีด้วยเช่นกัน”
สุดท้ายเถียนอวี้ได้งานประมูลในครั้งนี้ไป ในตอนนี้เขาจึงตื่นเต้นมาก “เหลียงถง วันนี้ต้องขอบคุณนายมากเลย”
“ไม่ต้องขอบคุณหรอก พวกนายก็วาดแบบได้ดีด้วย”
เหลียงถงไม่กล้ารับความชอบนั้น หลังจากที่ทั้งสองคุยกันอีกสองสามประโยคก็แยกย้ายกันไป
เมื่อฉินเคอวั่งและเหลียงถงไปถึงที่พัก เขาก็เล่าเรื่องที่ได้รับงานเล็ก ๆ มาให้ทุกคนฟังทันที
“จริงเหรอ ดีมากเลยนะ”
แม้แต่ฉินมู่หลานก็ยังรู้สึกประหลาดใจ ทว่าพอได้รู้ว่าผู้รับผิดชอบคือถังซวี่ไป๋ สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
อนาคตเคอวั่งในเซินเจิ้นท่าจะรุ่งแล้ว สู้ต่อไปนะหนุ่ม
ไหหม่า(海馬)