ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 666 วางกับดัก(1)
ตอนที่ 666 วางกับดัก(1)
…………….
ตอนที่ 666 วางกับดัก(1)
ฉินมู่หลานไม่คิดว่าเกาซู่ฟางจะเตรียมของขวัญมาให้ด้วย แต่เธอก็ไม่ได้รับไว้
“อาเกาคะ ของขวัญไม่ต้องหรอกค่ะ เอากลับไปนะคะ” เกาซู่ฟางเป็นแค่อดีตคนไข้ของเธอคนหนึ่ง ไม่ได้มีอะไรเกี่ยวข้องกัน หล่อนไม่จำเป็นต้องมอบของขวัญวันหมั้นให้กับเคอวั่ง
ทว่าเกาซู่ฟางกลับยัดของขวัญให้เธอแล้วพูดว่า “เอาจริงนะ คุณหมอฉิน หลังจากนี้น้องชายของคุณต้องเรียกฉันว่าอาหญิงแล้วนะ ฉันมอบของขวัญให้มันก็ไม่แปลกอะไร แค่ฉันไม่ชอบพี่ชายสองคนของฉัน และไม่อยากกลับไปตระกูลเกาฉันเลยไม่ได้ไปร่วมงานหมั้น แต่ยังไงก็ต้องมอบของขวัญอยู่ดี”
เมื่อพูดจบ เกาซู่ฟางก็รีบจากไปเพราะกลัวว่าฉินมู่หลานจะยัดของขวัญคืนให้
ฉินมู่หลานมองเกาซู่ฟางที่จากไปแล้วอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม และเมื่อเธอกลับถึงบ้าน เธอก็นำของขวัญไปให้ฉินเคอวั่งทันที
ฉินเคอวั่งไม่คาดคิดว่าจะได้รับของขวัญจากเกาซู่ฟางเช่นเดียวกัน
“พี่ ผมรับได้ไหม?”
“รับไปเถอะ”
ฉินมู่หลานนำของขวัญมาให้ คงคิดจะให้เขารับไว้อยู่แล้ว “แต่ว่าเรื่องนี้นายต้องบอกเชี่ยนเชี่ยนด้วย เผื่อว่าตระกูลเกาจะได้ดีใจ”
“ได้ ผมเข้าใจแล้ว”
เมื่อฉินเคอวั่งบอกข่าวแก่เกาเชี่ยนเชี่ยน เกาเชี่ยนเชี่ยนก็รีบบอกกับที่บ้าน และครอบครัวเกาก็ดีใจเป็นอย่างมาก
เกาจู่ต๋าหันไปทางเกาจู่เชียนทันที “พี่ใหญ่ น้องเล็กของเราตั้งใจมอบของขวัญหมั้นให้ นั่นหมายความว่าหล่อนกำลังจะยอมรับเราแล้วใช่ไหม?”
“เป็นไปได้ หล่อนอาจจะไม่อยากกลับบ้าน แต่ก็รู้สึกดีกับคุณหมอฉินมู่หลาน ตอนนี้เชี่ยนเชี่ยนก็หมั้นกับน้องชายของคุณหมอฉิน ฉันคิดว่าหล่อนน่าจะเอ็นดูเชี่ยนเชี่ยนอยู่”
เมื่อได้ยินดังนั้นเกาจู่ต๋าก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ดูเหมือนผมจะตัดสินใจถูกแล้วที่ให้เชี่ยนเชี่ยนหมั้นกับฉินเคอวั่ง”
เกาจู่เชียนได้ยินดังนั้นก็กล่าวว่า “นายคิดอย่างนี้ก็ดีแล้ว เพราะว่าฉินเคอวั่งเองก็มีคุณสมบัติอยู่พอตัว นายไม่ควรจะคัดค้านตั้งแต่แรก”
“พี่ใหญ่ ผมดูยังไงก็มองไม่เห็นตรงไหนในตัวฉินเคอวั่งที่มันโดดเด่นกว่าคนอื่นเลย แม้ว่าเขาจะสอบติดมหาวิทยาลัยชิงหัว แต่ก็มีนักศึกษาไม่น้อยที่สอบผ่านมหาวิทยาลัยชิงหัวนะ อีกอย่างยังมีชายหนุ่มอีกมากมายที่มีผลการเรียนดีกว่า ฐานะทางบ้านดีกว่าเขา ต่อให้ผมคิดยังไงก็คิดไม่ตกว่าทำไมเชี่ยนเชี่ยนถึงได้เจาะจงเลือกผู้ชายคนนี้”
เกาจู่เชียนเหลือบมองดูน้องชายตนเองแล้วถามว่า “นายได้สืบประวัติครอบครัวฉิน อย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วเหรอ?”
“แน่นอน”
เกาจู่ต๋าจึงได้เล่าเรื่องราวที่ตนเองได้สืบเสาะมาทีละเรื่อง จนในที่สุดก็กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าฉินมู่หลานจะเป็นลูกสาวของเซี่ยฉางชิง และแม่สามีของหล่อนอย่างเหยาจิ้งจือก็เป็นคุณหนูใหญ่ที่ตระกูลเหยาตามหากลับคืนมา แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้ไม่เกี่ยวอะไรกับฉินเคอวั่งเลย ฉินมู่หลานเป็นเพียงแค่ลูกพี่ลูกน้องกับเขา ส่วนบิดาของฉินเคอวั่งก็เป็นเพียงชาวนาธรรมดา ส่วนมารดาซูหว่านอี๋ก็เป็นสมาชิกของตระกูลซูที่เสื่อมโทรมลงไปแล้ว ฉะนั้นฉินเคอวั่งจะสู้พวกหนุ่มๆ ที่มาจากตระกูลใหญ่ๆ ได้อย่างไร”
“นายรู้หรือเปล่าว่าอาจารย์ของฉินเคอวั่งคืออาจารย์เหลียงถง?”
“เหลียงถงงั้นเหรอ?”
ในตอนแรกเกาจู่ต๋านึกไม่ออกว่าเหลียงถงเป็นใคร แต่เมื่อนึกออกแล้วก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไรเป็นพิเศษ
“เหลียงถงเลิกสอนหนังสือไปนานแล้ว ในปัจจุบันก็แทบจะไม่มีฐานะอะไรแล้ว ถึงแม้ว่าอาจารย์ของฉินเคอวั่งจะเป็นเหลียงถง แล้วมันจะเป็นยังไง?”
เกาจู่เชียนสังเกตเห็นว่าน้องชายของตนเองสนใจเพียงแค่สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นและไม่ได้มองไปในอนาคตอันยาวไกลเลย
“ถึงแม้ว่าเหลียงถงจะเลิกสอนหนังสือไปแล้ว แต่นายรูหรือเปล่าว่าก่อนหน้านี้เขาเคยมีลูกศิษย์มากมายก่ายกอง นี่ยังไม่รวมฉินเจี้ยนเซ่อที่ในปัจจุบันได้ร่วมมือกับเซี่ยเหวินปิงผู้เป็นญาติสนิทของพวกเราไปสร้างฐานะที่เซินเจิ้น บริษัทรับเหมาก่อสร้างที่ทั้งสองร่วมกันก่อตั้งขึ้นนั้นทำมาหากินได้ดีมากเลยนะ อย่าเพิ่งดูถูกคนอื่นไปหน่อยเลย ฉันกลับยิ่งมองว่าเด็กหนุ่มคนนี้มีแววอนาคตไกล เขาจะต้องได้ดีในภายภาคหน้าแน่นอน”
“จริงเหรอ?”
เกาจู่ต๋าไม่อยากจะเชื่อว่าฉินเคอวั่งจะเก่งกาจสามารถมากมายนัก แต่เมื่อเห็นพี่ชายของตนเองประเมินเขาไว้สูงเช่นนี้ ก็อดรู้สึกประหลาดใจไม่ได้จริงๆ
“นายคอยดูเถอะ วันหนึ่งนายจะพบว่าสิ่งที่ตัดสินใจไปนั้นชาญฉลาดมากเพียงใด”
พูดจบเกาจู่เซียนก็หันไปทางเกาจู่ต๋าและพูดว่า “อีกสองวันข้างหน้าให้เชี่ยนเชี่ยน นำของขวัญไปตอบแทนให้อาหญิงของหล่อนบ้าง”
“รับหรือไม่รับเป็นเรื่องของน้องเล็ก ส่วนเราทำหน้าที่ของเรา”
เกาจู่ต๋าคิดว่าที่พี่ชายพูดก็เป็นเรื่องจริง จึงหาโอกาสไปพูดเรื่องนี้กับเกาเชี่ยนเชี่ยน
เกาเชี่ยนเชี่ยนได้ยินแล้วก็พยักหน้ารับคำ เมื่อถึงวันรุ่งขึ้นก็พาฉินเคอวั่งนำของขวัญไปมอบให้เกาซู่ฟาง
เมื่อเกาซู่ฟางเห็นกล่องของขวัญมากมายตรงหน้า ก็ขมวดคิ้วแล้วพูดว่า “พวกเธอนี่ให้ของขวัญกันเยอะเกินไปแล้ว”
“อาหญิงคะ ของขวัญของหนูกับเคอวั่งอยู่ตรงนี้ ส่วนกล่องอื่นนั่นของลุงกับพ่อเป็นคนให้ค่ะ”
เกาซู่ฟางมองกล่องของขวัญที่ห่ออย่างประณีตสีหน้าแปลกๆ สุดท้ายก็หันไปทางเกาเชี่ยนเชี่ยนกับฉินเคอวั่งแล้วพูดว่า “เอาล่ะ ฉันรับไว้แล้ว พวกเรารีบกลับไปเถอะ”
เดิมทีเกาเชี่ยนเชี่ยนคิดว่าอาหญิงของเธอจะไม่รับของ และได้เตรียมคำพูดที่จะโน้มน้าวเอาไว้ แต่ไม่คิดว่าเกาซู่ฟางจะรับไว้หมด หล่อนจึงอึ้งไปชั่วขณะ โชคดีที่ฉินเคอวั่งพูดขึ้นอย่างมีไหวพริบข้างๆ ว่า “อาหญิง พักผ่อนเถอะครับ ผมกับเชี่ยนเชี่ยนขอตัวกลับก่อน”
“ขอบใจมาก เดินทางกลับดีๆนะ”
ได้ยินเช่นนั้นเกาเชี่ยนเชี่ยนจึงเพิ่งรู้สึกตัว และรีบตามฉินเคอวั่งกลับไป แต่ระหว่างทางกลับเธอยังรู้สึกไม่เชื่อ “เคอวั่ง ไม่คิดเลยว่าอาหญิงจะรับไว้ทั้งหมด เธอคงเห็นแค่นายสินะ”
ฉินเคอวั่งได้ยินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “หรือว่าอาหญิงอยากจะปรับความสัมพันธ์กับครอบครัว”
“หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น”
ฝั่งเฝิงตานเห็นของที่เกาซู่ฟางหิ้วเข้ามาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่สะใภ้ ในเมื่อพี่ไม่คิดจะกลับตระกูลเกาแล้ว ทำไมถึงรับของพวกนั้นมาล่ะ?”
เกาซู่ฟางได้ยินก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ไหนๆ ตระกูลเกาก็ให้มา แล้วฉันจะไม่รับได้ยังไง พวกเขาติดหนี้ฉันเยอะแยะ ของแค่นี้เล็กน้อย”
หล่อนไม่ได้คิดจะกลับตระกูล แต่ที่รับของไว้ เพราะนี่เป็นของที่หล่อนควรได้ ทำไมหล่อนจึงจะไม่รับ
เฝิงตานรู้ว่าพี่สะใภ้เป็นคนที่มีความคิดเป็นของตัวเอง ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดนี้ จึงไม่พูดอะไรอีก
แต่เมื่อเกาจู่ต๋าและเกาจู่เชียนทราบว่าเกาซู่ฟางรับของไว้ ทั้งสองก็รู้สึกโล่งใจ
“พี่ใหญ่ น้องเล็กรับของแล้ว นั่นอาจจะหมายความว่าหล่อนไม่มีอะไรค้างคาใจกับเราแล้ว”
แต่เกาจู่เชียนกลับไม่มองโลกในแง่ดีเช่นนั้น “ให้เชี่ยนเชี่ยนไปเยี่ยมน้องเล็กอีกทีเถอะ รอจนกว่าความสัมพันธ์ของทั้งคู่จะดีขึ้นแล้ว ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป”
“ดี งั้นตกลงตามนั้น”
ความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลเกาและเกาซู่ฟางนั้นไม่แนบแน่นนัก แต่เกาเชี่ยนเชี่ยนและเกาซู่ฟางกลับสนิทสนมกัน และในที่สุดเกาซู่ฟางก็กลับมาซื้อยาที่ร้านซิ่งหลินอีกครั้ง
เมื่อฉินมู่หลานได้พบหล่อนอีกครั้ง ก็ทักทายและถามไถ่สารทุกข์สุกดิบอยู่หลายประโยค เมื่อทราบว่าหล่อนเป็นอย่างไร ฉินมู่หลานก็สบายใจและไม่ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของหล่อนอีก และเรื่องระหว่างหล่อนกับตระกูลเกานั้นเป็นเรื่องภายในครอบครัว คนนอกไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยว
เกาซู่ฟางซื้อยาเสร็จก็คิดจะกลับ
“ฉันกลับก่อนนะคะหมอฉิน”
“ไว้เจอกันค่ะ”
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
คิดจะง้อน้องเล็กกลับตระกูลต้องใช้เวลานานหน่อยนะคะ บาดแผลเรื้อรังมันต้องใช้เวลารักษาค่ะ
ไหหม่า(海馬)