ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 665 การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่(2)
ตอนที่ 665 การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่(2)
…………….
ตอนที่ 665 การรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่(2)
เมื่อได้ยินฉินเคอวั่งเรียกตนว่าอา เกาจู่ต๋าก็ไม่ได้ว่าอะไร เขายังไม่ได้แต่งงานกับลูกสาวจึงไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนคำเรียก “เอาล่ะ รีบออกเดินทางเถอะ บ้านเธอคงรอจนร้อนใจแล้ว”
เกาซุนชิวและเกาอวิ๋นเซียวก็ตามไปด้วย ถึงเวลาก็คงจะกลับมาพร้อมกัน
เมื่อฉินเคอวั่งพาคนมารับที่บ้าน หน้าบ้านก็เริ่มจุดประทัด เด็กๆ วิ่งมาที่หน้าบ้าน ตบมือด้วยความดีใจ เห็นว่าเป็นเรื่องสนุกสนาน
“เคอวั่ง เชี่ยนเชี่ยน มากันแล้วเหรอ”
ซูหว่านอี๋และฉินเจี้ยนเซ่อเห็นคนทั้งสองกลับมาก็รีบเชื้อเชิญให้เข้ามาข้างใน และพิธีหมั้นก็เริ่มขึ้น
เกาซุนชิวและเกาอวิ๋นเซียวนั่งโต๊ะเดียวกันกับฉินมู่หลาน เพราะพวกเขาคุ้นเคยกับฉินมู่หลานอยู่บ้าง
“มู่หลาน ปิงหรุ่ย พวกเราดื่มกันสักแก้วสิ”
“ได้เลย”
เซี่ยปิงหรุ่ยชนแก้วกับเกาซุนชิวอย่างไม่ลังเล ต่างจากฉินมู่หลานที่ไม่ได้ดื่มมากนัก “ฉันต้องดูแลเด็กๆ หลายคนในตอนกลางคืน ฉันดื่มเยอะไม่ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้น เกาซุนชิวก็รีบพูด “ถูกแล้ว มู่หลานดื่มน้อยๆ หน่อยนะ”
คังอันเหอที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกันก็อยากจะดื่มอยู่เหมือนกัน แต่ก็ทำได้เพียงจิบน้ำอัดลมเท่านั้น เพราะตอนนี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ครั้นสังเกตเห็นว่าสีหน้าของเกาซุนชิวดูไม่ค่อยดีนัก จึงอดไม่ได้ที่จะกระซิบกับเซี่ยปิงชิงที่นั่งอยู่ข้างๆ “เพื่อนร่วมชั้นของเธอคนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยมีความสุขเลยนะ”
“น่าจะเพราะเรื่องที่บ้าน”
ไม่ใช่แค่เกาซุนชิวเท่านั้นที่สีหน้าไม่ค่อยดี เกาอวิ๋นเซียวก็ดูหม่นหมองเหมือนกัน แต่เขาก็รู้ว่าวันนี้จะต้องแสดงออกให้ดีที่สุด เพราะนี่คืองานหมั้นของเชี่ยนเชียน
ส่วนเกาเชี่ยนเชี่ยนเองก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากนัก ตอนนี้หล่อนมีความสุขจริงๆ ตระเวนชนแก้วกับฉินเคอวั่ง และเรียกแขกคนแล้วคนเล่าด้วยเสียงหวานใส
ซูหว่านอี๋และฉินเจี้ยนเซ่อต่างก็ยิ้มแย้มเมื่อเห็นเกาเชี่ยนเชี่ยนเช่นนี้ เดิมทีพวกเขาก็ชอบเชี่ยนเชียนอยู่เป็นทุน ต่อมาเกิดเรื่องบางอย่างในตระกูลเกาทำให้พวกเขาไม่ค่อยพอใจนัก แต่เชี่ยนเชี่ยนก็ยังคงเป็นคนดี ความจริงที่ว่าเด็กๆ รักใคร่ชอบพอกันนั่นก็เพียงพอแล้ว
“เชี่ยนเชียน นี่คุณปู่คุณย่า”
เกาเชี่ยนเชี่ยนได้พบคุณปู่และคุณย่าจากครอบครัวฉินก็ทักทายอย่างยิ้มแย้ม “สวัสดีนะคะคุณปู่คุณย่า”
“อื้ม สวัสดีๆ”
เมื่อเห็นหลานชายคนเล็กหมั้นหมาย ผู้อาวุโสทั้งสองก็ดีใจมาก จึงหยิบซองแดงที่เตรียมไว้ให้มอบให้เกาเชี่ยนเชี่ยน
เกาเชี่ยนเชี่ยนไม่คิดว่าจะมีซองแดงด้วย จึงรู้สึกงงๆ อยู่พักหนึ่ง ฉินเคอวั่งจึงพูดกับหล่อนด้วยรอยยิ้มว่า “คุณปู่คุณย่าให้ รับไว้เถอะ”
เมื่อได้ยินฉินเคอวั่งพูดเช่นนั้น เกาเชี่ยนเชี่ยนจึงรับเอาไว้
หลังจากนั้น ฉินเจี้ยนเซ่อและซูหว่านอี๋ก็มอบของขวัญเป็นซองแดงและเครื่องประดับที่เตรียมไว้ “เชี่ยนเชี่ยน หลังจากนี้หนูกับเคอวั่งต้องประคับประคองกันไปนะ รอจนเรียนจบแล้วก็ค่อยแต่งงานกัน พวกเราจะเฝ้ารอวันที่ได้ดื่มเหล้ามงคลนะ”
เกาเชี่ยนเชี่ยนสังเกตได้ว่าครอบครัวบ้านฉินรักและยอมรับหล่อนจริงๆ จึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ค่ะ พวกเราทั้งสองเรียนจบแล้วจะแต่งงานกัน”
เมื่อรับประทานอาหารค่ำเสร็จ เกาเชี่ยนเชี่ยนก็ได้รับสิ่งของต่างๆ มากมาย แม้แต่ฉินมู่หลานยังได้เตรียมของขวัญไว้ให้หล่อนด้วย
เดิมทีเกาเชี่ยนเชี่ยนและครอบครัวของพวกเขาตั้งใจว่าหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็เตรียมตัวกลับ แต่เกาซุนชิวดื่มหนักไปสักหน่อย ดังนั้นทั้งสามคนจึงต้องอยู่ในบ้านตระกูลฉินต่ออีกสักพัก
แท้จริงแล้วเกาซุนชิวก็ไม่ได้เมามาก หล่อนรู้สึกดีขึ้นหลังจากดื่มชาไปสองสามแก้ว ถึงแม้จะไม่ได้ก่อเรื่องอะไร แต่ด้วยความคิดที่ว่าตัวเองดื่มหนักเกินไป ก็ยังคงรู้สึกละอายใจอยู่เล็กน้อย
ซูหว่านอี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ซุนชิว วันนี้ทุกคนมีความสุขกันทั้งนั้น ดื่มหนักไปสักหน่อยก็ธรรมดา น้าเองก็ดื่มหนักเช่นกัน”
เมื่อมองดูแก้มแดงๆ ของซูหว่านอี๋ เกาซุนชิวก็ยิ้ม “น้าซู ดีใจจังค่ะที่ครอบครัวของเราทั้งสองได้เกี่ยวดองกัน”
ซูหว่านอี๋กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่ เราทุกคนก็ดีใจเช่นกันนะ”
หลังจากที่ฉินเคอวั่งพาพวกเขาออกไปแล้ว ซูหว่านอี๋ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่เสิ่นหรูฮุ่ยและถามว่า “หรูฮุ่ย ตอนไปที่บ้านตระกูลเกาทุกอย่างยังราบรื่นดีอยู่หรือเปล่า”
“น้าซูวางใจได้ ทุกอย่างราบรื่นดีมาก ครอบครัวตระกูลเกาเองก็ไม่ได้ว่าอะไรเคอวั่ง”
เดิมทีเซี่ยเจ๋อหลี่ตั้งใจมางานหมั้นเพียงเพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน ดังนั้นเมื่องานเลี้ยงจบลง เขาก็จะต้องกลับไปพร้อมกับถูเฉิงเสียง
แต่ถูเฉิงเสียงกลับรู้สึกไม่มั่นใจในเรื่องคังอันเหอสักเท่าใด
ฟู่โฮ่วหลิ่นจึงพูดแทรกขึ้น “เฉิงเสียง ฉันจะไปส่งพี่สะใภ้กลับบ้านเอง ไม่ต้องเป็นห่วง”
ถูเฉิงเสียงรู้ว่าฟู่โฮ่วหลิ่นเป็นคนน่าเชื่อถือ ดังนั้นเมื่อได้ยินคำพูดของเขาแล้ว เขาก็วางใจ “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ฝากอันเหอด้วยนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยเห็นคังอันเหอตั้งครรภ์อยู่ ส่วนฟู่โฮ่วหลิ่นแม้จะเดินได้แล้วแต่ยังไม่หายดี จึงหันไปบอกด้วยรอยยิ้มว่า “ไป ฉันจะไปส่งเอง”
คังอันเหอกับเซี่ยปิงหรุ่ยสนิทกันอยู่แล้วจึงไม่เกรงใจ
“ได้สิ ปิงหรุ่ย อย่างนั้นก็รบกวนเธอด้วยนะ”
พอเซี่ยปิงหรุ่ยกับพวกออกไป เซี่ยปิงชิงกับเจี่ยงสือเหิงก็กลับบ้านเช่นกัน ส่วนทางเสิ่นหรูฮวนที่เดิมทีอยากจะคุยกับฉินมู่หลาน นานๆ แต่เด็กๆ เอาแต่ร่ำร้องขอให้พากลับบ้าน จึงคิดว่าค่อยเอาไว้โอกาสหน้า
หลังจากแขกทยอยกันกลับ ในบ้านก็เงียบสงบลง
ดีที่งานครั้งนี้จ้างคนมาช่วยเยอะ ฉินมู่หลานจึงแทบไม่ได้ลงมือเลย พอเก็บกวาดเสร็จทุกอย่างก็เป็นเวลาดึกดื่นแล้ว
ซูหว่านอี๋นั่งลงแล้วถอนหายใจ ก่อนจะนึกถึงลูกชายขึ้นมา
“ทำไมเคอวั่งยังไม่กลับมา เขาน่าจะส่งเชี่ยนเชี่ยนที่บ้านตระกูลเกาเรียบร้อยแล้วไม่ใช่เหรอ”
ฉินเจี้ยนเซ่อได้ยินดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “หรือจะโดนตระกูลเการั้งไว้”
ซูหว่านอี๋ คิดๆ แล้วก็เห็นด้วย นึกถึงงานหมั้นของลูกชายที่จัดเสร็จไปแล้วก็ยังรู้สึกเหลือเชื่ออยู่ แต่แล้วก็หันไปถามสามีที่เพิ่งรีบกลับมา “ว่าแต่ เจี้ยนเซ่อ คุณจะต้องกลับเซินเจิ้นเมื่อไหร่คะ”
“พรุ่งนี้แหละ”
พอได้ยินดังนั้น สีหน้าของซูหว่านอี๋ก็หน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ พรุ่งนี้ก็กลับแล้ว?”
ผู้อาวุโสฉินที่นั่งอยู่ถัดไปก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ใช่ ทำไมไม่อยู่สักสองสามวัน” แล้วก็ว่ากล่าวลูกชายคนโตของตัวเอง “เจี้ยนหัวก็เหมือนกัน นี่มันงานหมั้นของหลานชายตัวเองนะ เป็นลุงประสาอะไรไม่มางานของหลาน”
ฉินเจี้ยนเซ่อรีบพูดขึ้น “พ่อ พี่ใหญ่ฝากซองมาแล้ว ที่โน่นยุ่งมาก ถ้าเขามาที่นี่กันหมดคงวุ่นวายน่าดู”
คุณปู่ฉินยังคงไม่ค่อยพอใจ
ซูหว่านอี๋กล่าวว่า “พ่อคะ พี่ชายพี่สะใภ้ต่างก็มีน้ำใจทุกคน รอถึงคราวเคอวั่งแต่งงาน พวกเขาก็ต้องมาร่วมงานแน่ ๆ”
“ก็คงต้องรอถึงคราวเคอวั่งแต่งงานเท่านั้น ถึงตอนนั้นไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหนก็ต้องรีบกลับมา”
“พ่อ พ่อวางใจเถอะ พี่ใหญ่รับปากแล้ว”
ฉินเจี้ยนเซ่อจากไปในวันรุ่งขึ้น ส่วนฉินมู่หลานกับฉินเคอวั่งก็ต้องไปเรียนตามปกติ
แต่ตอนเลิกเรียน ฉินมู่หลานก็แวะไปที่ร้านซิ่งหลินตามเคยและได้พบกับเกาซู่ฟางอีกครั้ง
“หมอฉิน ฉันไม่คิดว่าจะได้เจอคุณอีก”
เกาซู่ฟางดีใจมากที่ได้เจอฉินมู่หลาน จึงยื่นกล่องของขวัญให้และกล่าวว่า “ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวานน้องชายของคุณหมั้น ต้องขอโทษที่ฉันไม่ได้ไปร่วมงานด้วยตัวเอง นี่คือของขวัญที่ฉันเตรียมไว้ให้ค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
ความจริงอาหญิงก็ยังห่วงหลานอยู่ล่ะ แต่ให้กลับไปอยู่บ้านตระกูลเกาคงไม่ได้จริงๆ
ไหหม่า(海馬)