ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 660 เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
ตอนที่ 660 เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
…………….
ตอนที่ 660 เปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป
เกาซู่ฟางตกตะลึงอยู่พักหนึ่งก่อนจะตั้งสติได้ สีหน้ายังคงไม่สู้ดี แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อและเดินตรงไปที่ประตู
“น้องเล็ก…”
เกาจู่ต๋าเห็นเกาซู่ฟางกำลังจะจากไป เขาอยากจะคว้าหล่อนไว้โดยไม่รู้ตัว
แต่เกาซู่ฟางมองเขาด้วยสายตาเย็นชาและพูดว่า “ฉันได้ยินว่าลูกสาวของคุณมีแฟนแล้ว เด็กคนนั้นเก่งมาก แต่คุณรังเกียจที่ครอบครัวของเขาไม่ดีพอ ฮ่า ๆ…แล้วฉันล่ะ แล้วทำไมในอดีตพวกคุณถึงยินยอมส่งฉันไปให้กับคนที่แบบนั้นได้อย่างสบายใจ ตอนนั้นทำไมไม่พูดว่าไม่คู่ควรกันล่ะ?”
“เรื่องนี้…”
เกาจู่ต๋าพูดอะไรไม่ออก และรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก
เกาซู่ฟางไม่สนใจเกาจู่ต๋าอีกต่อไป และเดินจากไปด้วยใบหน้าเย็นชา
ฉินมู่หลานและคนอื่นๆ เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดแล้ว ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีสิทธิ์พูดว่าเกาจู่ต๋าทำผิด แต่ตอนนี้จะให้พวกเขามองชายคนนี้ในแง่ดีก็คงทำไม่ได้เช่นกัน
ไม่ต้องพูดถึงคนอื่นๆ แม้แต่เกาซุนชิวก็ไม่สามารถยอมรับได้
“อารอง เมื่อก่อนพวกอาทำแบบนี้กับอาหญิง ไม่แปลกใจเลยที่เมื่ออาหญิงกลับมาที่ปักกิ่งแล้วไม่อยากกลับบ้าน เพราะหล่อนรังเกียจพวกเราไง ดังนั้นหล่อนถึงไม่อยากกลับบ้านเลย”
หลังจากพูดจบ หล่อนก็จากไปโดยไม่ต้องเสียเวลาอำลาฉินมู่หลานและคนอื่นๆ
เกาจู่ต๋าได้ยินคำพูดของหลานสาวก็รู้สึกเสียใจมากขึ้น เขาได้แต่ถอนหายใจแล้วออกไปจากร้านซิ่งหลิน
หลังจากทุกคนจากไป เซี่ยปิงหรุ่ยก็อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นว่า “โห พวกตระกูลเกาเคยทำเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ มิน่าล่ะอาเกากลับมาที่ปักกิ่งแล้วถึงไม่อยากยอมรับพวกครอบครัวเกา”
คังอันเหอและเซี่ยปิงชิงก็พยักหน้าตาม “ใช่ แม้ว่าช่วงนั้นจะวุ่นวาย และทุกคนจะหวาดกลัว ครอบครัวหลายครอบครัวก็ล้มละลาย แต่…แต่การถูกครอบครัวส่งไปให้ผู้ชายแบบนั้น แน่นอนว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่อาจลืมเลือนได้”
เซี่ยปิงชิงมองไปที่ฉินมู่หลานและพูดว่า “มู่หลาน ฉันคิดว่าเธอควรบอกเรื่องนี้กับครอบครัวเธอนะ”
เซี่ยปิงหรุ่ยพยักหน้าตาม “ใช่ ตอนนี้เคอวั่งกำลังคบหากับเกาเชี่ยนเชี่ยน เธอควรทบทวนสถานการณ์ของตระกูลเกาอีกรอบ”
ฉินมู่หลานพยักหน้าเพราะไม่คิดจะปิดบังอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อกลับถึงบ้าน เธอจึงบอกเรื่องนี้กับซูหว่านอี๋และฉินเคอวั่ง
ซูหว่านอี๋รู้สึกไม่เชื่อเมื่อได้ยิน
ฉินเคอวั่งที่อยู่ข้างๆ เงียบไปสักพักแล้วถามว่า “เชี่ยนเชี่ยนรู้เรื่องนี้ไหม?”
ฉินมู่หลานส่ายหน้าและพูดว่า “ฉันไม่รู้ แต่ดูจากท่าทางของซุนชิววันนี้ พวกเธอสองพี่น้องอาจจะไม่รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องราวเมื่อก่อน พวกเธอคงจะรับรู้เรื่องบางส่วนที่ผิดเพี้ยนไปเท่านั้น”
“เอาล่ะ ไว้ผมจะถามเชี่ยนเชี่ยนเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกที แต่เรื่องนี้ไม่ส่งผลต่อความสัมพันธ์ของเราแน่นอน เพราะตอนที่เกิดเรื่อง เชี่ยนเชี่ยนก็ยังเด็กมาก”
ซูหว่านอี๋ได้ยินคำพูดนี้ก็อดไม่ได้ที่จะมองลูกชายของหล่อนด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เราไม่ได้พูดอะไรเลย แค่บอกลูกเกี่ยวกับตระกูลเกาเท่านั้น การเลือกคู่ครอง สิ่งสำคัญคือต้องดูที่นิสัยใจคอของอีกฝ่าย เชี่ยนเชี่ยนเป็นผู้หญิงที่ยอดเยี่ยม ดังนั้นถ้าพวกลูกจะไปกันได้จริง เราสนับสนุนพวกลูกแน่นอน”
ฉินมู่หลานก็คิดแบบเดียวกัน
“เคอวั่ง ฉันแค่คิดว่าทุกคนควรจะรู้เรื่องนี้ ดังนั้นฉันจึงเอาเรื่องมาบอก ส่วนเชี่ยนเชี่ยน นายก็คบหากับหล่อนต่อไปเหมือนเดิม แต่ครอบครัวของเชี่ยนเชี่ยนยังคงไม่เห็นด้วยกับเรื่องของพวกเธอทั้งคู่ ฉันเลยไม่รู้ว่าเชี่ยนเชี่ยนจะสามารถต้านทานแรงกดดันจากครอบครัวได้หรือเปล่า”
แต่ฉินเคอวั่งมั่นใจในตัวเกาเชี่ยนเชี่ยนมาก
“เชี่ยนเชี่ยนจะไม่ยอมแพ้ในความสัมพันธ์ของเราแน่นอน” ความสัมพันธ์ของพวกเขาจะดียิ่งขึ้นเรื่อย ๆ เขาเชื่อว่าพวกเขาจะสามารถก้าวต่อไปได้
เมื่อได้ยินคำพูดของฉินเคอวั่ง ฉินมู่หลานและซูหว่านอี๋ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
เกาซุนชิวและเกาจู่ต๋ากลับบ้านทันทีหลังจากออกจากร้าน และพวกเขาก็ตรงไปหาเกาจู่เชียน
เกาซุนชิวถามเกาจู่เชียนทันทีที่เข้าประตูว่า “พ่อคะ เมื่อก่อนเรื่องที่อาหญิงโดน เป็นความผิดของพวกเราจริงๆเหรอคะ?”
หล่อนพูดถึงเรื่องที่เกาซู่ฟางพูดทั้งหมด และถามในตอนท้ายว่า “เมื่อก่อนพวกพ่อปล่อยให้อาหญิงถูกส่งตัวไปโดยไม่ทำอะไรเลยเหรอ พวกพ่อไม่เคยคิดถึงชะตากรรมของหล่อนเลยเหรอคะ?”
จนถึงตอนนี้หล่อนยังไม่สามารถยอมรับสิ่งที่ครอบครัวทำได้
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เกาจู่เชียนก็มองไปที่เกาจู่ต๋าด้วยสายตาจับผิด
เกาจู่ต๋าเห็นดังนั้นจึงรีบอธิบายว่า “พี่ใหญ่ ผมไม่ได้พูดเลย น้องเล็กพูดเรื่องราวในอดีตทั้งหมดออกมาเอง ตอนนี้ทุกคนในร้านซิ่งหลินรู้เรื่องราวในอดีตแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เกาจู่เชียนก็ขมวดคิ้วทันที
เมื่อเห็นท่าทางของพี่ชาย เกาจู่ต๋าก็รู้ว่าวันนี้เขาทำพลาดไป แต่เขารู้สึกผิดต่อเกาซู่ฟางจริงๆ ดังนั้นเมื่อเขารู้ว่าหลานสาวจะไปที่ร้านซิ่งหลินในวันนี้ เขาก็เลยติดตามไปด้วย ไม่คาดคิดว่าเขาจะได้พบกับน้องสาวเป็นครั้งแรกในวันนี้ แต่เกาซู่ฟางยังคงเกลียดชังพวกเขา และหล่อนก็ไม่ต้องการกลับบ้านกับเขา
เกาซุนชิวมองไปที่พ่อและอารองของหล่อนอย่างงุนงง แม้ว่าพ่อจะไม่ตอบคำถามเมื่อครู่ของหล่อน แต่อารองของหล่อนก็พูดแบบนั้น ดังนั้นสิ่งที่เกาซู่ฟางพูดจึงเป็นความจริง ในเวลานั้นหล่อนยังเด็ก รู้แค่ว่าเกาซู่ฟางแต่งงานแล้ว และทุกอย่างจะดีต่อครอบครัวของพวกหล่อน
แต่หล่อนไม่เคยคิดเลยว่าเกาซู่ฟางไม่ได้แต่งงานโดยความสมัครใจ แต่ถูกครอบครัวจับคลุมถุงชนราวกับหล่อนไม่มีหัวใจ
เห้อ…ครอบครัวเกาของหล่อนทำได้อย่างไร
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เกาซุนชิวรู้สึกว่าหล่อนไม่สามารถเผชิญหน้ากับพ่อและอารองของตนได้อีกต่อไป หล่อนไม่ได้พูดอะไรและรีบจากไป
เกาเชี่ยนเชี่ยนที่บังเอิญมาหาเกาซุนชิว ก็รีบตะโกนด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ ฉันกำลังหาพี่พอดีเลย”
เมื่อเห็นเกาเชี่ยนเชี่ยน เกาซุนชิวจึงหยุดชะงักและหันไปมอง “เชี่ยนเชี่ยน เธอจำอาหญิงได้ไหม ตอนเธอเด็กๆ เธอชอบอยู่กับอาหญิงและมักพูดว่าอาหญิงสวยมาก”
“จำได้สิ”
เกาเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าตอบทันที “อาหญิงสวยมากจริงๆ แต่ไม่รู้ว่าทำไมหลังจากแต่งงานแล้วหล่อนก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย คุณย่าเคยบอกว่าอาหญิงแต่งงานไกลมาก อาจจะไม่มีโอกาสได้พบกันอีกแล้ว”
เกาซุนชิวพูดด้วยน้ำเสียงเสียดสี ใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เกาเชี่ยนเชี่ยนจึงสังเกตเห็นว่าเกาซุนชิวอยู่ในอารมณ์หดหู่ รีบถามว่า “เกิดอะไรขึ้นคะพี่ เป็นอะไรหรือเปล่า?”
เกาซุนชิวไม่ได้ปิดบังเกาเชี่ยนเชี่ยนและเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนจะพูดในตอนท้ายว่า “อารองยังไม่เห็นด้วยกับความสัมพันธ์ของเธอกับเคอวั่ง แต่เมื่อก่อนเขาถึงขนาดละเลยความรู้สึกของอาหญิงและส่งหล่อนไปให้คนอื่นได้ เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าครอบครัวเราทั้งสองไม่คู่ควรกัน แล้วอาหญิงในอดีตล่ะ ทำไมพวกเขาไม่เลือกคนจากครอบครัวที่เหมาะสมบ้าง”
“อะไร…อะไรนะ…”
เกาเชี่ยนเชี่ยนแทบไม่เชื่อสิ่งที่ได้ยิน
“พี่ เข้าใจอะไรผิดไปหรือเปล่า?”
“ฉันก็หวังว่าฉันจะเข้าใจผิด แต่มันก็ไม่ผิด มันเป็นเรื่องจริง”
“เรื่องนี้…”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เท่ากับทำให้ชีวิตผู้หญิงคนหนึ่งเหมือนอยู่ในนรกทั้งเป็นเลย ก็เป็นกรรมตามสนองแล้วที่น้องสาวไม่อยากกลับมาบ้าน
ไหหม่า(海馬)