ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 659 เย้ยหยัน(2)
ตอนที่ 659 เย้ยหยัน(2)
…………….
ตอนที่ 659 เย้ยหยัน(2)
เกาจู่ต๋าเมื่อเห็นความดื้อรั้นของเกาซุนชิว เซี่ยปิงชิงและคนอื่นๆ ก็จดจำเรื่องนี้ไว้ เพียงแต่ว่าหลังจากที่เกาซู่ฟางมาซื้อยาให้กับน้องสามีคราวที่แล้ว เธอก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย พวกเขารอเกือบครึ่งเดือนจึงได้พบกับเกาซู่ฟางอีกครั้ง
“อาเกา หายไปนานเลยนะคะ”
วันนี้ฉินมู่หลานและเซี่ยปิงหรุ่ยไม่อยู่ คนที่นั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์คือเซี่ยปิงชิงและคังอันเหอ
เกาซู่ฟางอดไม่ได้ที่จะมองตามเสียงแล้วถามว่า “พวกคุณรอฉันอยู่เหรอ?”
เมื่อเห็นแววระแวงของเกาซู่ฟาง เซี่ยปิงชิงจึงรีบตอบว่า “อาเกา อย่าเข้าใจผิดนะคะ แม้จะมีคนฝากให้เราตามหาคุณ แต่หากคุณไม่เต็มใจ เราก็จะไม่แจ้งให้พวกเขารู้โดยพลการแน่นอนค่ะ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เกาซู่ฟางก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ขอบคุณมากนะคะ ฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันมาที่นี่”
หลังจากที่เกาซู่ฟางพูดเช่นนั้น เซี่ยปิงชิงก็เข้าใจความหมายของหล่อน
“ค่ะ เราจะไม่บอกซุนชิวหรือคนอื่นๆ”
วันนี้เกาซุนชิวแค่มาเยี่ยมตามปกติ แต่ไม่คิดว่าจะได้พบเกาซู่ฟาง จึงรีบบอกเกาจู่ต๋าที่อยู่ข้างๆ ว่า “อารอง! อาหญิง! นั่นอาหญิง!”
เกาจู่ต๋าเห็นเกาซู่ฟาง แล้วก็มองผู้หญิงวัยกลางคนที่อยู่ตรงหน้าด้วยแววตาแดงก่ำ “น้องเล็ก…”
เกาซู่ฟางไม่ได้คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับเกาจู่ต๋าในครั้งนี้ เห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความละอายของเขา หล่อนจึงตีหน้าขรึมลงทันที แม้แต่ยาที่กำลังจะหยิบก็วางลง
เมื่อเห็นว่าเกาซู่ฟางกำลังจะจากไป เกาจู่ต๋าก็รีบเข้าไปหาแล้วพูดว่า “น้องเล็ก อย่าเพิ่งไป เธอมาที่ปักกิ่ง แล้วทำไม่ไม่กลับบ้าน?”
เมื่อได้ยินคำนี้เกาซู่ฟางก็ถึงกับหัวเราะเยาะ
“บ้าน…นั่นมันยังเป็นบ้านของฉันอยู่เหรอ”
“น้องเล็ก…”
เมื่อเห็นสีหน้าที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังของเกาซู่ฟาง เกาจู่ต๋าก็รู้สึกเสียวแปลบในหัวใจ
เกาซุนชิวก็เห็นได้เช่นกันว่าเกาซู่ฟางไม่ชอบอารองของหล่อน จึงอยากจะพูดอะไรบางอย่างเพื่อลดความตึงเครียดลง แต่ยังไม่ได้พูดก็มีคนเดินเข้าประตูมาพร้อมเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
เมื่อเกาซู่ฟางเห็นฉินมู่หลานมา หล่อนก็เบาใจลงเล็กน้อย
“หมอฉิน”
เห็นฉินมู่หลานเข้ามา เกาซุนชิวก็ถอนหายใจ พยายามยิ้มแล้วแนะนำว่า “มู่หลาน นี่อารองของฉัน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินมู่หลานก็มองชายวัยกลางคนตรงหน้าอย่างพินิจ นี่คือพ่อของเกาเชี่ยนเชี่ยน ชายที่คัดค้านเรื่องของน้องชายของเธอกับเชี่ยนเชี่ยนมาโดยตลอด
ต่อมาเกาซุนชิวก็แนะนำฉินมู่หลาน “อารองคะ นี่มู่หลาน พี่สาวของเคอวั่ง”
เกาจู่ต๋าหันไปพยักหน้าให้ฉินมู่หลาน แล้วรีบหันกลับมาหาเกาซู่ฟาง ทันที “น้องเล็ก พี่รู้แล้วว่าเมื่อก่อนพวกเราทำผิด รู้ว่าผิดไปแล้ว แต่หลายปีผ่านไปเธอได้กลับมาแล้ว กลับบ้านกับพวกเราเถอะ”
“แค่คำว่าสำนึกผิด จะลบเลือนเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตได้เหรอ?”
เกาซู่ฟางมองหน้าเกาจู่ต๋าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเศร้าโศก คำว่าผิด จะลบล้างความทุกข์ทรมานที่หล่อนได้รับมาตลอดหลายปีนี้ได้หรือ
ฉินมู่หลานและ เซี่ยปิงหรุ่ยต่างก็ไม่มีใครรู้เรื่องราวเบื้องลึกเบื้องหลังนี้ เลยไม่มีใครพูดอะไร เพียงแต่ว่าที่นี่มันคือร้านซิ่งหลิน พวกเธอก็คงปล่อยให้เกาซู่ฟางถูกพาตัวกลับไปไม่ได้
“ถ้าอาเกาไม่อยากกลับไปกับพวกคุณก็อย่าได้ไปบังคับท่านเลย”
ฉินมู่หลานเห็นสีหน้าของเกาซู่ฟาง ก็รู้แล้วว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ไม่เช่นนั้นเธอคงไม่มองครอบครัวของตัวเองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเกลียดชังเช่นนี้
แต่ยังไม่ทันที่เกาซู่ฟางจะได้พูดอะไร เกาจู่ต๋าก็หันไปมองฉินมู่หลานด้วยสายตาเย็นชาแล้วพูดว่า “นี่เป็นเรื่องในครอบครัวของเรา คนนอกไม่เกี่ยว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินมู่หลานก็ไม่เกรงใจเช่นกันและตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “แต่ที่นี่คือร้านซิ่งหลิน ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม เราต้องจัดการค่ะ”
“เธอ…”
เกาจู่ต๋าไม่ได้คาดคิดว่าฉินมู่หลานจะพูดจาเช่นนี้ เพราะเขายังไม่ได้ยินยอมเรื่องของฉินเคอวั่งและเชี่ยนเชี่ยนเลย เขานึกว่าคนตระกูลฉินคงจะยอมตามใจเขา เพื่อให้เขายอมตกลงเรื่องของลูกสาวกับฉินเคอวั่ง แต่ฉินมู่หลานกลับแย้งเขาและยังพูดจาไม่ให้เกียรติเขาเช่นนี้
นับตั้งแต่ที่เกาซู่ฟางได้พบกับเกาจู่ต๋า หล่อนก็วางตัวห่างเหินกับทุกคน เมื่อได้ยินฉินมู่หลานพูดจาเช่นนี้กับเกาจู่ต๋า สีหน้าของหล่อนก็เริ่มดีขึ้น
“ขอบคุณหมอฉินด้วยค่ะ”
แต่เกาซู่ฟางกลับรู้ดีว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับร้านซิ่งหลินเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเกาจู่ต๋าเห็นเกาซู่ฟางแสดงความขอบคุณฉินมู่หลานเช่นนี้ เขาก็เพิ่งจะรู้ว่าน้องสาวของเขานั้นมีความรู้สึกที่ดีต่อฉินมู่หลาน จริงๆ เขาจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วหันไปมองฉินมู่หลานด้วยสายตาที่อ่อนลงเล็กน้อย “คุณหมอฉิน เมื่อกี้ผมพูดจาไม่ดีไปหน่อย ผมแค่อยากให้น้องสาวของผมกลับบ้านเท่านั้น ที่จริงแล้วครั้งนี้ที่ผมมา ผมก็อยากจะมาขอบคุณคุณหมอที่รักษาอาการป่วยให้ซู่ฟาง”
แต่เกาซู่ฟาง ไม่รับน้ำใจเลย
“หึ…เกาจู่ต๋า หากจะต้องขอบคุณ ฉันก็ต้องเป็นผู้ขอบคุณ ไม่ใช่เรื่องของคุณ”
เกาจู่ต๋ารู้ดีว่าในอดีตเป็นเขาและครอบครัวที่ทำให้เกาซู่ฟางต้องเจ็บช้ำ เขาจึงมิได้กล่าวสิ่งใดและได้แต่รับฟังเงียบๆ จนกระทั่งช่วงสุดท้ายจึงเอ่ยว่า “ซู่ฟาง เรากลับบ้านกันก่อนเถอะ แล้วเราค่อยพูดคุยกันให้เข้าใจ”
ผู้อาวุโสฉินที่เฝ้าดูอยู่ข้างๆ รู้แล้วว่าเกาจู่ต๋าเป็นบิดาของเกาเชี่ยนเชี่ยน จึงไม่ได้มีความรู้สึกที่ดีนัก ตอนนี้เมื่อเห็นว่าเขายังคงพยายามให้เกาซู่ฟางกลับบ้าน จึงอดที่จะกล่าวไม่ได้ “คุณกับครอบครัวทำร้ายคุณเกาไว้มาก ในอดีตได้ทำอะไรลงไป หากเป็นเรื่องที่ให้อภัยไม่ได้ ก็เป็นธรรมดาที่คุณเกาจะไม่ต้องการกลับไปด้วย”
เกาจู่ต๋าได้ยินดังนั้น จึงหันไปมองผู้อาวุโสฉิน แต่ก็ไม่ได้กล่าวสิ่งใดออกไป
ขณะที่เกาซู่ฟางมองเห็นแววตาเงียบงันของเกาจู่ต๋า หล่อนก็หัวเราะในลำคอ “ทำไม…พูดไม่ออกแล้วเหรอ งั้นให้ฉันเล่าให้ฟังไหมว่าในอดีตคุณและครอบครัวได้ส่งฉันไปประเคนให้คนแซ่เฝิงนั่นเพราะต้องการปกป้องตัวเองและครอบครัว หึ…ช่างมีน้ำใจมากจริงๆ”
“หืม..”
ทุกคนล้วนตกใจเมื่อได้ยินคำกล่าวนี้ แม้แต่เกาซุนชิวก็ยังมองมาที่เกาจู่ต๋าด้วยความไม่เชื่อ “อารอง สิ่งที่อาหญิงว่าเป็นความจริงเหรอคะ แต่ว่า…ในอดีตคุณย่าไม่เคยพูด…”
เกาซู่ฟางกลับหัวเราะเย็นชา “คุณแม่ผู้แสนดีของฉันนั่นแหลที่เป็นคนลงมือ หล่อนจะยอมรับได้อย่างไร หล่อนได้สละฉันผู้เป็นลูกสาวเพื่อปกป้องลูกชายของตัวเอง”
“ซู่ฟาง คุณแม่ได้จากไปนานแล้ว ท่านรู้ดีว่าตนเองทำผิดพลาด หลังจากที่เธอถูกเฝิงจัวพาตัวออกจากปักกิ่งไปแล้ว ท่านก็ทุกข์โศกเสียใจ และไม่กี่เดือนก็จากไป” เกาจู่ต๋าทุกข์ใจนัก เขารู้สึกผิดที่ทำร้ายน้องสาว รวมถึงความโศกเศร้าที่มารดาจากไปเร็วเกินไป
เกาซู่ฟางได้ตัดขาดจากตระกูลเกาไปนานแล้ว จึงไม่ได้รับรู้เรื่องราวของครอบครัว วันนี้จึงเพิ่งทราบว่าผู้เป็นมารดาที่ทรยศต่อตนเองได้จากโลกนี้ไปนานหลายปี
และในชั่วขณะหนึ่งแววตาของหล่อนก็เลื่อนลอย
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เป็นเรื่องน่าเศร้าเหมือนกันนะ ความเข้าใจผิดต่อครอบครัวไม่ได้แก้ไขเนี่ย
ไหหม่า(海馬)