ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 385 อาศัยโอกาส(2)
ตอนที่ 385 อาศัยโอกาส(2)
ตอนที่ 385 อาศัยโอกาส(2)
คนทั่วไปไม่สามารถรับรู้ถึงกลิ่นนี้ได้ แต่ถึงแม้จะได้กลิ่น ก็ไม่ทราบว่าคืออะไร แต่เธอบังเอิญทราบ สิ่งนี้เป็นยาที่แทบจะไม่มีสีและไร้กลิ่น ถึงแม้ว่าจะไม่ค่อยมีกลิ่น แต่สุดท้ายมันก็ยังส่งกลิ่นหอมจาง ๆ ออกมา และด้วยกลิ่นหอมนี้ จึงทำให้ฉินมู่หลานทราบว่าเกี๊ยวผักนี้มีบางอย่างแปลก ๆ
ยาชนิดนี้ตรวจพบได้ยากมาก หากกินยานี้เข้าไป คน ๆ นั้นจะไม่มีอาการมึนเมา แต่จะอยู่ในภวังค์สับสนและยอมทำตามที่คนอื่นสั่งทุกอย่าง
เหอะ…น่าสนใจ หญิงชราจากอีกมณฑลหนึ่ง มียาซึ่งเป็นของหายากอยู่ในมือ และมีเพียงเกี๊ยวผักที่อยู๋ในมือของเธอเท่านั้นที่โดนวางยา ส่วนเกี๊ยวผักชิ้นอื่นไม่มีเลย
เมื่อเห็นแบบนี้ ฉินมู่หลานก็เข้าใจ ว่าคุณยายผางคนนี้มีเป้าหมายเป็นตัวเธอเอง
ไม่คิดเลยจริง ๆ ว่าคนพวกนั้นจะใจร้อนมาก อยู่บนรถไฟก็ชิงลงมือแล้ว แต่สิ่งนี้ทำให้ทราบว่าสิ่งที่เธอและปิงชิงคาดเดานั้นถูกต้อง เติ้งซูหลานหาคนมาจัดการตัวเองระหว่างการเดินทางจริงๆ
และฉินมู่หลานก็ดำเนินแผนการต่อไปอย่างรวดเร็ว เธอคิดจะอาศัยประโยชน์นี้รวบตัวคนพวกนี้ทั้งหมด หลังจากนั้นก็จะใช้เปิดโปงเติ้งซูหลาน
เมื่อคิดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็เริ่มกินแป้งจี่ที่อยู่ในมือซ้าย
ลวี่ต้านีเห็นแบบนี้ จึงยิ้มแล้วพูดขึ้น “ดูเหมือนว่ามู่หลานจะชอบแป้งจี่ แต่เกี๊ยวผักก็อร่อยเหมือนกันนะ ฉันเพิ่งลองกินไปหนึ่งชิ้น ฝีมือของพี่ผางนี่ดีจริง ๆ”
ได้ยินคำพูดนี้ ฉินมู่หลานก็บอกกล่าวพร้อมรอยยิ้ม “หนูชอบกินหมดเลยค่ะ หลังจากกินแป้งจี่เสร็จแล้วจะกินเกี๊ยวผักต่อ”
คุณยายผางได้ยินแบบนี้ ก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น “ไม่เป็นไร เธอชอบกินแป้งจี่ก็กินไป เกี๊ยวผักเก็บไว้กินตอนที่เธอหิวก็ได้”
ฉินมู่หลานยกยิ้มแล้วบอกกล่าว “คุณยายผางคะ หนูชอบกินทั้งหมดนี่จริง ๆ นะคะ แต่ก็ต้องกินแบบเดิม ๆ ตลอด” พูดจบ เธอก็รีบกินแป้งจี่อย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เริ่มกินเกี๊ยวผัก
แม่เฒ่าผางเห็นว่าฉินมู่หลานกินเกี๊ยวผักจริง ใบหน้าจึงมีรอยยิ้มขึ้น
“ดูเหมือนว่าพวกเธอจะชอบเกี๊ยวผักกันหมดเลยนะ แสดงว่าฝีมือฉันยังไม่ตก”
“คุณยายผาง ฝีมือของยายดีมากเลยค่ะ เกี๊ยวผักนี้อร่อยมากจริง ๆ” ฉินมู่หลานพูดชมเพิ่มพร้อมรอยยิ้ม
แม่เฒ่าผางได้แต่โบกมือแล้วบอกกล่าว “ไม่ได้อร่อยมากอย่างที่พวกเธอว่ากันหรอก ฉันใส่ส่วนผสมเยอะขึ้น มันก็เลยออกมาอร่อยกว่าเดิมนิดหน่อย”
“นี่ก็อร่อยแล้วค่ะ”
ฉินมู่หลานพูดจบก็ลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วพูดขึ้น “คุณยาย คุณป้า ทุกคนช่วยเฝ้ากระเป๋าให้หนูหน่อยนะคะ หนูจะไปเข้าห้องน้ำค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ แม่เฒ่าผางก็รีบยิ้มแล้วบอกกล่าว “ได้ เธอรีบไปเถอะ พวกเราจะเฝ้าให้เธอเอง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้จึงเดินตรงไปทางห้องน้ำ
เมื่อฉินมู่หลานเดินไปแล้ว แม่เฒ่าผางก็ยิ้มแล้วปรายตามองลวี่ต้านี ก่อนจะพูดขึ้น “มู่หลานคนนี้นี่สวยมากเลยนะ”
“ใช่ค่ะ สวยมากเลย แต่เหมือนสาวน้อยคนนี้จะกล้าหาญมากนะคะ เดินทางมาเองตัวคนเดียวเลย”
แม่เฒ่าผางพยักหน้าแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว กล้าหาญมากเลย” หลังจากพูดจบนางก็เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง “ต้านี เธอจะลงที่ไหนเหรอ?”
“ป้าผาง ฉันเพิ่งบอกไปเอง ฉันก็จะลงที่มณฑลเหอเป่ยเหมือนกัน สถานีเดียวกับพวกคุณเลยค่ะ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของแม่เฒ่าผางก็ยกยิ้มขึ้นก่อนจะพูดว่า “พวกเราสามคนนี่ช่างบังเอิญจริง ๆ เลย”
“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกค่ะ”
ลวี่ต้านีมองแม่เฒ่าผางด้วยสายตามีเลศนัย
ทางด้านฉินมู่หลานมาถึงห้องน้ำแล้วก็พบว่ามีคนรออยู่มากมาย แต่เธอไม่ได้จะมาเข้าห้องน้ำจริง เธอใช้มือล้วงปากแล้วปิดจมูก ก่อนจะอาเจียนเอาเกี๊ยวผักที่เพิ่งกินไปออกมาจนหมด แล้วนำใส่ถุงเล็กเอาไว้
ในตอนนี้ ฉินมู่หลานมองเห็นเหวินเฉียนอย่างชัดเจน เธอหันมองเหวินเฉียนด้วยท่าทางนิ่งสงบ จากนั้นจึงหยิบปากกาและกระดาษที่นำติดตัวออกมา แล้วรีบเขียนตัวอักษรบรรจง
เหวินเฉียนเข้าใจความหมายที่ฉินมู่หลานจะสื่อได้ทันที ก่อนจะถือแก้วน้ำขึ้นแล้วเดินเข้ามาทางนี้ เมื่อเข้าใกล้ฉินมู่หลาน จึงทำเป็นเดินชนเธอเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนจะรีบพูดขึ้นด้วยความประหม่า “ขอโทษที่ชนคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่ชนเบา ๆ เอง”
ฉินมู่หลานตอบกลับพร้อมรอยยิ้ม ขณะเดียวกัน ก็ส่งข้อความใบเล็กที่อยู่ในมือไปยัดใส่ไว้ในมือของเหวินฉียน
หลังจากฉินมู่หลานจัดกาเรื่องทั้งหมดนี้แล้วก็ไปรอต่อแถวเข้าห้องน้ำ และเหวินเฉียนยังคงถือแก้วน้ำก่อนจะเดินต่อไป
หลังจากฉินมู่หลานเข้าห้องน้ำเสร็จเรียบร้อยก็มุ่งหน้ากลับไปที่นั่ง
แม่เฒ่าผางเห็นฉินมู่หลานจึงรีบถามขึ้น “มู่หลาน ห้องน้ำคนเยอะเหรอ ทำไมถึงเพิ่งกลับมาล่ะ”
ฉินมู่หลานบอกกล่าวพร้อมกับบ่นให้ฟัง “ใช่ค่ะ คนเยอะมากเลย หนูรอต่อคิวนานมาก”
“นั่นก็ช่วยไม่ได้นะ คนเยอะขนาดนั้น ฉันคงไปเข้าทีหลังดีกว่า”
แต่ลวี่ต้านีลุกขึ้นยืนก่อนจะพูดขึ้น “คุณป้า มู่หลาน ฉันก็จะไปเหมือนกัน เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อกี้ยังไม่ได้ดื่มน้ำเลย” เมื่อเธอกลับมา ก็ผ่านไปสักพักหนึ่ง “เหมือนที่มู่หลานบอกเลย คนเยอะมาก คุณป้า ต้องรอก่อนแล้วล่ะค่ะ”
แม่เฒ่าผางพยักหน้าตามตรงแล้วบอกกล่าว “ใช่ เดี๋ยวฉันค่อยไปทีหลัง ยังไม่รีบร้อนหรอก”
อีกด้านหนึ่ง เหวินเฉียนอาศัยจังหวะตอนที่ไม่มีคนสนใจ เปิดอ่านข้อความที่ฉินมู่หลานส่งให้ จากนั้นก็หาโอกาสโยนออกไปทางนอกหน้าต่างรถ หลังจากเธอไปเอาน้ำร้อนเรียบร้อยแล้วก็กลับมานั่งที่ของตัวเอง ก่อนจะใช้วิธีการติดต่อสื่อสารที่มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่เข้าใจ และส่งต่อข้อความไป
ระยะทางจากเมืองหลวงถึงฐานทัพของเซี่ยเจ๋อหลี่ไม่ค่อยไกลมากนัก ในที่สุดรถไฟก็มาถึงสถานีปลายทาง และแววตาของฉินมู่หลานก็ค่อย ๆ มืดมนลง
แม่เฒ่าผางเห็นแบบนี้ จึงกระซิบถาม “มู่หลาน พวกเรามาถึงแล้ว เธอลงรถไฟพร้อมกับพวกเราเถอะ”
ฉินมู่หลานไม่พูดอะไร และพยักหน้าอย่างคนซื่อ
เมื่อเห็นฉินมู่หลานพยักหน้า แววตาของแม่เฒ่าผางจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้ม “ดีเลย พวกเราลงพร้อมกันตอนนี้เลยนะ” หลังจากพูดจบ นางกับลวี่ต้านีก็ยืนอยู่ขนาบข้าง แล้วพาฉินมู่หลานลงจากรถไฟไปด้วยกัน
หลังจากทั้งสามลงจากรถไฟแล้ว ฉินมู่หลานก็เดินตามทั้งสองคนไปอย่างล่องลอย อาศัยจังหวะในขณะที่ทั้งสองไม่ทันได้สังเกต ส่งสายตาส่องประกายวาบขึ้นมา แต่ขณะที่ทั้งสองหันมอง ก็เปลี่ยนเป็นทำแววตาหมองคล้ำไร้ชีวิตชีวา ประหนึ่งหุ่นเชิดไร้วิญญาณ
“คุณป้า เดี๋ยวฉันไปดูก่อนนะคะว่ามีเกวียนวัวไหม คุณป้ากับมู่หลานรออยู่ตรงนี้ก่อนนะคะ”
“ได้ เธอรีบไปเถอะ”
ลวี่ต้านีลงมือรวดเร็วมาก ไม่นานก็พาเกวียนวัวมา หลังจากนั้นแม่เฒ่าผางกับลวี่ต้านีก็ช่วยกันประคองฉินมู่หลานขึ้นไปบนเกวียนวัว และพวกเธอก็ได้นั่งขนาบข้างฉินมู่หลานทั้งซ้ายและขวา มุ่งหน้าไปพร้อมกับเกวียนวัวอันแสนง่อนแง่น
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
จะพาตัวมู่หลานไปไหนอีกน้อ กองกำลังลับเตรียมตัวช่วยมู่หลานแล้วหรือยัง
ไหหม่า(海馬)