ทะลุมิติสู่ยุค 70 ไปแต่งงานกับผู้ชายคลั่งรัก - ตอนที่ 350 คุณหนูคนโตแห่งตระกูลเซี่ย(2)
ตอนที่ 350 คุณหนูคนโตแห่งตระกูลเซี่ย(2)
ตอนที่ 350 คุณหนูคนโตแห่งตระกูลเซี่ย(2)
ฉินมู่หลานเล่าชีวิตของตัวเอง หลังจากนั้นก็กล่าวต่อ “เมื่อไม่นานมานี้ เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงก็ได้รู้ตัวตนของฉันแล้วเหมือนกัน เพราะฉะนั้นพวกหล่อนจึงเกลียดฉันมากกว่าเดิม ซึ่งฉันก็จะปฏิบัติแบบเดียวกันกับพวกหล่อน เติ้งซูหลานอาจจะเป็นคนฆ่าแม่แท้ ๆ ของฉันด้วย หากเรื่องนี้เป็นจริง ฉันก็จะแก้แค้นให้แม่แท้ ๆ ของฉันแน่นอน”
“อะไรนะ…”
สองพี่น้องเซี่ยปิงหรุ่ยกับเซี่ยปิงชิงตกใจมากเมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซี่ยปิงชิงเป็นฝ่ายมีปฏิกิริยาตอบโต้ก่อน เอ่ยขึ้น “นี่ก็หมายความว่า พวกเราเป็นพี่น้องกันน่ะสิ”
เมื่อได้ยินแบบนี้ เซี่ยปิงหรุ่ยก็ตอบสนองเช่นกัน ก่อนจะอดยิ้มแล้วพูดขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “ใช่แล้ว ทำไมฉันถึงไม่เคยรู้มาก่อนนะว่าเธอเป็นลูกพี่ลูกน้องของพวกเรา ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็เป็นญาติกันจริง ๆ น่ะสิ”
หลังจากพูดจบ อยู่ ๆ หล่อนก็ตระหนักขึ้นมาได้ “ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเธอถึงเก่งเรื่องยา ที่แท้ก็เป็นพรสวรรค์ด้านการแพทย์ที่สืบทอดมาจากตระกูลเซี่ยของเรานี่เอง”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็หันมองเซี่ยปิงหรุ่ยอย่างนึกขบขัน ก่อนจะกล่าวขึ้น “ฉันไม่ได้เรียนวิชาแพทย์ของตระกูลเซี่ยนะ ฉันเรียนมาจากคุณปู่ของฉัน”
“ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่เธอก็มีพรสวรรค์ ทำให้เรียนรู้ได้ดีขนาดนี้”
“ใช่ ฉันมีพรสวรรค์อยู่แล้ว”
เดิมทีเซี่ยปิงหรุ่ยคิดว่าฉินมู่หลานเก่งมากอยู่แล้ว อีกทั้งยังชื่นชมเธอมาก ตอนนี้เมื่อทราบว่าเป็นญาติกัน จึงรู้สึกสนิทสนมกันมากขึ้นกว่าเดิม “มู่หลาน รอให้ปู่ฉันเจอเธอก่อนเถอะ พรสวรรค์ของเธอยอดเยี่ยมมาก ดีกว่าของฉันกับปิงชิงอีก”
พวกเธอสองพี่น้องยังไม่เคยพัฒนาสูตรยาที่มีประโยชน์มากมายได้เท่านี้มาก่อนเลย
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็ปรายตามองเซี่ยปิงหรุ่ย ก่อนจะพูดขึ้นว่า “เธอจะพูดยังไงก็ได้ แต่อย่าดึงฉันเข้าไปเกี่ยวด้วยสิ”
“มู่หลานเป็นอย่างนั้นจริงนี่ ฉันก็ไม่ได้ผิดสักหน่อย”
เซี่ยปิงชิงได้ยินแบบนี้ก็ไม่ขัดอะไร กลับหันไปมองฉินมู่หลานแล้วเอ่ยถาม “แล้วเธอมีแผนยังไงต่อไป?”
เซี่ยปิงหรุ่ยมีปฏิกิริยาสนใจขึ้นมาเหมือนกัน รีบหันไปมองทันที “ใช่แล้วมู่หลาน เติ้งซูหลานกับเซี่ยอวี่หรงสองแม่ลูกคิดจะจัดการเธอ อย่างนั้นเติ้งซูหลานคนนั้นก็คงเป็นศัตรูตัวฉกาจของเธอเลยก็ว่าได้ แล้วแบบนี้เธอจะทำยังไงต่อไป?”
“ฉันจะกลับตระกูลเซี่ย”
ในเมื่ออีกไม่ช้าต้องกลับไป ฉะนั้นการบอกกล่าวกับเซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงให้ทราบก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย
“เธอกลับไปก็ดี จะได้ลองสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นได้ด้วย อีกอย่างเธอควรคิดหาวิธีคว้าทุกสิ่งของบ้านรองตระกูลเซี่ยในปักกิ่งมาไว้ในกำมือ ถ้าเป็นอย่างนั้น สองแม่ลูกต้องอกแตกตายแน่”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ยกยิ้มแล้วพยักหน้าพลางพูดขึ้น “ใช่ ฉันเองก็คิดแบบนั้นแหละ”
เธอพูดคุยกับสองพี่น้องเซี่ยปิงหรุ่ยและเซี่ยปิงชิงอีกสักพักแล้วจึงกลับไป
ซูหว่านอี๋เห็นฉินมู่หลานกลับมาบ้านแล้ว จึงรีบเล่าเรื่องทางฝั่งเซี่ยฉางชิงให้ฟังทันที “มู่หลาน ดูแล้วเซี่ยฉางชิงกำลังจะเตรียมพาตัวลูกกลับเข้าตระกูลเซี่ย แล้วให้ลูกเป็นคุณหนูคนโตของตระกูลเซี่ยนะ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ฉินมู่หลานก็พยักหน้าและพูดอย่างช่วยไม่ได้ “ถ้าเซี่ยฉางชิงตั้งใจแบบนั้นก็ดีค่ะ ช่วยพวกเราลดทอนปัญหาได้เยอะเลย พวกเราก็แค่รอเซี่ยฉางชิงหาหลักฐานให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินเข้าตระกูลเซี่ยเลย”
เมื่อคิดว่าลูกสาวจะกลับตระกูลเซี่ย ซูหว่านอี๋ก็เต็มไปด้วยอารมณ์ที่ยากจะอธิบาย
“มู่หลาน ลูกคงจะไม่ได้เข้าไปอยู่ที่บ้านตระกูลเซี่ยหรอกใช่ไหม??”
ฉินมู่หลานรีบส่ายหัวทันทีเมื่อได้ยินแบบนี้ พลางบอกกล่าว “เปล่าค่ะ หนูแค่กลับไปแสดงตัวตนเท่านั้น ต่อให้เข้าตระกูลเซี่ยแล้วหนูก็คงไม่พาลูก ๆ ทั้งสองคนไปด้วยหรอกค่ะ ยังไงหนูก็จะกลับมาที่นี่”
เธอกับเซี่ยเจ๋อหลี่สองสามีภรรยาจะกลับไปที่บ้านตระกูลเซี่ย แต่ไม่ให้ลูกสองคนไปด้วยอย่างแน่นอน เพราะกลัวว่าจะไม่สามารถดูแลลูกทั้งสองคนได้ในบางเวลา
ซูหว่านอี๋ได้ยินแบบนี้ก็มีความสุขมาก
“จริงเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ดีมากเลย”
อีกด้านหนึ่ง หลังจากเซี่ยฉางชิงกลับไป เขาก็เริ่มสืบเรื่องราวในปีนั้นทันที ตอนนี้จึงได้ทราบแล้วว่ามู่หลานเป็นลูกสาวของเขาจริง ๆ ในเมื่อทุกอย่างมีเบาะแสพร้อม เขาก็ต้องรีบหาหลักฐานให้เร็วที่สุด
ทว่าเรื่องราวได้ผ่านมานานหลายปีแล้ว ต่อให้ตอนนี้เซี่ยฉางชิงจะมีเส้นสายมากมายแค่ไหนก็ยังต้องใช้เวลาถึงเกือบครึ่งเดือนจึงจะได้หลักฐานสำคัญทั้งหมด ตอนแรกเขาต้องการไปพบมู่หลาน แต่ฉินมู่หลานกลับตอบกลับมาว่าจะไม่ยอมพบจนกว่าจะเอาหลักฐานมากางตรงหน้า ดังนั้นหลังจากที่เขาทราบว่าฉินมู่หลานเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตน จึงยังไม่สามารถพบหน้ามู่หลานได้ในทันที
เมื่อเซี่ยฉางชิงได้รับหลักฐานทั้งหมดแล้ว สุดท้ายเขาก็ได้เจอหน้าลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองกับซูหว่านอวี๋เสียที
“มู่หลาน…”
ยามเซี่ยฉางชิงได้พบฉินมู่หลาน ดวงตาก็เปลี่ยนเป็นสีแดงทันที ไม่คิดเลยว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยพบหน้าลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเองแล้ว แต่ตอนนั้นเขาไม่รู้เรื่องเลยสักนิด กระทั่งได้ทราบความจริงในปีนั้น
“เลขานุการเซี่ยคะ ไม่ทราบว่าฉันขอดูสิ่งที่คุณค้นเจอได้ไหมคะ”
เมื่อได้ยินลูกสาวเรียกตัวเองแบบนั้น เซี่ยฉางชิงก็รู้สึกอึดอัดนิดหน่อย แต่ก็ไม่ได้พูดคัดค้านและส่งข้อมูลที่มีอยู่ในมือไปให้เธอแทน ก่อนจะกล่าวขึ้น “ได้อยู่แล้ว นี่เป็นข้อมูลที่พ่อหาเจอทั้งหมด เท่านี้ก็เพียงพอที่จะพิสูจน์ได้แล้วว่าลูกเป็นลูกสาวของพ่อกับหว่านอวี๋ พ่อไปคุยกับคุณปู่คุณย่าแล้ว รอแค่ฤกษ์งามยามดีก็จะพาลูกกลับเข้าตระกูลเซี่ย รวมถึงครอบครัวปัจจุบันของลูกด้วย”
ฉินมู่หลานได้ยินแบบนี้ก็ไม่ได้พูดอะไร พลางตรวจสอบข้อมูลที่เซี่ยฉางชิงมอบให้
เซี่ยฉางชิงตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาไปพบแม้กระทั่งหมอที่ทำคลอดให้ทั้งซูหว่านอวี๋และซูหว่านอี๋ และเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน เขายังพาตัวคนมาที่นี่มาที่นี่ด้วย เพียงแต่หลังจากอ่านหลักฐานทั้งหมดแล้ว ฉินมู่หลานกลับพบว่าไม่มีเบาะแสเกี่ยวกับการฆาตกรรมซูหว่านอวี๋เลยแม้แต่น้อย
“เลขานุการเซี่ยคะ เอกสารพวกนี้ใช้เป็นหลักฐานได้ก็จริง แต่ว่า…คุณไม่เคยสงสัยเลยเหรอคะว่าแม่แท้ ๆ ของฉันเสียชีวิตขณะคลอดจริงหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินแบบนี้ สีหน้าของเซี่ยฉางชิงก็เปลี่ยนไป ก่อนจะเอ่ยถาม “มู่หลาน ยังมีอะไรที่พ่อยังไม่รู้อีกอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินมู่หลานหันมองเซี่ยฉางชิงพลางเอ่ยถามขึ้น “คุณรู้ไหมคะว่าเติ้งซูหลานส่งคนไปที่มณฑลซานตง หลังจากที่คนๆ นั้นไปถึง แม่ของฉันก็ใกล้จะคลอดลูกแล้ว แล้วมันก็บังเอิญเกิดอุบัติเหตุคลอดยากระหว่างการคลอด ทำให้แม่ฉันเสียชีวิตในทันที”
“ลูกหมายถึง…การเสียชีวิตของหว่านอวี๋ไม่ใช่อุบัติเหตุอย่างนั้นเหรอ?”
ฉินมู่หลานพยักหน้าแล้วบอกกล่าวทันที “ใช่ค่ะ ฉันให้คนลองไปสืบเรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นอย่างละเอียด ก่อนจะพบว่าคนที่โดนส่งมาที่มณฑลซานตงทำตามคำสั่งของเติ้งซูหลานค่ะ”
“เติ้งซูหลาน…”
ใบหน้าของเซี่ยฉางชิงพลันยับยู่น่าเกลียด ครั้งนี้เขาต้องการหาหลักฐานว่ามู่หลานเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของตัวเอง จึงไม่ได้ตรวจสอบเรื่องอื่นมากมายนัก เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หลานในตอนนี้ ก็พบว่าการเสียชีวิตของหว่านอวี๋คงจะไม่ใช่เรื่องธรรมดา
คิดได้แบบนี้ เซี่ยฉางชิงก็หันมองแล้วบอกกับฉินมู่หลาน “มู่หลาน ลูกไม่ต้องห่วงนะ พ่อจะตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด”
เมื่อเห็นเซี่ยฉางชิงพูดแบบนี้ ฉินมู่หลานก็ยกยิ้ม หลังจากนั้นก็เอ่ยขึ้น “ค่ะ ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอฤกษ์ดี แล้วกลับไปตระกูลเซี่ยค่ะ”
เมื่อได้ยินว่ามู่หลานตอบตกลง เซี่ยฉางชิงก็มีความสุขมาก พอเขากลับถึงบ้านก็ตรงไปบอกเรื่องนี้กับพ่อแม่ทันที
“พ่อครับแม่ครับ มู่หลานเป็นลูกสาวคนโตของตระกูลเซี่ยเรา อีกไม่กี่วันผมจะไปพาหล่อนกลับมา”
“เพล้ง…”
เสียงจานร่วงแตกกระจายบนพื้นดังสนั่น เติ้งซูหลานยืนอยู่ตรงหน้าประตูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง พลางจ้องมองเซี่ยฉางชิงตาเขม็ง
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
เริ่มอยู่ไม่สุขแล้วล่ะสิสองแม่ลูกอสรพิษ แต่นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นแหละค่ะ
ไหหม่า(海馬)