ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 97 ซ้อมเซี่ยต้าเฉียง
ตอนที่ 97 ซ้อมเซี่ยต้าเฉียง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้สึกเจ็บปวดที่ขาจริงๆ ทั้งยังปวดมากด้วย
เขาพยายามกดข่มความเจ็บปวดไว้อย่างสุดกำลัง มองลู่เจียวพร้อมเอ่ยถาม “การผ่าตัดเป็นอย่างไรบ้าง ขาข้าไม่มีปัญหาใช่หรือไม่”
ลู่เจียวยิ้มตอบ “เจ้าวางใจได้ การผ่าตัดประสบความสำเร็จอย่างมาก หากพักฟื้นให้ดี ขาของเจ้าก็จะไม่มีปัญหาอะไรอีก หลังจากผ่านไปสามเดือน เจ้าก็จะเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ จะวิ่งหรือกระโดดก็ได้ตามใจปรารถนา”
ดวงตาลึกล้ำของเซี่ยอวิ๋นจิ่นฉายประกาย เต็มไปด้วยความซาบซึ้ง มุมปากก็โค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน
“ดี ดียิ่ง”
ในที่สุดขาของเขาก็ไม่เป็นอะไรแล้ว ในที่สุดเขาก็จะเดินได้แล้ว ตอนนี้เขารู้สึกอยากขอบคุณสวรรค์เหลือเกิน ขอบคุณที่มอบแรงขับเคลื่อนในการใช้ชีวิตต่อไปให้เขาอีกครั้ง
ผู้ใหญ่บ้านรวมทั้งชาวบ้านที่อยู่ในห้องต่างเข้ามาพูดคุยกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น ต่างบอกให้เขาตั้งใจฟื้นฟูขาให้ดี
“อวิ๋นจิ่น ตอนนี้ขาของเจ้าผ่านการผ่าตัดมาแล้ว ตั้งใจพักฟื้นให้ดีล่ะ”
“ใช่ พักฟื้นให้สบายเถอะ หากต้องการอะไร ก็ไปขอที่บ้านพวกเราได้”
“ใช่ๆ”
คนในตระกูลกำชับแล้วทยอยกันเดินออกไป ทิ้งของฝากของเยี่ยมไว้ให้มากมาย มีทั้งไข่ไก่ ข้าวสาร แป้ง ผัก ยังมีไก่ที่ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างนำมาให้อีก
ลู่เจียวเห็นแล้วลำบากใจ คนพวกนี้ใช้ชีวิตค่อนข้างยากเข็ญ ยามปกติยังตัดใจกินอาหารพวกนี้ไม่ลงด้วยซ้ำ
ดังนั้นนางจึงเดินตามพวกผู้ใหญ่บ้านออกไป อยากจะคืนของให้ คิดไม่ถึงว่าผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกลับตำหนินางด้วยสีหน้าบึ้งตึง
“รังเกียจที่น้อยไปหรืออย่างไร ตอนนี้การบำรุงร่างกายอวิ๋นจิ่นคือเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ลู่เจียวยังจะพูดอะไรได้อีก ทำได้เพียงกล่าวขอบคุณคนในตระกูลเหล่านั้น
ในเรือนตะวันออก เซี่ยอวิ๋นจิ่นย่อมรับรู้เรื่องพวกนี้เช่นกัน พอเห็นลู่เจียวเดินเข้ามาอย่างจนใจ เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
“รับของไว้เถอะ วันหลังค่อยตอบแทนน้ำใจก็ได้”
ลู่เจียวพยักหน้า มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นพร้อมกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้เคยบอกไว้ว่าจะสอนให้พวกเขารู้จักสมุนไพร ในเมื่อตอนนี้ขาเจ้าผ่าตัดเสร็จแล้ว ข้าคิดว่าอีกสองวันจะเริ่มสอนพวกเขา”
“ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าอนุญาต
ลู่เจียวเห็นเขาปากค่อนข้างแห้ง จึงลุกขึ้นไปหยิบน้ำแกงหวานในครัว นางใส่น้ำแร่จากน้ำพุจิตวิญญาณไว้ในน้ำแกงหวานด้วย
ลู่เจียวเพิ่งจะยกน้ำแกงหวานเข้ามาในเรือนตะวันออก ด้านนอก เซี่ยเหล่าเกินก็พาเซี่ยต้าเฉียงเดินเข้ามาแล้ว
นอกจากสองพ่อลูก ก็ไม่เห็นคนอื่นอีกแล้ว
เมื่อเห็นพวกเขามา ลู่เจียวก็เอ่ยทักทาย “ท่านพ่อ พี่ใหญ่ พวกท่านมาแล้วหรือ”
เซี่ยเหล่าเกินกับเซี่ยต้าเฉียงไม่ได้ตอบรับอะไร ทำเหมือนไม่ได้ยิน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่ในห้องมองเซี่ยเหล่าเกินกับเซี่ยต้าเฉียงด้วยแววตาหดหู่เล็กน้อย ก่อนหันไปมองลู่เจียว
ลู่เจียวเห็นเซี่ยเหล่าเกินกับเซี่ยต้าเฉียงไม่สนใจนาง นางก็ไม่แยแสพวกเขาเช่นกัน ยกน้ำแกงหวานเดินไปข้างเตียงแล้วป้อนให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นดื่ม จนกระทั่งเซี่ยอวิ๋นจิ่นดื่มหมดไปแล้วหนึ่งชาม ลู่เจียวก็ถือชามเดินออกไป
จากนั้นเซี่ยเหล่าเกินกับเซี่ยต้าเฉียงก็ถามไถ่อาการของเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยความเป็นห่วง
ลู่เจียวทำราวกับไม่ได้ยิน เดินจากไป เถียนซื่อที่อยู่ในโถงข้างนอกสีหน้าไม่ค่อยดี นางเดินตามลู่เจียวออกไป แล้วถามเสียงเบา
“พ่อสามีเจ้าเป็นอะไรไปแล้ว เมื่อครู่นี้ข้าเรียกเขา แต่เขาไม่สนใจข้า”
ลู่เจียวส่ายหน้า “ไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก สมองมีปัญหา”
พอนางกล่าวจบก็เริ่มปรึกษากับเถียนซื่อว่าเย็นนี้จะทำอาหารอะไร เนื่องจากเซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งเข้ารับการผ่าตัดมา ลู่เจียวจึงตัดสินใจจะต้มโจ๊กกวางตุ้งโดยใช้ผักกวางตุ้งที่นางปลูกไว้ก่อนหน้านี้ ตอนนี้โตเท่าฝ่ามือแล้ว เหมาะจะเด็ดไปทำโจ๊ก
ลู่เจียวไปถอนผักกวางตุ้ง ส่วนเถียนซื่อก็ซุบซิบกับนางอย่างลับๆ ล่อๆ
“เจียวเจียวเอ๊ย แม่ขอคุยอะไรกับเจ้าหน่อย”
ลู่เจียวมองหน้ามารดา เถียนซื่อกล่าวเสียงเบาว่า “บริเวณบ้านของพวกเจ้าเป็นทำเลทองจริงๆ วันข้างหน้าหากเจ้ามีเงินแล้ว อย่าลืมสร้างเรือนใหม่บนที่ดินผืนนี้ เติมทำเลทองนี้ให้เต็ม เช่นนั้นแล้วในอนาคตครอบครัวพวกเจ้าจะต้องเปี่ยมด้วยสิริมงคลแน่นอน”
ลู่เจียวมองเถียนซื่ออย่างประหลาดใจ “ท่านแม่ ท่านมองออกได้อย่างไรว่าที่นี่คือทำเลทอง”
เถียนซื่อกระซิบข้างหูนาง “ตอนที่ข้าเพิ่งมาที่นี่ ผักบ้านเจ้าเพิ่งจะแตกหน่ออ่อน แต่นี่เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันผักก็เติบโตขนาดนี้แล้ว ทั้งยังงามเป็นพิเศษด้วย เจ้าดูสิว่า มองปราดเดียวก็รู้แล้วว่าผักที่นี่เติบโตได้ดีกว่าบ้านอื่น แม่จึงคิดว่าที่นี่ต้องเป็นทำเลทองแน่นอน”
“ดังนั้นเจ้าห้ามเสียที่นี่ไปเด็ดขาด รอให้มีเงินแล้วปลูกเรือนใหญ่จองที่ไว้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนซื่อ ลู่เจียวก็รู้สึกหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออก
สาเหตุที่ผักพวกนี้เติบโตได้ดี ก็เพราะนางใช้น้ำแร่จากน้ำพุจิตวิญญาณรดให้พวกมัน มารดานางนึกว่าที่นี่คือทำเลทองอย่างนั้นหรือ
ทว่านางไม่ได้บอกเรื่องนี้ให้เถียนซื่อรู้ ได้แต่เอ่ยรับคำ “เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว”
ลู่เจียวพูดจบก็เด็ดผักกวางตุ้งจำนวนหนึ่ง ลุกขึ้นจะไปต้มโจ๊กที่ห้องครัว
แต่แล้วนางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ดังมาจากเรือนตะวันออกเสียก่อน เป็นเสียงร้องไห้ของแฝดสี่ที่ฟังดูเจ็บปวดทรมานยิ่งนัก
ลู่เจียวตื่นตระหนก เร่งฝีเท้าก้าวยาวไปที่เรือนตะวันออก
นางยังไม่ทันเข้าไปในเรือนก็ได้ยินเสียงเดือดดาลของเซี่ยต้าเฉียงดังมาแล้ว “เจ้าเด็กเหลือขอ ข้าเป็นท่านลุงใหญ่ของเจ้า แต่เจ้าบังอาจมาด่าข้า เห็นว่าข้าไม่กล้าสั่งสอนเจ้าใช่หรือไม่”
พอลู่เจียวพุ่งเข้าไปก็เห็นเซี่ยต้าเฉียงกำลังลากเอ้อร์เป่า ง้างมือกำลังจะตบหน้าเขา
เซี่ยอวิ๋นจิ่นที่อยู่บนเตียงสีหน้ามืดครึ้มจนน่ากลัว แผ่รังสีอำมหิตเย็นเยียบออกมา
ลู่เจียวพุ่งเข้าไปดึงเอ้อร์เป่าเข้ามาข้างตัวแล้วผลักเซี่ยต้าเฉียงออกไป พร้อมตะคอกด้วยสีหน้าถมึงทึง “เซี่ยต้าเฉียง นี่เจ้ากำลังทำอะไรในบ้านข้า”
เซี่ยต้าเฉียงเห็นลู่เจียวแล้วก็โมโห เป็นเพราะนางตัวแสบนี่ น้องสามถึงได้ดื้อดึงเช่นนี้ หลายวันมานี้ท่านพ่อกับท่านแม่ยอมลดศักดิ์ศรีให้เขามาตลอด แต่เขากลับเจ้าคิดเจ้าแค้นไม่เลิกรา
เดิมทีน้องสามไม่ใช่คนเช่นนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นเพราะนางแพศยาคนนี้เสี้ยมสอนเขา
นางคิดจะครอบครองน้องสามไว้เพียงคนเดียวชัดๆ ต้องการยึดผลประโยชน์ไว้คนเดียว ฝันไปเถอะ
เซี่ยต้าเฉียงพุ่งเข้าไปหาลู่เจียว นางเห็นเซี่ยต้าเฉียงตรงเข้ามาเหมือนหมาป่าดุร้าย จึงยกเท้าเตะเขาออกไปอย่างแรง
แม้เซี่ยต้าเฉียงจะมีรูปร่างสูงใหญ่ แต่ก็ทนพละกำลังมหาศาลของลู่เจียวไม่ไหว อีกทั้งเขายังไม่ทันตั้งตัว จึงถูกลู่เจียวเตะจนหมอบทันที
แม้จะทำเช่นนี้แล้ว แต่ลู่เจียวก็ยังไม่คลายความโกรธ คนตระกูลนี้สมองมีปัญหากันทั้งบ้านหรืออย่างไร นางเห็นแก่หน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงยอมปล่อยผ่านไปครั้งแล้วครั้งเล่า แต่คนพวกนี้ก็ยังหาเรื่องครอบครัวนางไม่รู้จักจบจักสิ้น
ลู่เจียวสาวเท้าก้าวเข้าหาเซี่ยต้าเฉียง ยกเท้าเหยียบมือเขา แล้วออกแรงบดขยี้ เซี่ยต้าเฉียงโอดครวญ กระนั้นลู่เจียวก็ยังไม่สาแก่ใจ ยกเท้าขึ้นมาเตะเซี่ยต้าเฉียงอย่างแรงอีกสองสามที
เซี่ยต้าเฉียงเจ็บจนหน้าถอดสี ร้องครวญครางไม่หยุด ทั้งยังด่าลู่เจียวเสียงดัง
“นางตัวแสบ กล้าทำร้ายข้าหรือ ข้ากับเจ้าต้องตายกันไปข้าง”
เซี่ยเหล่าเกินนึกไม่ถึงว่าลู่เจียวจะกล้าทำร้ายบุตรคนโตของเขาเช่นนี้ เขาโกรธจนหน้าเบี้ยว
แต่เมื่อเห็นลู่เจียวที่ท่าทางดูราวกับปีศาจร้าย เขาก็ไม่กล้าไปแตะต้องสะใภ้คนนี้ ได้แต่โมโหจนตัวสั่นอยู่อย่างนั้น
สุดท้ายเขาก็ทำได้เพียงหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น แล้วตะคอกเสียงต่ำ “เจ้าดูสิ นี่คือสะใภ้ตัวดีที่เจ้าแต่งเข้ามา”