ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 964 องค์หญิง
ตอนที่ 964 องค์หญิง
ตระกูลเซี่ยทุกคนสบตากัน พวกเซี่ยเหวินเหยากับเซี่ยเหวินเซ่าต่างจ้องมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียว แล้วก็มองไปยังสองคนที่รูปงามโดดเด่น อายุไม่มากนัก แต่เหตุใดทั้งสองคนเรียกท่านแม่พวกเขาว่าท่านแม่ หมายความเยี่ยงไร
ลู่เจียวไม่สนใจผู้อื่น เรียกฉินม่อกับตู้เยี่ยนเข้าไปคุยด้านใน ครั้งนี้แม้แต่เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็ไม่ให้ตามเข้าไป
แต่เพราะก่อนหน้านี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังเรื่องที่ลู่เจียวเข้าไปช่วยทำภารกิจในระบบ ได้ยินว่านางอบรมเลี้ยงดูตัวร้ายในภารกิจ เด็กน้อยสองคนไม่ใช่ตัวร้ายที่นางเคยอบรมเลี้ยงดูมาหรอกหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ ลู่เจียวอยู่กับเขามาตลอด นอกจากในโลกภารกิจ ไม่เช่นนั้นเขาไม่มีทางไม่รู้จักหนุ่มสาวสองคนนี้
ฉินม่อกับตู้เยี่ยนในห้องเห็นว่าไม่มีคนนอกก็รีบวิ่งเข้าไปหาลู่เจียว ยื่นมือออกไปคว้ามือนางมากุมอย่างแสนคิดถึง “ท่านแม่ ท่านยังจำพวกเราได้หรือไม่ พวกเราคิดว่าท่านลืมพวกเราไปแล้ว”
ทั้งสองคนย่อมไม่รู้ว่าลู่เจียวทำภารกิจ พวกเขาคิดว่านี่คืออีกภพหนึ่งของลู่เจียว ดังนั้นตามหลักการแล้วท่านแม่น่าจะลืมพวกเขาไปแล้ว แม้พวกเขาคาดเดาเช่นนี้ แต่ก็ยังคิดมาดูว่าท่านแม่มีชีวิตที่ดีหรือไม่ หากไม่ดี พวกเขาก็จะพานางไป
ลู่เจียวมองสองหนุ่มสาวอย่างงุนงง ยกมือขึ้นลูบหน้าผากพวกเขา เอ่ยว่า “พวกเจ้าสองคนรอสักครู่ ให้แม่คิดดูก่อนว่าแท้จริงเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”
“เหตุใดพวกเจ้าสองคนมาอยู่ด้วยกันได้ ยังมาหาแม่พร้อมกันอีก อีกอย่าง พวกเจ้ามาที่ภพนี้ได้อย่างไร”
ฉินม่อเอ่ยเล่าเรื่องตนเองก่อน
“พอท่านแม่จากไปแล้ว ข้าก็พยายามปกครองแผ่นดินให้ดี ใช้เวลาสิบปีทำให้ราษฎรแคว้นเหยามีชีวิตที่ร่ำรวย สิบปีต่อมาสุขภาพข้าก็เริ่มไม่ดี น่าจะทนทรมานอยู่สองสามเดือนก็ทนต่อไปไม่ไหว ก่อนตาย ข้ามีเพียงความปรารถนาเดียวก็คือชาติหน้าได้เกิดเป็นบุตรชายท่านแม่ ปรากฏพอลืมตา ข้าก็กลายเป็นองค์ชายหกแห่งซีเหลียง และยังมีความทรงจำภพก่อนติดตัวมา”
ฉินม่อกล่าวจบ ตู้เยี่ยนก็เล่าเรื่องของตนเองต่อ “พอท่านแม่จากไป หรงกุยนำเงินทองครึ่งหนึ่งที่ท่านแม่ทิ้งไว้ให้อวี๋เซวียนเจ้านายเขา อวี๋เซวียนดีใจมาก เห็นหรงกุยเป็นดังคนสนิท ต่อมามีครั้งหนึ่งอวี๋เซวียนเห็นข้าก็บังเกิดความคิดครอบครอง มักหาเหตุปรากฏตัวต่อหน้าข้า ข้ารู้สึกว่าผิดปกติ ก็เอ่ยเตือนหรงกุยหลายครั้ง น่าเสียดายเขาไม่เชื่อ ปรากฏมีครั้งหนึ่งหรงกุยออกรบและตายในสนามรบ ตอนนั้นข้าก็สงสัยว่าเป็นฝีมือ อวี๋เซวียน”
“เดิมข้าคิดแก้แค้นให้หรงกุย แต่ตอนนั้นใต้หล้ากำลังอยู่ในสภาวะจลาจลวุ่นวาย อวี๋เซวียนเป็นกองทัพคุณธรรมที่มีชื่อเสียงที่สุด และเขาก็ดีต่อราษฎรไม่เลวจริงๆ ดังนั้นแม้ข้าโกรธแค้นเขา แต่สุดท้ายก็มิได้สังหารเขา พอหรงกุยตายไป ข้าก็ออกจากตระกูลอวี๋ไปซ่อนตัวปิดบังชื่อแซ่ เป็นหมอรักษาชาวบ้าน”
“สิบปีต่อมา อวี๋เซวียนปราบใต้หล้าได้ครองแผ่นดิน ตอนนั้นข้าก็ล้มป่วย ก่อนตายข้าอธิษฐานเหมือนกับเสด็จพี่หกว่าชาติหน้าขอให้ได้เป็นบุตรสาวท่านแม่ จากนั้นพอข้าลืมตาขึ้นมาก็เป็นองค์หญิงแปดแห่งแคว้นซีเหลียง”
ลู่เจียวได้ฟังตู้เยี่ยนก็รู้สึกสงสารตู้เยี่ยน นางรู้สึกว่าคำพูดตู้เยี่ยนมีช่องโหว่ อวี๋เซวียนยึดครองใต้หล้าได้สำเร็จ หรือว่าเขาไม่คิดถึงสตรีที่ตนหลงรัก ด้วยรูปโฉมของเยี่ยนเอ๋อร์ แม้ผ่านไปสิบปี ก็ยังคงงดงามพริ้งเพริศ อวี๋เซวียนไม่มีทางยอมรามือง่ายๆ อย่างแน่นอน
ลู่เจียวครุ่นคิด มองไปยังตู้เยี่ยนกล่าวว่า “สุดท้ายเจ้าป่วยตายจริงหรือ ไม่ใช่อวี๋เซวียนทำอันใดเป็นการบีบให้เจ้าตายใช่หรือไม่”
ตู้เยี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง คิดไม่ถึงว่าลู่เจียวถึงกับเดาออก นางแค่นหัวเราะกล่าวว่า “ท่านแม่ยังคงฉลาดดังเดิม อวี๋เซวียนยึดครองใต้หล้าได้แล้ว ก็สั่งให้ตามหาข้า ต่อมาเขาก็หาข้าพบจริงๆ เพราะข้าได้ช่วยคนไว้มากมายในชื่อหมอเทวดา คนพวกนั้นล้วนเรียกข้าว่าหมอเทวดาตู้ อวี๋เซวียนรู้เรื่องนี้จึงวางอุบายล่อข้าออกมา ข้าไม่รู้ว่ามีอุบายซ่อนอยู่ จึงได้ปรากฏตัว ดังนั้นเขานำคนมาล้อมพาตัวข้ากลับไปเป็นฮองเฮา”
“แม้ข้าไม่อาจแก้แค้นให้หรงกุย แต่จะแต่งให้กับคนที่สังหารเขาได้อย่างไร สุดท้ายจึงได้โดดหน้าผา ก่อนตายข้าก็หลุดพ้นจากความแค้นทั้งปวง มีเพียงความปรารถนาเดียวก็คือชาติหน้าขอให้ได้เกิดเป็นบุตรสาวท่านแม่ ข้าไม่แต่งกับผู้ใดอีก จะอยู่กับท่านแม่ไปชั่วชีวิต”
ลู่เจียวได้ฟังตู้เยี่ยนก็สงสารจับใจ แม้ว่านางไปทำภารกิจ แต่หลายปีนั้นพวกนางเป็นแม่ลูกกันจริงๆ นางให้ความรักเมตตาดุจมารดาต่อนางแท้จริง
ลู่เจียวยื่นมือขึ้นกอดตู้เยี่ยนเอาไว้ กล่าวว่า “เยี่ยนเอ๋อร์ ลำบากเจ้าแล้ว”
ในใจลู่เจียวก่นด่าหรงกุยกับอวี๋เซวียนหลายคำ สองคนนี้ล้วนไม่ใช่คนดี รู้อย่างนี้ตอนนั้นนางก็คงไม่มอบเงินให้หรงกุยจนเป็นการทำร้ายเยี่ยนเอ๋อร์ หรงกุยตายไปก็สมน้ำหน้า เห็นอยู่ว่าเยี่ยนเอ๋อร์เอ่ยเตือนเขา อวี๋เซวียนคิดไม่ซื่อต่อนาง ในฐานะสามีควรรีบพาเยี่ยนเอ๋อร์ไปจากกองทัพของอวี๋เซวียน ปรากฏดีเลย ไม่เชื่อเยี่ยนเอ๋อร์ ทำเอาตนเองต้องตายไป
แม้ว่าลู่เจียวโกรธแค้น แต่ก็ผ่านไปนานแล้ว นางกอดตู้เยี่ยนเอาไว้พลางเอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “เอาละ ผ่านไปแล้ว ตอนนี้อยู่ในยุครุ่งเรือง ไม่มีคนมารังแกเจ้าเพราะรูปโฉมเจ้าอีกแล้ว”
ตู้เยี่ยนพยักหน้า จากนั้นก็คิดถึงเรื่องสองพี่น้องที่มาด้วยกัน จึงเอ่ยอย่างแปลกใจว่า “เช่นนั้นพวกเจ้าสองคนมาอยู่ด้วยกันได้อย่างไร ยังรู้ว่าข้าอยู่แคว้นต้าโจว”
ตู้เยี่ยนกล่าวอย่างดีใจว่า “ข้าเดิมไม่รู้ว่าเสด็จพี่หกเองก็เป็นบุตรชายท่านแม่ภพก่อน แต่มีครั้งหนึ่งตอนเขากำลังดูภาพวาด ข้าเข้าไปเห็นพอดี เป็นภาพวาดท่านแม่ ดังนั้นเราสองคนจึงได้คุยกัน และได้รู้ว่าที่แท้พวกเราล้วนเป็นบุตรท่านแม่ในภพก่อน”
ลู่เจียวไม่ได้เอ่ยว่านางไปทำภารกิจ ให้พวกเขาคิดว่าพวกเขาเป็นบุตรนางในภพก่อนก็แล้วกัน
แต่ลู่เจียวเห็นฉินม่อกับตู้เยี่ยน ก็อดคิดถึงฮ่องเต้โหดจีซิวในภารกิจที่สามไม่ได้ เจ้าหมอนั่นคงไม่ได้ข้ามภพมาด้วยกระมัง
ลู่เจียวไม่รู้ว่าควรเอ่ยอันใด จึงได้แต่ถามพวกเขาว่ารู้ได้อย่างไรว่านางอยู่แคว้นต้าโจว ฉินม่อเอ่ยถึงเรื่องคำนวณศาสตร์แบบโจว ภพก่อนลู่เจียวเองก็สอนพวกเขา พวกเขาสืบดูก็รู้ที่มาของคำนวณศาสตร์แบบโจว ดังนั้นจึงได้ตามมาที่นี่
ฉินม่อกับตู้เยี่ยนเล่าจบก็เล่าถึงสถานการณ์พวกเขาตอนนี้ในซีเหลียง
นอกประตู เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นในห้องเงียบมาตลอด สุดท้ายก็อดเดินเข้าไปเรียกไม่ได้ “ฮูหยิน?”
ลู่เจียวเรียกให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นเข้ามา แนะนำฉินม่อกับตู้เยี่ยนให้เขารู้จัก “นี่ก็คือม่อเอ๋อร์กับเยี่ยนเอ๋อร์”
พอลู่เจียวกล่าว เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็รู้สถานะพวกเขาทั้งสองคนว่าเป็นสองตัวร้ายในสองภารกิจของลู่เจียว
ลู่เจียวจำได้ทันที เห็นได้ชัดว่าหน้าตาพวกเขาไม่เปลี่ยน และพวกเขาจำลู่เจียวได้ น่าจะเพราะลู่เจียวเหมือนกับตอนทำภารกิจมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิดก่อนจะพยักหน้าให้ฉินม่อกับตู้เยี่ยน
ทั้งสองคนมองประเมินเซี่ยอวิ๋นจิ่น พบว่าคนผู้นี้หน้าตามีสง่าราศีพอใช้ได้ แต่ก็ยังไม่คู่ควรกับท่านแม่พวกเขา ทว่าก็นับว่าพอใช้ได้ อย่างไรในภพนี้แทบไม่มีคนที่คู่ควรกับท่านแม่พวกเขา
ทั้งสองคนลุกขึ้นเรียกเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยท่าทีไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อยว่า “คารวะท่านอา”
มุมปากเซี่ยอวิ๋นจิ่นกระตุก ลู่เจียวเห็นแล้วก็นึกขำฉินม่อตู้เยี่ยน ไม่สิ ตอนนี้พวกเขาชื่อซั่งกวนม่อกับซั่งกวนอวิ๋นเยี่ยน
“ทั้งสองคนก็คือม่อเอ๋อร์กับเยี่ยนเอ๋อร์ที่ข้าเคยเล่าให้เจ้าฟัง”