ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 94 ลู่เจียวลงมือผ่าตัด
ตอนที่ 94 ลู่เจียวลงมือผ่าตัด
หร่วนซื่อยังไม่ยอมรามือ แต่เซี่ยเหล่าเกินปรามนางไว้ก่อน “พอแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างขึงตาใส่หร่วนซื่ออย่างเดือดดาล ตัวป่วนประจำครอบครัวคนนี้ น่าให้เจ้าสี่ทิ้งนางไปเสีย ปล่อยนางไสหัวกลับไปอยู่สกุลหร่วนของตัวเอง
“เอาละ ทุกคนออกไปรอข้างนอกเถอะ แค่ส่งคนให้ท่านหมอฉีก็พอแล้ว” จู๋จ่างกล่าวด้วยสีหน้าเย็นชา
หมอฉีพยักหน้าให้จู๋จ่าง “วางใจเถอะ ถ้าจะผ่าตัดให้เขาอย่างสุดความสามารถ”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างยิ้มรับ “รบกวนท่านหมอฉีแล้ว”
“ไม่ต้องเกรงใจ”
คนทั้งกลุ่มเดินออกมารอนอกหอยาเป่าเหอ ลู่เจียวมองผู้ใหญ่บ้านและจู๋จ่าง “ผู้ใหญ่บ้าน จู๋จ่าง พวกท่านยังไม่ได้กินอาหารเช้าใช่หรือไม่ ข้ากับน้องชายจะไปซื้ออะไรให้พวกท่านกินสักหน่อย”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างโบกมือรัว “ไม่ต้องๆ”
ลู่เจียวกำลังจะพูดอะไรอีก แต่หร่วนซื่อกลับชิงพูดก่อน “ข้ากับพ่อเจ้าก็ยังไม่ได้กินเหมือนกัน รีบไปซื้อมา”
ลู่เจียวไม่แม้แต่จะชายตามองนาง ยังคงมองไปที่ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง “นอกจากผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่าง ยังมีคนในตระกูลอีกหลายคนที่ยังไม่ได้กินข้าว ข้าจะไปซื้ออะไรมาสักหน่อย รอให้ทุกคนมาถึงก็จะได้กินกัน”
หลังจากนั้นนางก็ไม่ให้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างมีโอกาสได้พูดอะไรอีก พาลู่กุ้ยเดินออกไปแล้ว
ลู่เจียวนำลู่กุ้ยไปซื้อหมั่นโถวธัญพืชสองถุงใหญ่ที่ร้านในละแวกนี้ เป็นหมั่นโถวราคาสามลูกสองเหวิน ไม่ใช่ว่านางเสียดายเงินที่จะซื้ออาหารดีๆ ให้คนในตระกูลกิน แต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ ถ้านางจ่ายเงินมากเกินไปจะไม่เหมาะสม
“เจ้านำหมั่นโถวธัญพืชสองถุงนี้ไปให้ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างกินหน่อย ไปขอน้ำจากคนงานของหอยาเป่าเหอมาด้วย”
“ท่านพี่ แล้วท่านล่ะ” ลู่กุ้ยถามลู่เจียวอย่างแปลกใจ
ลู่เจียวเอามือกุมตรงหน้าอก “ข้าจะไปเดินเล่นที่ตลาดสักหน่อย แค่คิดว่าพี่เขยเจ้ากำลังผ่าตัดอยู่ในนั้น ข้าก็รู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวก ไม่กล้าเข้าใกล้ที่นั่นแล้ว น่าเป็นห่วงเกินไป”
ลู่กุ้ยได้ฟังดังนั้นก็รีบรับปากทันที “เช่นนั้นท่านก็ไปเดินเล่นผ่อนคลายอารมณ์สักหน่อยเถอะ เดี๋ยวข้าจะหิ้วของไปให้เอง”
ลู่เจียวรอจนลู่กุ้ยเดินไปไกลแล้ว นางค่อยไปที่ซอยด้านหลัง หอยาเป่าเหอมีประตูหลัง ด้านหลังมีซอยเล็กๆ หนึ่งซอย เข้าไปง่ายมาก
ลู่เจียวเพิ่งจะเข้าประตูหลังไป ฉีเหล่ยก็ออกมาต้อนรับ “ท่านอาจารย์ ข้าให้ซือกงดื่มยาของท่านแล้ว ตอนนี้เขาหลับไปแล้ว”
พอลู่เจียวได้ยินคำพูดของฉีเหล่ย สีหน้าก็ดำมืดทันที ซือกง? ไม่ไพเราะเอาเสียเลย
“ทีหลังอย่าเรียกเขาว่าซือกง เรียกเซี่ยซิ่วไฉก็พอแล้ว”
ทั้งสองเดินไปคุยไปจนถึงห้องที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นนอนอยู่
พอเดินมาถึงนอกห้อง ลู่เจียวก็กำชับกับฉีเหล่ยว่า “เจ้าไปหาคนมาเฝ้าหน้าห้องให้ข้าหน่อย อย่าให้ใครเข้ามาเด็ดขาด แล้วอีกประเดี๋ยวเจ้าก็มาเก็บกวาดด้วย”
ฉีเหล่ยมองลู่เจียวด้วยสีหน้าคาดหวัง “ข้าเข้าไปดูด้วยไม่ได้หรือ”
“เจ้ามั่นใจหรือว่าตัวเองจะทนไหว หากเห็นเลือดแล้วเป็นลมล้มพับไป จนรบกวนการผ่าตัดของข้า เจ้าจะรับผิดชอบผลที่ตามมาได้หรือ”
ลู่เจียวมองฉีเหล่ยอย่างจริงจัง ดับฝันเขาทันที “เช่นนั้นก็อย่าดีกว่า เอาไว้ครั้งหน้าแล้วกัน”
ลู่เจียวพยักหน้า “หากจะเรียนการผ่าตัดก็ต้องเริ่มจากการผ่าตัดเล็กๆ ก่อน”
“ทราบแล้วขอรับ” ฉีเหล่ยพยักหน้า ลู่เจียวค่อยเดินเข้าไป ปิดประตูแล้วนำเสื้อกาวน์ที่ฆ่าเชื้อแล้ว หน้ากากอนามัย ถุงมือ และอุปกรณ์อื่นๆ ออกจากห้วงอากาศอย่างรวดเร็ว
การผ่าตัดครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับนาง เนื่องจากไม่มีผู้ช่วยและวิสัญญีแพทย์เลย นางต้องเป็นคนทำทุกอย่างคนเดียว ดังนั้นภาระงานของนางจึงเยอะมาก
ขณะที่ลู่เจียวกำลังคิด นางก็นำเครื่องติดตามสัญญาณชีพออกจากห้วงอากาศมาวัดอุณหภูมิร่างกาย ชีพจร การหายใจ และความดันโลหิตให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อน หลังจากพบว่าทุกอย่างเป็นปกติ นางค่อยนำยาสลบออกมา เนื่องจากกังวลว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะตื่นขึ้นมาระหว่างผ่าตัด นางจึงตัดสินใจใช้ยาสลบชนิดระงับความรู้สึกทั่วร่างกายซึ่งจะทำให้ผู้ป่วยหลับและไม่รู้สึกตัว
หลังจากยาสลบออกฤทธิ์แล้ว ลู่เจียวจึงลงมือผ่าตัดให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น นางใช้มีดผ่าตัดผ่าเปิดกล้ามเนื้อส่วนขาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นออก ทุกอย่างเหมือนกับที่นางวินิจฉัยไว้ก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
กระดูกขาของเซี่ยอวิ๋นจิ่นแตกเพราะแรงกระแทก ทั้งยังผิดรูปด้วย ดังนั้นนางจะต้องนำเศษกระดูกออก พร้อมทั้งต้องจัดกระดูกให้เข้ารูปด้วย
การผ่าตัดในห้องดำเนินไปอย่างเป็นขั้นตอน
ณ โถงใหญ่นอกหอยาเป่าเหอที่ในตอนนี้คึกคักเป็นพิเศษ มีคนในตระกูลเซี่ยยี่สิบกว่าคนพูดคุยกันอย่างวิตกกังวล
ลู่กุ้ยแจกหมั่นโถวธัญพืชให้ทุกคนได้กินรองท้องสักหน่อย
หร่วนซื่อไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง มองหมั่นโถวธัญพืชในมือแล้วพาลโมโหใส่ลู่กุ้ย “ลู่เจียวล่ะ นางให้แม่สามีกินของอย่างนี้หรือ”
พอหร่วนซื่อพูดจบ ก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าลู่เจียวไม่ได้กลับมาด้วย นางจึงได้แต่กระฟัดกระเฟียดอยู่อย่างนั้น
เฉินหลิ่วกับเซี่ยหลานฉวยโอกาสยุยง “เกรงว่าน้องสะใภ้สามคงไปเดินเที่ยวในตลาดแล้วกระมัง”
“สามีของตัวเองกำลังเข้าผ่าตัด แต่ดูนางทำสิ ไม่น่าเชื่อว่าจะหนีออกไปเที่ยวเล่น ภรรยาเช่นนี้จะเก็บไว้ทำไม พรุ่งนี้ก็ให้พี่สามหย่ากับนางไปเถอะ” เซี่ยหลานพูดเหน็บแนม
พอลู่กุ้ยได้ยินก็ตะคอกอย่างเกรี้ยวกราด “เหลวไหลอะไรของเจ้า พี่สาวข้าเป็นห่วงพี่เขยจนกระวนกระวายใจ จึงต้องออกไปรอที่อื่นก่อน อีกประเดี๋ยวนางก็กลับมาแล้ว”
ผู้ใหญ่บ้านกับจู๋จ่างต่างก็รู้สึกว่าเรื่องที่ลู่กุ้ยพูดนั้นสมเหตุสมผล พวกเขาพยักหน้าเห็นด้วย
จู๋จ่างมองพวกหร่วนซื่อพร้อมกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าจะหยุดพูดได้หรือยัง”
ในที่สุดหร่วนซื่อก็ยอมเงียบ ใบหน้าเหี่ยวย่นแลดูดุร้ายราวกับมีใครติดหนี้นาง
การผ่าตัดของเซี่ยอวิ๋นจิ่นใช้เวลาไปสองชั่วยามกว่าจะเสร็จสิ้น
หลังการผ่าตัดสิ้นสุด ลู่เจียวก็แทบจะหมดแรง นางเหงื่อท่วมร่างกาย สีหน้าซีดเซียว
เหนื่อยเกินไปจริงๆ นางต้องจัดการทุกเรื่องคนเดียวเช่นนี้ และเนื่องด้วยนางกลัวเกิดเหตุไม่คาดฝัน จึงต้องใช้สมาธิสูงมาก ผลปรากฏว่าเมื่อผ่าตัดเสร็จ ทั้งตัวนางก็แทบจะไร้เรี่ยวแรง
เมื่อลู่เจียวผ่าตัดเสร็จก็ไม่ได้เดินออกมาทันที แต่รอให้น้ำเกลือเซี่ยอวิ๋นจิ่นก่อน นางให้น้ำเกลือผสมยาแก้อักเสบสองขวดกับเขา
การให้น้ำเกลือนี้จะให้คนอื่นเห็นไม่ได้ นางจึงทำได้เพียงเฝ้าไว้ด้วยตัวเอง
รอจนกระทั่งน้ำเกลือผสมยาแก้อักเสบหมดแล้ว นางถึงได้เดินเกาะกำแพงออกไป
นอกห้องผ่าตัด ฉีเหล่ยกำลังเดินมาพอดี พอเห็นว่านางออกมาแล้ว เขาก็รีบเข้าไปช่วยประคองนาง “เป็นอะไรไปขอรับ”
“เหนื่อย” ลู่เจียวเงยหน้ามองเขาแวบหนึ่ง
พูดจบก็มองฉีเหล่ยอีก “การผ่าตัดเสร็จแล้ว เจ้าเข้าไปเก็บกวาดเถอะ อีกประเดี๋ยวออกไปบอกคนสกุลเซี่ยด้วย ว่าการผ่าตัดเสร็จแล้ว ประสบความสำเร็จมาก”
ฉีเหล่ยพยักหน้า แล้วถามลู่เจียวอีกว่า “ท่านอาจารย์ไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่”
“ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เป็นอะไร” ลู่เจียวส่ายหน้า
ฉีเหล่ยหันตัวกำลังจะเดินเข้าไป แต่ลู่เจียวเรียกเขาไว้ก่อน “สามีข้าโดนยาสลบไป ตอนนี้ยังไม่ฟื้น เจ้าบอกคนสกุลเซี่ยด้วย”
เมื่อได้ยินคำพูดนาง ฉีเหล่ยก็เลิกคิ้วถามอย่างประหลาดใจ “ยาสลบ?”
“ก็คือยาหมาเฟ่ยซ่าน ตอนผ่าตัดต้องใช้ยาหมาเฟ่ยซ่าน ไม่อย่างนั้นผู้ป่วยจะทนไม่ไหว” ลู่เจียวอธิบายพร้อมรอยยิ้ม
“อ้อ ข้าเข้าใจแล้ว” ฉีเหล่ยพยักหน้าแล้วเดินเข้าไป
ลู่เจียวสูดหายใจลึก พยายามปรับกำลังวังชาของตัวเอง เดิมทีนางสามารถใช้น้ำแร่จากน้ำพุจิตวิญญาณช่วยได้ แต่พอนึกถึงหร่วนซื่อ นางก็ตัดสินใจว่าจะไม่ใช้ ไม่อย่างนั้นหากนางปรากฏตัวอย่างสดใสกระปรี้กระเปร่า หร่วนซื่อก็จะหาเรื่องนางได้
ลู่เจียวเดินไปทางประตูฝั่งเหนือของหอยาเป่าเหอ ค่อยๆ พยุงร่างกายอันอ่อนล้าของตัวเองออกจากซอยเพื่อไปตรงประตูหน้า
ในโถงใหญ่ของหอยาเป่าเหอ ฉีเหล่ยกำลังพูดกับคนสกุลเซี่ย
“การผ่าตัดเสร็จสิ้นแล้ว ประสบความสำเร็จมาก”