ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 887 รังเกียจ
ตอนที่ 887 รังเกียจ
เพราะเรื่องห้วงอากาศ อู่เป่าน้อยกับเซี่ยหลิงหลงจึงได้วางใจให้ท่านแม่ตามพี่สี่ไปออกศึกปัศจิม
อย่างไรพวกเขาก็เข้าไปในห้วงอากาศได้ คิดถึงท่านแม่ก็เข้าไปตามในห้วงอากาศ ท่านแม่ได้ยินพวกเขา
ลู่เจียวเก็บของเสร็จก็สมทบกับฝ่าบาทที่หน้าประตูเมือง
เซียวเหวินอวี๋ไม่รู้มาก่อนว่าลู่เจียวจะตามเขาไปเมืองหลินเฉิงด้วย พอลู่เจียวนำของกองโตมาก็ตกใจสะดุ้ง รีบกระโดดลงจากหลังม้าทันที
“ฮูหยินโจวกั๋ว ท่านมาได้อย่างไร”
ต่อหน้าขุนนางในราชสำนัก เซียวเหวินอวี๋ยังคงเรียกลู่เจียวว่าฮูหยินโจวกั๋วตามธรรมเนียม
ลู่เจียวยิ้มตาหยีมองเขากล่าวว่า “หม่อมฉันแม้ว่าไร้ความสามารถออกรบ แต่วิชาการแพทย์พอใช้ได้ ดังนั้นตัดสินใจขอติดตามฝ่าบาทออกศึกปัศจิมนี้”
ขุนนางในราชสำนักข้างกายเซียวเหวินอวี๋ได้ฟังคำพูดลู่เจียวก็พากันโล่งอก มีฮูหยินโจวกั๋วอยู่ด้วย อันตรายของฝ่าบาทก็ลดลง
วิชาการแพทย์ฮูหยินโจวกั๋วร้ายกาจ นางอยู่ข้างพระวรกายฝ่าบาท หากฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บ ก็จะได้ช่วยฝ่าบาทได้ทันที ไม่เลวอย่างมาก
แต่เซียวเหวินอวี๋กลับไม่เห็นด้วยที่ลู่เจียวจะตามเขาไปออกศึกปัศจิม
“ฮูหยินโจวกั๋วรีบกลับไป เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น”
เซียวเหวินอวี๋กลัวว่าไปครั้งนี้จะเผชิญอันตราย แม้ว่าวิชาการแพทย์ท่านแม่ร้ายกาจ แต่นางไม่เป็นวิทยายุทธ์ หากไปพบเจออันตรายเข้า เขาก็ไม่อาจมีหน้ากลับมาบอกท่านพ่อกับบรรดาพี่น้องได้
ลู่เจียวกลับมองเซียวเหวินอวี๋อย่างดึงดัน “ฝ่าบาท หม่อมฉันตัดสินใจแล้ว ฝ่าบาทโปรดรับสั่งอนุญาตด้วย”
เซียวเหวินอวี๋เงยหน้ามองเห็นแววตาเด็ดเดี่ยวของลู่เจียว
เขารู้ท่านแม่เขาไม่วางใจให้เขาไปออกศึกคนเดียว จึงได้ตัดสินใจตามเขาไป
ในใจเซียวเหวินอวี๋ซาบซึ้งอย่างมาก พร้อมกับเขาเองรู้ดีว่าเรื่องที่ท่านแม่เขาตัดสินใจไม่มีทางเปลี่ยนใจ
หากเขาไม่เห็นด้วย ท่านแม่เขาก็คงแอบไล่ตามหลังทัพใหญ่พวกเขาไปเมืองหลินเฉิง
เพียงแต่ท่านแม่เขาเดินทางไปออกศึกปัศจิม ท่านพ่อเขารู้หรือไม่
เซียวเหวินอวี๋เงยหน้ามองไปที่เซี่ยอวิ๋นจิ่นท่ามกลางบรรดาขุนนางในราชสำนักทีหนึ่ง
พบว่าใต้เท้าเซี่ยแม้ว่าไม่เห็นด้วย แต่ก็ไม่อาจห้ามได้ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็เห็นด้วยเช่นกัน
เซียวเหวินอวี๋รู้ว่าท่านพ่อตนรักท่านแม่เพียงใด ตอนนี้เพื่อเขา ถึงกับยอมให้ท่านแม่ติดตามเขาไปออกศึกปัจจิม
เห็นได้ว่า ในใจท่านพ่อรักเขามาก
เซียวเหวินอวี๋ฝืนระงับความตื้นตันในใจลง ทำความเคารพอย่างนอบน้อม “เราขอขอบคุณฮูหยินโจวกั๋ว”
จากนั้นก็โดดขึ้นหลังม้านำทัพใหญ่ออกเดินทางตรงไปเมืองหลินเฉิง
แต่พอเดินทางมาได้ระยะทางหนึ่ง เซียวเหวินอวี๋ก็คิดถึงว่าเบื้องหลังตระกูลจ้าวยังมีไทฮองไทเฮา หากไม่ใช่ไทฮองไทเฮาให้ท้าย ตระกูลจ้าวจะใจกล้าบังอาจเยี่ยงนี้หรือ ไม่เพียงแต่กล้าวางยาพิษเสด็จพ่อ ยังกล้าส่งคนมาล้อมสังหารเขา
เซียวเหวินอวี๋คิดถึงเรื่องนี้ก็ยิ่งแค้นใจยายแก่ผู้นั้น
เขาสั่งการม่อเป่ยเยียบเย็น “นำกำลังกองหนึ่งไปรับตัวไทฮองไทเฮามา ตระกูลจ้าวก่อกบฏ ไทฮองไทเฮาจะลอยตัวอยู่ได้อย่างไร”
ม่อเป่ยรับพระบัญชาออกไป อีกสองวันถัดมาก็รับตัวไทฮองไทเฮามาถึง
ยามนี้ไทฮองไทเฮาคล้ายดังสุนัขตกน้ำ ท่าทางแก่ชราอิดโรยหมดสิ้น
นางคิดไม่ถึงว่าตระกูลจ้าวจะก่อกบฏ ตระกูลจ้าวก่อกบฏ นางเป็นหญิงตระกูลจ้าวก็ย่อมมีความผิด
เดิมไทฮองไทเฮาตัดสินใจหลบเช่นนี้ไปชั่วชีวิต ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ถึงกับส่งคนไปรับตัวนางมา
ไทฮองไทเฮาไม่รู้ว่าฮ่องเต้รับนางมาด้วยเหตุอันใด
“ไม่ทราบว่าฝ่าบาทรับตัวหม่อมฉันมาด้วยเหตุอันใด”
เซียวเหวินอวี๋นั่งอยู่บนหลังม้ามองเหลือบลงมาที่รถม้าตระกูลจ้าว หากไม่ใช่นาง เสด็จพ่อก็คงไม่จากไปตั้งแต่ยังหนุ่มเช่นนี้
เซียวเหวินอวี๋รังเกียจหญิงชราตรงหน้าอย่างที่สุด จะปล่อยให้นางสุขสบายได้อย่างไร
เขามองไปยังไทฮองไทเฮาตรงหน้าด้วยสายตาดุดัน กล่าวว่า “ตระกูลจ้าวก่อกบฏ ไทฮองไทเฮาในฐานะคนตระกูลจ้าว เราจึงคิดพาท่านไปเมืองหลินเฉิงเกลี้ยกล่อมให้จ้าวกั๋วกงพ่อลูกยอมมอบตัว”
ไทฮองไทเฮาสีหน้าพลันซีดขาว ในเมื่อตระกูลจ้าวก่อกบฏ จะมายอมฟังคำเกลี้ยกล่อมให้มอบตัวได้อย่างไร เซียวเหวินอวี๋เจ้าหมอนี่พานางมา เห็นชัดว่าแก้แค้นนาง
ไทฮองไทเฮายิ่งคิดก็ยิ่งหวาดกลัวจนหัวใจเต้นแรง นางจ้องมองไปยังเซียวเหวินอวี๋
เจ้าหมอนี่ไม่รู้โผล่มาจากที่ใด ถึงกับได้ครองบัลลังก์ตระกูลเซียว ยังบีบให้ตระกูลจ้าวก่อกบฏ
หากไม่ใช่เสด็จพ่อเขากับเขา ตระกูลจ้าวจะก่อกบฏหรือ
พวกเขารับหญิงตระกูลจ้าวเข้าวัง แต่ลงมือกับหญิงตระกูลจ้าวครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้หญิงตระกูลจ้าวไม่อาจตั้งครรภ์สายพระโลหิตตระกูลเซียว เห็นชัดว่าคิดจัดการกวาดล้างตระกูลจ้าว ตระกูลจ้าวจะไม่ก่อกบฏได้อย่างไร
แม้ว่าไทฮองไทเฮาคิดเช่นนี้ แต่ไม่กล้าแสดงออก ตอนนี้นางไม่ใช่ไทเฮาก่อนหน้านี้แล้ว ตระกูลจ้าวก่อกบฏ นางก็ได้แต่ยอมอ่อนข้อเอาตัวรอด
“ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงแค่หญิงชรา ตระกูลจ้าวมีใจก่อกบฏ จะยอมฟังคำเกลี้ยกล่อมหม่อมฉันให้มอบตัวได้อย่างไร ฝ่าบาทปล่อยหม่อมฉันกลับไปสวดมนต์ขอพรให้ฝ่าบาทเถิดเพคะ”
เซียวเหวินอวี๋แค่นหัวเราะเยาะ เอ่ยเตือนไทฮองไทเฮา “หากตระกูลจ้าวดื้อดึงไม่ยอม ดึงดันก่อกบฏ ท่านก็คือผู้มีความผิดไปด้วย”
พอกล่าวเช่นนี้ ความฝันสวยงามของไทฮองไทเฮาก็ดับสลายลง พร้อมกับเป็นการบอกนางว่า หากตระกูลจ้าวกบฏ ไทฮองไทเฮาก็มีความผิดไปด้วย
ไทฮองไทเฮาพลันเบื้อใบ้ไปทันที
เซียวเหวินอวี๋ไม่สนใจอีกนาง โบกมือสั่งการให้เคลื่อนทัพ
เขาพาทหารม้ากองหนึ่งเดินทางทั้งคืนมาถึงเมืองหลินเฉิง
จือฝู่เมืองหลินเฉิงได้รับราชโองการจากฝ่าบาทที่ส่งม้าเร็วมาว่าให้ยืนหยัดปกป้องเมืองหลินเฉิงไว้ หากปกป้องเมืองหลินเฉิงไว้ได้ ฝ่าบาทจะพระราชทานรางวัลอย่างงาม
เมืองหลินเฉิงห่างไกลจากเมืองหลวง และยังเป็นสถานที่ค่อนข้างทุรกันดาร คนเป็นขุนนางที่นี่ย่อมไม่ได้มีตระกูลหนุนหลังอันใด จึงไม่คิดจะทำความดีเลื่อนตำแหน่งใด
จือฝู่เมืองหลินเฉิงได้รับราชโองการ จากฝ่าบาทก็รู้สึกว่าโอกาสตนเองมาถึงแล้ว จะปล่อยไปได้อย่างไร
เขานำทหารออกศึกทั้งหมด ไม่เพียงแต่ทหารเมืองหลินเฉิง แต่ยังมีคำสั่งราษฎรทั้งหมดในเมืองหลินเฉิงเข้าร่วมศึกครั้งนี้
เช่นนี้จึงทำให้เมืองหลินเฉิงยืนหยัดมาได้ห้าวัน ไม่ถูกตีแตก แต่สุดท้ายเห็นว่าใกล้แพ้แล้ว
กองทัพซีเป่ยก็ส่งกำลังมาพอดี
จ้าวกั๋วกงเห็นว่าตนเองสู้ไม่ได้ก็รีบถอยกลับไปเมืองติ้งเฉิง รักษาเมืองติ้งเฉิงไว้
เซียวเหวินอวี๋นำทัพใหญ่มาถึงเมืองหลินเฉิง
หน้าประตูเมืองหลินเฉิง จือฝู่เมืองหลินเฉิงนำขุนนางและแม่ทัพเฟิงกับขุนพลทหารกองทัพซีเป่ยออกมารอรับที่หน้าประตูเมือง เอ้อร์เป่าถึงกับมาด้วย ครั้งนี้เขาเป็นขุนพลทหารแนวหน้า
เซียวเหวินอวี๋มาถึง ทุกคนพากันถวายบังคม
“กระหม่อมถวายบังคมฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้า กวาดตามองทุกคนตรงหน้า พบว่าแต่ละคนล้วนฮึกเหิม คล้ายว่าได้รับการฉีดเลือดไก่มาอย่างนั้น
ไม่เพียงแต่ขุนพลทหารแต่ละท่าน แม้แต่จือฝู่เมืองหลินเฉิงเองก็เต็มไปด้วยความฮึกเหิมที่จะออกศึก
เซียวเหวินอวี๋พยักหน้าอย่างพอใจ “ขุนนางทุกท่าน ลุกขึ้นได้”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
เซียวเหวินอวี๋นำทัพเข้าเมือง จากนั้นทุกคนทยอยตามกันเข้าไป
ลู่เจียวกับไทฮองไทเฮาและคนอื่นๆ ยังมาไม่ถึง
เซียวเหวินอวี๋เข้าเมืองมา ก็ถามไถ่สภาพความเป็นอยู่ของราษฎรในเมือง พอรู้ว่าบาดเจ็บล้มตายครั้งนี้ไม่นับว่ามาก เซียวเหวินอวี๋ก็ดีใจมาก ไม่เพียงแต่พระราชทานรางวัลให้จือฝู่ ยังชื่นชมราษฎรเมืองหลินเฉิงที่ไม่แตกตื่นตกใจ “ไม่เสียที่ที่เป็นราษฎรแคว้นต้าโจวเรา ล้วนเป็นชายชาตรี ไว้เราจะพระราชทานรางวัล”
“ขอบพระทัยฝ่าบาท”
จือฝู่และบรรดาขุนนางต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ แต่ละคนอารมณ์ตื่นเต้นยินดีหัวใจพองฟู
พอทุกคนเข้าเมืองมา ราษฎรสองข้างทางในเมืองเนืองแน่น แต่ละคนพากันชะเง้อคออยากชมฝ่าบาท ได้ยินว่าฝ่าบาทนำทัพมาด้วยพระองค์เอง บางทีอาจเป็นโอกาสเดียวในชีวิตที่พวกเขาจะได้เข้าเฝ้าฝ่าบาท