ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 883 มือสังหาร
ตอนที่ 883 มือสังหาร
ตั้งแต่เซียวเหวินอวี๋นำองค์หญิงใหญ่ไปให้พระสนมซูเฟย ก็มักจะเสด็จตำหนักเฉาหยางกงของพระสนมซูเฟย ส่วนตำหนักคุนหนิงกงของฮองเฮา เซียวเหวินอวี๋ไม่เคยย่างกรายไปอีกเลย คล้ายว่าในวังไม่มีฮองเฮา
แม้ว่าเขาไปค้างตำหนักสนมอื่นบ้าง แต่เพราะวาจาเขาก่อนหน้านี้ หวังเมิ่งเหยาก็รู้ว่าฝ่าบาทแค่ทำทีไปเช่นนี้ จึงไม่ได้หึงหวงหรือไม่เบิกบานใจ
เพราะองค์หญิงใหญ่กินนมพระสนมซูเฟย รับรู้ได้ถึงความเมตตาของพระสนมซูเฟย จึงเกิดความสนิทสนมใกล้ชิดกับหวังเมิ่งเหยามาก เด็กสองคนนี้แม้ว่าเกิดห่างกันราวหนึ่งเดือน แต่ก็คล้ายพี่น้องฝาแฝดกัน ปกตินอนบนเตียงด้วยกัน ก็จะลอบมองกัน
เซียวเหวินอวี๋เห็นโอรสธิดาคู่นี้แล้ว ในใจก็พึงพอใจไม่อาจบรรยาย ตอนออกจากวังหลวงไปเยี่ยมเซียวอวี้ยังอดเอ่ยถึงกับเซียวอวี้ไม่ได้
“องค์หญิงใหญ่หน้าตาคล้ายหม่อมฉันมาก องค์ชายใหญ่หน้าตาคล้ายเมิ่งเหยา แต่ทั้งสองคนน่ารักมาก อ้วนจ้ำม่ำ ไว้วันไหนหม่อมฉันพาพวกเขามาให้เสด็จพ่อดู”
เซียวอวี้เห็นสีหน้าเซียวเหวินอวี๋เต็มไปด้วยความรักบุตรธิดาก็รีบเอ่ยว่า “ตอนนี้พวกเขาอายุยังน้อย รอให้ร้อยวันก็ค่อยพาพวกเขาออกจากวังมาให้เสด็จพ่อดูหน่อย”
เซียวอวี้เอ่ยจบก็คิดถึงว่าฮองเฮาที่ตนเองเลือกให้เซียวเหวินอวี๋ อดถอนหายใจไม่ได้
“ข้าเลือกฮองเฮาให้เจ้าผิด หากตอนนั้นเลือกพระสนมซูเฟยเป็นฮองเฮา ก็คงไม่เกิดเรื่องเช่นนี้”
ตระกูลเผยเป็นผู้นำบัณฑิต ตอนนั้นเขารู้สึกว่าบุตรสาวตระกูลเผยอบรมมาย่อมยอดเยี่ยม จึงเลือกสตรีคนหนึ่งตระกูลบุ๋นคนหนึ่งตระกูลบู๊ให้เซียวเหวินอวี๋ จะได้ช่วยงานเขา คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายฮองเฮากลับทำให้เขาผิดหวัง
แต่บุตรีตระกูลหวังซึ่งเป็นตระกูลขุนพลทหารกลับรู้ความและเข้าใจเหตุผล
เซียวเหวินอวี๋ได้ฟังเซียวอวี้ก็เอ่ยเตือนว่า “เสด็จพ่อทรงไม่รู้นิสัยแท้จริงสตรีตระกูลสูงศักดิ์หรือ”
เซียวอวี้เงยหน้ามองไปยังเซียวเหวินอวี๋ ถามว่า “อวี๋เอ๋อร์ เจ้าคิดจัดการกับฮองเฮาอย่างไรหรือ”
เห็นท่าทางเซียวเหวินอวี๋รังเกียจเผยอวี่เช่นนี้ เขาคงไม่แตะต้องเผยอวี่อีก เช่นนั้นเผยอวี่ก็ไม่อาจให้กำเนิดรัชทายาท หากองค์ชายใหญ่ไม่เดินผิดทาง ก็ย่อมได้เป็นรัชทายาท
เซียวเหวินอวี๋คิดแล้วก็กล่าวว่า “หากนางรู้ความ เห็นแก่ตระกูลเผย หม่อมฉันก็จะปล่อยให้นางดำรงตำแหน่งฮองเฮา หากนางไม่รู้ความก่อเรื่องอีก หม่อมฉันก็ไม่ถือสาหากต้องปลดตำแหน่งฮองเฮาของนางทิ้ง”
เซียวเหวินอวี๋กล่าวอย่างไม่เกรงใจ
เซียวอวี้ได้ฟังเขาก็ไม่ได้เอ่ยคัดค้าน เตือนว่า “แม้เจ้าจะปลดฮองเฮา แต่ก็ต้องรออีกสองปี ให้ตนเองมั่งคงกว่านี้ก่อน อีกอย่างต้องหาเหตุปลด อย่าปล่อยให้ตนเองถูกใต้หล้านินทาได้”
“พ่ะย่ะค่ะ หม่อมฉันทราบแล้ว”
เซียวเหวินอวี๋ไม่เอ่ยถึงเรื่องในวังอีก ถามสุขภาพเซียวอวี้อย่างห่วงใย “เสด็จพ่อ สุขภาพเป็นอย่างไรบ้าง รู้สึกดีขึ้นบ้างไหมพ่ะย่ะค่ะ”
ระยะนี้เซียวอวี้ไม่ได้กลัดกลุ้มกับราชกิจ ทุกวันไม่เดินเล่นในสวน ก็สอนหนังสือโอรสสองคนของตนเอง จึงอารมณ์ดี จิตใจก็ประปรี้กระเปร่าไม่เลว เซียวเหวินอวี๋เห็นเขาเช่นนี้ อีกสองสามปีก็คงไม่เป็นอันใดแล้ว อารมณ์ก็ดีขึ้นมาไม่อาจระงับ ยังคุยกับเซียวอวี้เรื่องน้องชายสองคนนี้
เซียวอวี้เล่าเรื่องตลกของบุตรชายให้เซียวเหวินอวี๋ฟัง สองพ่อลูกคุยกันเบิกบานใจอย่างมาก
เซียวเหวินอวี๋กลับไปด้วยรอยยิ้ม
แต่คืนนั้น ตำหนักนอกวังก็มีข่าวร้ายมา เซียวอวี้ล้มป่วยหนักกะทันหัน ทางนั้นรีบส่งคนเข้าวังมารายงานต่อเซียวเหวินอวี๋
เซียวเหวินอวี๋ได้ข่าวก็รีบพาพวกม่อเป่ยที่รับหน้าที่คุ้มกันในคืนนี้ไปยังตำหนักตากอากาศนอกวังทันที
แต่ก่อนออกจากเมืองหลวง เขาสั่งขันทีไปตระกูลเซี่ยแจ้งท่านพ่อกับท่านแม่ตน ให้พวกเขารีบไปตำหนักนอกวัง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวกำลังหลับสนิท ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าด้านนอก ทั้งสองคนก็ตกใจตื่น
พ่อบ้านเซียวให้คนเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ฮูหยิน ฝ่าบาทให้คนมาเชิญใต้เท้ากับฮูหยินไปตำหนักนอกวัง ไท่ซั่งหวงล้มป่วยกะทันหัน ฝ่าบาทเสด็จไปแล้ว ทรงให้ขันทีมาเชิญใต้เท้ากับฮูหยิน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวได้ฟังรีบลุกขึ้น เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบสวมเสื้อผ้าพลางเอ่ยถามลู่เจียว “หลายวันก่อน เจ้าไม่ใช่ว่าไปตรวจสุขภาพให้ไท่ซั่งหวงแล้วหรือ”
ลู่เจียวเองก็กำลังคิดเรื่องนี้ หลายวันก่อนนางไปตรวจสุขภาพให้ไท่ซั่งหวงจริง ไท่ซั่งหวงสุขภาพก็ดี ตามหลักแล้วไม่ควรล้มป่วยกะทันหันอันใด
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา มองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เซี่ยอวิ๋นจิ่น เรื่องนี้ไม่ปกติ ข้าแน่ใจว่าสุขภาพไท่ซั่งหวงไม่มีทางล้มป่วยหนักกะทันหัน”
สีหน้าเซี่ยอวิ๋นจิ่นพลันเคร่งเครียด ในใจแอบเอ่ยว่าไม่ได้การแล้ว เขารีบก้าวออกไปพลางเอ่ยน้ำเสียงเข้มว่า “เกรงว่ามีคนวางอุบายต่อไท่ซั่งหวง เพื่อให้ฝ่าบาทเสด็จไป เร็ว ข้าจะไปเคลื่อนกำลังพลจากอู่เฉิงปิงหม่าซือ[1]ก่อน”
ลู่เจียวได้ฟังเซี่ยอวิ๋นจิ่นก็คิดถึงไปถึงอีกเรื่องหนึ่ง ในใจก็เริ่มเต้นโครมคราม ทำเอาหวาดกลัว เกรงว่าฝ่าบาทจะตกอยู่ในอันตราย
นางครุ่นคิดรีบกล่าวกับเซี่ยอวิ๋นจิ่นว่า “เจ้าไปเคลื่อนกำลังจากอู่เฉิงปิงหม่าซือ ข้ารีบพาหร่วนไคกับ หร่วนจู๋สองคนไปตำหนักนอกวังก่อน”
“ตกลง”
ยามนี้สองสามีภรรยาไม่สนใจอันใดอีก ทั้งสองคนแยกกันปฏิบัติการ
ลู่เจียวรีบพาหร่วนไคกับหร่วนจู๋สองคนตรงไปยังตำหนักนอกวัง
ตลอดทางมา ลู่เจียวเร่งหร่วนไคที่ขับรถม้าไม่หยุด “เร็วอีกหน่อย เร็วอีก”
หร่วนไคเฆี่ยนม้าเต็มแรงตรงไปยังตำหนักนอกวัง
ไม่กล้าหยุดพักระหว่างทางแม้แต่นิด เกรงฝ่าบาทจะตกอยู่ในอันตราย
แต่แม้พวกเขาเร่งเดินทางเช่นนี้ ตอนไปถึงตำหนักนอกวังก็เห็นไฟลุกไหม้ท่วมขึ้นท้องฟ้าพร้อมเสียงสังหารไม่ขาดสาย
ลู่เจียวเห็นเช่นนี้ก็รีบสั่งการหร่วนไคกับหร่วนจู๋ “พวกเจ้าสองคนเข้าไปค้นหาฝ่าบาท จำไว้ทุ่มเทปกป้องฝ่าบาทอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งใด”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
ทั้งสองคนกำลังจะเข้าไปก็นึกถึงลู่เจียวขึ้นมาทันที “ฮูหยิน ท่าน…”
ลู่เจียวกัดฟัน “ไม่ต้องสนใจข้า รีบเข้าไปค้นหาฝ่าบาท อย่าให้ฝ่าบาทเกิดเรื่องอย่างเด็ดขาด หากฝ่าบาทได้รับบาดเจ็บ ก็พาเขามาพบข้า”
“ขอรับ/เจ้าค่ะ ฮูหยิน”
สองคนรีบทะยานเข้าไป
ลู่เจียวรอคอยอยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจ นางไม่เป็นวิทยายุทธ ไม่กล้าบุกเข้าไปในตำหนักนอกวัง หากเข้าไปแล้วอาจจะได้รับบาดเจ็บได้ ดังนั้นนางได้แต่รออยู่ด้านนอก
แต่ลู่เจียวรออยู่ไม่นาน เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เร่งนำคนมาถึง
แม้ว่าเขานำคนมาไม่มาก แต่อย่างไรก็แก้ปัญหาเฉพาะหน้านี้ได้ ลู่เจียวเห็นเขามา ก็ส่งเสียงร้องดังอย่างร้อนใจ “อวิ๋นจิ่น รีบนำคนเข้าไปช่วยฝ่าบาท อย่าให้ฝ่าบาทเกิดเรื่อง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรับคำนำทหารอู่เฉิงปิงหม่าซือบุกเข้าไป
คนที่เขานำมาเหล่านี้รับหน้าที่ลาดตระเวนรักษาความสงบในเมืองหลวงในคืนนี้ คนอื่นยังต้องไปแจ้งก่อน เซี่ยอวิ๋นจิ่นเป็นห่วงว่าคืนนี้จะเกิดเรื่องทางนี้ ดังนั้นจึงได้นำทหารลาดตระเวนส่วนหนึ่งมาก่อนให้คนไปแจ้งผู้บัญชาการอู่เฉิงปิงหม่าซือ ให้พวกเขารีบตามมา
[1] กองกำลังรักษาความสงบภายใน