ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 790 ไม่เป็นแล้ว
ตอนที่ 790 ไม่เป็นแล้ว
เดิมเซียวอวี้เห็นบุตรชายมาก็ดีใจมาก แต่กลับได้ยินเซียวเหวินอวี๋ขอให้ปลดสถานะตนเอง
เซียวอวี้สีหน้าเย็นเยียบ มองเขาด้วยแววตาเย็นเยียบ “เจ้าหมายความเช่นใด”
เซียวเหวินอวี๋พลันรู้สึกว่าไม่เป็นองค์ชายก็ดีมาก ความจริงตอนนี้เขานึกเสียใจภายหลังแล้ว หากตอนนั้นเขายืนยันกับบิดามารดาว่าไม่อยากเป็นองค์ชาย ไม่แน่ว่าบิดามารดาอาจคิดหาทางไม่ให้เขาต้องเข้าวัง
เซียวเหวินอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าไม่เป็นองค์ชายดีกว่า ดังนั้นจึงยืดตัวตรงขึ้นกล่าวน้ำเสียงหนักแน่นว่า “หม่อมฉันอยากทูลขอให้ทรงปลดสถานะหม่อมฉัน หม่อมฉันไม่เป็นองค์ชายแล้ว”
เป็นครั้งแรกที่เซียวอวี้ได้ยินว่ามีคนบอกว่าไม่อยากเป็นองค์ชาย เขามองบุตรชายตนเองแทบไม่อยากจะเชื่อ
“เจ้าว่า เจ้าไม่อยากเป็นองค์ชายรองแล้ว”
“พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวเหวินอวี๋ที่คิดตกแล้ว รับคำเสียงเข้ม หากเป็นองค์ชายแล้วสุดท้ายต้องกลายเป็นคนมากอุบายเช่นนั้น เขาไม่อยากเป็นองค์ชายแล้ว แม้ทุ่มเททุกอย่างจนได้เป็นฮ่องเต้ สุดท้ายหากต้องกลายเป็นดังเสด็จพ่อกับเขาเช่นนี้ เขาขอไม่เป็นฮ่องเต้เสียดีกว่า
เขาไม่อยากให้วันใดวันหนึ่งต้องมาสงสัยระแวงพี่น้องตนเองอยู่ทุกเช้าค่ำ ไม่อยากกลายเป็นคนโดดเดี่ยวตัวคนเดียว ชีวิตเช่นนั้นทุกข์ทรมานมากเกินไป
ครั้งนี้เซียวอวี้ได้เห็นความคิดบุตรชายตนเองกระจ่างแล้ว เหวินอวี๋ไม่อยากเป็นบุตรชายเขา ไม่อยากเป็นองค์ชายจริงๆ
อยู่ดีๆ เหตุใดไปตระกูลเฉินกลับมาก็เป็นเช่นนี้ไปได้
“เหตุใด”
เซียวอวี้หรี่ตามองบุตรชาย ยังไม่ได้โมโหในทันที
“ความจริงก็เพราะเสด็จพ่อไม่ต้องการบุตรชายอย่างข้า ในเมื่อไม่ต้องการ เหตุใดตอนนั้นจึงรับข้ากลับเข้าวัง ให้ข้าเป็นบุตรชายตระกูลเซี่ยไม่ดีหรือ”
เซียวอวี้มองบุตรชายที่คุกเข่าอยู่บนพื้นอย่างแทบไม่อยากจะเชื่อ
เขามีความอดทนของบิดาที่มีให้เซียวเหวินอวี๋อย่างไม่มีให้บุตรชายอื่น เหตุใดไม่อยากเป็นบุตรชายเขาแล้ว
“เหตุใดเราไม่อยากมีบุตรชายเช่นเจ้ากัน หากไม่ต้องการเจ้า ไยเราต้องให้เจ้ากลับเข้าวังมาเป็นองค์ชายรอง”
“ในเมื่อเสด็จพ่อต้องการข้า เหตุใดยามนี้เรียกตัวตระกูลเฉินเข้าเมืองหลวง ยังพระราชทานตำแหน่งเฉิงเอินป๋อให้ตระกูลเฉิน”
ดังนั้นเขาไปตระกูลเฉินแล้วถูกรังแกมาหรือ
เซียวอวี้สีหน้าเย็นเยียบ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยียบเย็นไม่พอใจ ตระกูลเฉินกล้ามาก ถึงกับกล้ารังแกองค์ชายรอง
เซียวอวี้กำลังคิดอยู่ เซียวเหวินอวี๋ที่คุกเข่าอยู่ก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “หรือเสด็จพ่อไม่ทรงรู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้ของหม่อมฉันอันตรายมาก ตระกูลเฉินเป็นเพียงตระกูลธรรมดาในตำบลเล็กๆ ของอำเภอชิงเหอ ยามนี้พวกเขาเข้าเมืองหลวงมาก็เป็นได้เพียงแค่หมากให้คนหลังม่านวางอุบายหม่อมฉัน พวกเขาเข้าเมืองหลวงมายามนี้ไม่เพียงแต่ไม่เป็นผลดีต่อหม่อมฉัน ยังจะกลายเป็นหมากให้ผู้อื่นโจมตีหม่อมฉันอีก”
“เสด็จพ่อรับตระกูลเฉินเข้าเมืองหลวง เห็นชัดว่าไม่ทรงเห็นชีวิตบุตรชายอยู่ในสายพระเนตร หรือว่าไม่เพียงพอจะแสดงให้เห็นว่าเสด็จพ่อไม่ทรงโปรดหม่อมฉัน ไม่ต้องการบุตรชายคนนี้ ในเมื่อไม่ต้องการบุตรชายคนนี้ เหตุใดตอนนั้นต้องรับหม่อมฉันกลับเข้าวัง ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หม่อมฉันขอให้ทรงปลดตำแหน่งองค์ชายรองอนุญาตให้หม่อมฉันออกจากวังเถิดพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้ยิ่งฟังเซียวเหวินอวี๋ก็ยิ่งรู้สึกว่าบุตรชายคนนี้เฉลียวฉลาด อายุเพียงสิบห้าก็มองสถานการณ์ตนเองตอนนี้ได้กระจ่าง
เพียงแต่เซียวอวี้ไม่คิดว่าตระกูลเฉินจะไม่ได้เรื่องเช่นนี้ อย่างไรอาจารย์เฉินก็เป็นอาจารย์สอนหนังสือ มีลูกศิษย์มากมาย เซี่ยอวิ๋นจิ่นก็เขาเป็นคนสอนมาไม่ใช่หรือ ตามหลักเขาควรจะมีปัญญาไหวพริบ อีกอย่างบุตรชายคนโตตระกูลเฉินเป็นจิ้นซื่อ บุตรชายรองตระกูลเฉินเป็นจวี่เหริน ตระกูลเช่นนี้เหตุใดจึงไม่ได้เรื่องเช่นนี้
ขณะเซียวอวี้กำลังคิดอยู่ เซียวเหวินอวี๋ก็เอ่ยขึ้นอีกว่า “ข้ารู้ว่าเสด็จพ่อรับตระกูลเฉินเข้าเมืองหลวงก็เพื่อข่มบารมีตระกูลเซี่ย แต่เสด็จพ่อเคยทรงคิดบ้างไหมว่าตอนนี้บุตรชายต้องการการปกป้องจากตระกูลเซี่ยหากไม่มีพวกเขา สถานะหม่อมฉันตอนนี้จะยังมีชีวิตรอดต่อไปได้หรือพ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าบุตรชายคนนี้ฉลาดจนน่าตกใจ แม้แต่เขาใช้ตระกูลเฉินมาข่มตระกูลเซี่ยก็มองออก และเขายังใจกล้ามาก ถึงกับกล้าพูดออกมาตรงๆ เช่นนี้
เซียวอวี้คิดแล้ว สุดท้ายก็ยิ้ม “เจ้าใจกล้ามาก ถึงกับคาดเดาความคิดเรา ไม่กลัวเราลงอาญาเจ้าหรือ”
เซียวเหวินอวี๋คุกเข่าหมอบลงอีก “หากเสด็จพ่อคิดลงอาญา หม่อมฉันก็ไร้วาจาจะกล่าว”
เซียวอวี้มองเขา สุดท้ายแค่นยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ดังนั้นไม่ใช่เจ้าโดนตระกูลเฉินรังแก แต่เป็นคนตระกูลเซี่ยโดนตระกูลเฉินรังแก เจ้าปวดใจใช่หรือไม่”
ครั้งนี้เซียวเหวินอวี๋จึงได้กล่าวอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “มารดาที่เลี้ยงดูหม่อมฉันถูกตระกูลเฉินรังแก หม่อมฉันทนดูไม่ได้ นางเลี้ยงดูหม่อมฉันมาจนโต สุดท้ายกลับถูกคนนอกรังแกนาง หม่อมฉันทนดูไม่ได้พ่ะย่ะค่ะ”
เซียวอวี้หรี่ตามองเซียวเหวินอวี๋ วันนี้หากเป็นคนอื่นกล่าวกับเขาเช่นนี้ เขาก็คงมีราชโองการลงอาญาไปแล้ว แต่บุตรชายกล่าวเช่นนี้ เขาลงอาญาไม่ลงจริงๆ
“เจ้าต้องการปกป้องนางหรือ”
“เพราะนางทุ่มเทอบรมบุตรชายคนนี้มา บุตรชายควรให้ความเคารพนาง”
เซียวอวี้พลันเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าไม่เป็นห่วงบ้างหรือว่าเจ้าเองได้รับบุญคุณจากนาง ทำให้สุดท้ายวันหนึ่งต้องถูกนางควบคุม”
เซียวเหวินอวี๋ที่คุกเข่าอยู่พลันเข้าใจ เสด็จพ่อเรียกตระกูลเฉินเข้าเมืองหลวง ก็เพราะทรงกลัวว่ามารดาเลี้ยงเขามาจะใช้บุญคุณมาบังคับเรียกร้องจากเขา สุดท้ายส่งผลต่อแผ่นดินตระกูลเซียว
เซียวเหวินอวี๋พลันยิ้มกล่าวอย่างมั่นใจว่า “ท่านแม่ข้าไม่ใช่คนคิดการใหญ่เช่นนั้น และไม่ใช่คนที่ไม่รู้จักเหตุผล หากนางเป็นเช่นนั้น นางก็คงไม่ลาออกจากตำแหน่งเจ้ากรมสำนักยาหลวง”
เซียวอวิ้นิ่งอึ้งไปเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เจ้าไม่กลัวนางคิดการใหญ่ยิ่งกว่าหรือ”
เช่นตำแหน่งไทเฮา?
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะขึ้นทันที มองเสด็จพ่อ ทูลน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “แม้ว่าหม่อมฉันอายุน้อย แต่ก็เข้าใจมารดาเลี้ยงหม่อมฉันเป็นอย่างดี นางอยากมีชีวิตที่อิสระห่างไกลจากเมืองหลวง หลายปีมานี้นางติดตามบิดาเลี้ยงหม่อมฉันมาใช้ชีวิตในแวดวงขุนนาง นางไม่ชอบชีวิตเช่นนี้”
เซียวอวี้มองบุตรชายที่เอ่ยถึงมารดาเลี้ยงตนเองด้วยแววตาเป็นประกาย ไม่รู้ว่าควรกล่าวอันใดดี บุตรชายฉลาดและมีไหวพริบดีจริงๆ เหมาะกับการเป็นฮ่องเต้ แต่ผูกพันกับบิดามารดาเลี้ยงเขามากเกินไป
หากตระกูลเซี่ยคิดเป็นใหญ่ เขายังเหมาะกับการเป็นฮ่องเต้แคว้นต้าโจวหรือ หากเขาเป็นแค่อ๋องธรรมดา ย่อมไม่เป็นอันใด แต่เขาฉลาดเช่นนี้ เหมาะกับเป็นรัชทายาทและว่าที่ฮ่องเต้ในของแคว้นต้าโจวในวันหน้ามาก
เซียวอวี้มองเขาเป็นนานก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเชื่อใจพวกเขาเช่นนี้ หากวันหนึ่งพบว่าไม่ใช่ดังที่คิด เจ้าจะเสียใจแทบไม่อาจมีชีวิต”
เซียวเหวินอวี๋หัวเราะทูลว่า “หม่อมฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่จะทำให้หม่อมฉันผิดหวัง”
เซียวอวี้เห็นบุตรชายมั่นใจเช่นนี้ ก็ไม่อาจคิดจินตนาการถึงเรื่องเช่นนั้น แต่เล็กเขาเติบโตมาท่ามกลางแผนอุบายชั่วร้าย คิดไม่ออกว่าโลกนี้ยังมีคนที่จริงใจต่อผู้อื่นด้วยใจจริง ที่ไม่คิดวางอุบายเพื่อผลประโยชน์ตนเอง แม้แต่ไทเฮาจ้าวเสด็จแม่เขาเองก็ยังคิดตักตวงผลประโยชน์จากเขา
เซียวอวี้ครุ่นคิดแล้วก็จ้องมองเซียวเหวินอวี๋ที่คุกเข่าอยู่ “ไสหัวกลับไป เราไม่อยากได้ยินเจ้าบอกว่าไม่เป็นองค์ชายอันใดอีก เจ้าเป็นองค์ชายในราชวงศ์ ไม่ใช่เรื่องที่เจ้าบอกว่าจะเป็นก็เป็น ไม่เป็นก็ไม่เป็นได้ วันหน้าหากพูดจาเหลวไหลอีก ดูว่าเราจะให้คนจัดการเจ้าอย่างไร”
เซียวเหวินอวี๋ยังคิดเอ่ยต่อ แต่เห็นฮ่องเต้ถลึงตาใส่เขา ก็ได้แต่ลุกขึ้นเดินออกไป เซียวอวี้รอให้เขาออกไปแล้วกก็นิ่งเงียบไปนาน ก่อนจะรับสั่งว่า “ไปสืบมาว่าวันนี้องค์ชายรองไปตระกูลเฉินเกิดเรื่องอันใดขึ้น”