ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 745 สำนักยาหลวง
ตอนที่ 745 สำนักยาหลวง
ฮ่องเต้ทรงบรรทมหลับอย่างรวดเร็ว เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนยังไม่กลับ ตอนนี้ฮ่องเต้ไม่ได้รับสั่ง พวกเขายังไม่อาจกลับ
แต่ลู่เจียวมองไปยังฉีเหล่ยเอ่ยเบาๆ ว่า “เจ้ากลับไปเถอะ พรุ่งนี้เป็นวันแต่งงานของเจ้า เจ้ารีบกลับไปเตรียมตัว ที่นี่มีข้าอยู่ พวกเราน่าจะไม่ได้ไปร่วมงานแต่งงานของเจ้าแล้ว”
ฉีเหล่ยมองลู่เจียวแล้วก็เห็นด้วย
ฮ่องเต้ตื่นบรรทมมาก็สายมากแล้ว วันนี้งดประชุมเช้า
ฮ่องเต้ลืมพระเนตรมาก็เห็นคนเฝ้าอยู่ในห้องบรรทม ทรงอดขมวดพระขนงไม่ได้ ตรัสถามขึ้นว่า “ฮูหยินเซี่ยล่ะ”
รัชทายาทเซียวอวี้ทูลว่า “ทูลเสด็จพ่อ หม่อมฉันให้คนพาพวกเขาไปพักผ่อนที่ตำหนักข้างแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้พยักพระพักตร์อย่างพอพระทัย คว้าแขนขันทีพยุงพระวรกายลุกขึ้น
ระยะนี้เพราะมีอาการปวดพระเศียรรุนแรง ทำให้ทรงบรรทมไม่หลับมาโดยตลอด ครั้งนี้หลับสนิทจริงๆ เพราะหลับสนิท ดังนั้นพระอารมณ์จึงแจ่มใสไม่น้อย
ทรงลุกขึ้นแล้วก็รับสั่งให้คนไปตามลู่เจียวมา
แต่พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นตามลู่เจียวมา ฮ่องเต้ก็ไม่พอพระทัย ขมวดพระขนงมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม ตรัสว่า “ขุนนางเซี่ยไม่วางใจภรรยาตนเองหรือ เห็นวังเราเป็นรังพยัคฆ์หรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรีบคุกเข่าลงทูลว่า “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเป็นกังวลพระวรกายฝ่าบาทพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้แค่นเสียงฮึเยียบเย็น “เจ้าคิดว่าเราเลอะเลือนหรือ แต่เห็นแก่ฮูหยินเจ้ารักษาอาการปวดหัวรุนแรงของเราหาย เราก็จะไม่เอาโทษเจ้า”
ฮ่องเต้กล่าวจบไม่สนใจอีกเซี่ยอวิ๋นจิ่น หันไปมองลู่เจียวกล่าวว่า “วิชาการแพทย์เจ้าร้ายกาจจริง หากเราต้องการให้เจ้าอยู่สำนักหมอหลวงในวัง เจ้ายินดีหรือไม่”
พระดำรัสฮ่องเต้ทำให้ทุกคนในห้องบรรทมต่างตกใจ เงยหน้ามองไปที่ฮ่องเต้ทันที แม้แต่ลู่เจียวก็มองไปยังฮ่องเต้อย่างตกใจ
คิดไม่ถึงว่าฮ่องเต้ถึงกับคิดให้นางอยู่เป็นหมอหลวงในวัง นี่คือทรงยอมรับวิชาการแพทย์ของนางแล้ว
แต่ลู่เจียวไม่อยากเป็นหมอหลวงในวัง นางทูลตอบอย่างนอบน้อมว่า “ทูลฝ่าบาท หม่อมฉันมีลูกยังเล็ก ไม่อาจอยู่ในวังได้เพคะ แต่หากฝ่าบาททรงต้องการให้หม่อมฉันรักษา ก็ส่งคนไปรับหม่อมฉันเข้าวังได้ วันหน้าทุกสิบวัน หม่อมฉันจะเข้าวังมาตรวจรพระวรกายให้ฝ่าบาทเพคะ”
ฮ่องเต้ได้ยินนางทูลเช่นนี้ ก็ไม่ได้ดึงดันจะให้นางอยู่ในวัง
“เราอนุญาต”
“ครั้งนี้เจ้ารักษาเราหายมีความชอบ ต้องการรางวัลอันใด”
ลู่เจียวได้ฟังฮ่องเต้ก็รู้สึกอยากได้บางอย่าง รีบคุกเข่าลงทูลว่า “หม่อมฉันมีเรื่องขอให้ฝ่าบาททรงอนุญาตด้วยเพคะ”
“ว่ามา”
“แคว้นต้าโจวไม่มีสำนักยาหลวง หม่อมฉันรู้สึกมาตลอดว่าน่าเสียดาย ก็เหมือนที่ยาแก้อักเสบก่อนหน้านี้ที่หม่อมฉันให้สำนักหมอหลวงทดสอบ เสียเวลาไปมาก หากมีสำนักยาหลวงของทางการ การทดสอบยาก็จะยิ่งรวดเร็วขึ้น เช่นนี้ยาสำเร็จรูปก็จะออกสู่ท้องตลาดได้รวดเร็ว นอกจากนี้สำนักยาหลวงยังอบรมหมอฝึกหัด ส่งพวกเขาไปประจำยังสำนักยาหลวงแต่ละพื้นที่ในแคว้นต้าโจว ประการแรก ช่วยป้องกันโรคระบาดในพื้นที่ต่างๆ ในแคว้นต้าโจวได้ และยังควบคุมโรคได้ทันเวลา ประการที่สอง หมอจากสำนักยาหลวงออกไปตามหมู่บ้านสอนอนามัยให้ราษฎรชนบท อีกอย่างวันหน้าคนที่คิดเป็นหมอก็จะเข้าสอบที่สำนักยาหลวงเพื่อออกหนังสือรับรองเป็นหมอได้ ไม่ใช่แค่ตอนนี้ที่พอรู้เรื่องสมุนไพรก็เป็นหมอรักษาไปทั่ว”
สิ่งที่ลู่เจียวเอ่ยมาเป็นโครงสร้างการรักษา ฮ่องเต้เป็นประมุขแห่งแคว้นต้าโจว พอได้ทรงฟังก็ฟังออกว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์ต่อแคว้นต้าโจวในวงกว้าง เขาย่อมเห็นด้วยทันที
“เรื่องนี้ไว้เราหารือกับบรรดาขุนนางก่อน”
แม้ว่าฮ่องเต้ไม่ได้รับปากทันที แต่ลู่เจียวก็ดีใจมากแล้ว อย่างไรฮ่องเต้ก็ทรงรับรู้แล้ว
ลู่เจียวเอ่ยขึ้นว่า “ฝ่าบาท หากไม่มีอันใด หม่อมฉันขอทูลลาเพคะ”
นางเป็นหญิงแต่งงานแล้วจะมาอยู่ในวังได้อย่างไร
ฮ่องเต้เห็นด้วย แต่ก็ยังเป็นห่วงสุขภาพตนเอง ตรัสถามว่า “อาการปวดหัวเราจะไม่กำเริบอีกใช่หรือไม่”
อาการป่วยความจริงก็ไม่ได้หายเร็วเช่นนั้น แต่หากใช้ยาตลอด ก็น่าจะไม่มีอาการปวดอีก
“ฝ่าบาทวางพระทัย ก่อนหน้านี้ตอนฝ่าบาทบรรทม หม่อมฉันได้เขียนเทียบยาให้หมอหลวงไว้แล้ว และบอกหมอหลวงแล้วว่าต้องฝังเข็มฝ่าบาทเช่นไรจึงจะไม่ปวดพระเศียรอีก”
ฮ่องเต้จึงได้ยอมปล่อยนางกลับ และยังพระราชทานของให้ลู่เจียวอีกเป็นกอง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวพากันโล่งอก ทูลลาฮ่องเต้ออกจากวัง
พอสองสามีภรรยาออกจากวัง ก็พลันรู้สึกโล่งใจขึ้นมาทันที
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “มิน่ามีคนกล่าวว่าเคียงข้างราชันดังเคียงข้างพยัคฆ์ เป็นเช่นนี้อยู่เหมือนกัน ข้ากลัวจริงๆ ว่าฝ่าบาทจะลงโทษ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า คิดถึงที่ลู่เจียวบอกก่อนหน้านี้ว่าทุกสิบวันจะเข้าวังมาตรวจอาการให้ฝ่าบาท ก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมา
“เจ้าคงไม่ใช่จะเข้าวังมาตรวจอาการฝ่าบาททุกสิบวันกระมัง”
“ย่อมต้องเป็นเช่นนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าฮ่องเต้จะยอมปล่อยข้าออกมาหรือ”
นางเองก็เพราะไร้หนทางจึงได้เลือกทางนี้ ฮ่องเต้ให้นางมาเป็นหมอหลวงในสำนักหมอหลวง แสดงให้เห็นว่าเพื่อสุขภาพพระองค์เอง นางทูลพระองค์ว่าทุกสิบวันจะเข้าวังมาตรวจพระอาการให้ พระองค์จึงทรงปล่อยนางกลับมาไม่ใช่หรือ
หากนางไม่กล่าวเช่นนี้ พระองค์ย่อมให้นางเข้าประจำที่สำนักหมอหลวง นางไม่อาจอยู่สำนักหมอหลวงได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่ได้กล่าวอันใดอีก แต่ครู่หนึ่งก็ดีใจขึ้นมา “หากไม่เหนือความคาดหมาย ฝ่าบาทย่อมทรงเห็นด้วยกับข้อเสนอสำนักยาหลวงแคว้นต้าโจวของเจ้าก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้ว่าฝ่าบาทจะรับสั่งให้ผู้ใดดำรงตำแหน่งเจ้ากรมสำนักยาหลวง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่อยากให้ลู่เจียวมารับตำแหน่งเจ้ากรมสำนักยาหลวง แต่ไรมาแคว้นต้าโจวไม่มีผู้หญิงเป็นขุนนาง ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้เป็นเช่นนี้
ลู่เจียวเองก็ไม่ได้คิดในทางนี้ นางคาดเดาว่า “หากไม่เหนือความคาดหมาย น่าจะเป็นคนตระกูลฉี”
“ก่อนหน้านี้หมอหลวงฉียังถูกฝ่าบาทสั่งโบยนะ”
“ไม่แน่ว่าอาจเป็นฉีเหล่ย”
ทั้งสองคนกล่าวถึงฉีเหล่ย คิดถึงว่าวันนี้ฉีเหล่ยแต่งงาน เดิมพวกเขาคิดว่าตนเองออกจากวังไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าถึงกับออกมาได้ ตอนนี้เร่งเดินทางไปก็ยังทัน
“พวกเราไปตระกูลฉีร่วมงานแต่งงานของฉีเหล่ยกันเถอะ”
“ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสั่งการให้โจวเส้ากงขับรถม้าไปจวนตระกูลฉี
ตระกูลฉีมีแขกเหรื่อมากันมากมาย รถม้าและผู้คนไปมาขวักไขว่คึกคัก สิงโตหินหน้าประตูประดับแพรดอกไม้แดงดอกใหญ่ สองข้างประตูแขวนโคมแดงคู่หนึ่ง เต็มไปด้วยบรรยากาศมงคลยิ่ง
ตระกูลฉีอยู่เมืองหลวงแม้ว่าสถานะไม่นับว่าสูง แต่ในฐานะหมอหลวง ตระกูลพวกเขาช่วยรักษาชนชั้นสูงศักดิ์ในเมืองหลวงมาไม่น้อย ดังนั้นวันนี้ฉีเหล่ยแต่งงาน จึงมีคนไม่น้อยมาร่วมแสดงความยินดี ทำให้มีคนมากันมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวลงจากรถม้า มีคนเห็นไม่น้อย
ทุกคนยามนี้รู้แล้วว่าฮูหยินเซี่ยอวิ๋นจิ่นรักษาอาการปวดพระเศียรให้ฝ่าบาท นางนับว่าได้แสดงตนต่อหน้าพระพักตร์แล้ว วันหน้าพวกนางไม่อาจล่วงเกินนางแล้ว ได้ยินว่าฝ่าบาทยังคิดให้นางดำรงตำแหน่งในสำนักหมอหลวงอีกด้วย
แต่ไรมาแคว้นต้าโจวไม่มีสตรีเข้าดำรงตำแหน่งในสำนักหมอหลวง แต่ฝ่าบาทถึงกับคิดแต่งตั้งลู่เจียว นี่ไม่ใช่เพราะว่าวิชาการแพทย์ยอดเยี่ยมหรอกหรือ และยังทรงเชื่อพระทัยนาง
คนไม่น้อยหน้าประตูทักทายพวกเขาสองสามีภรรยา
“ใต้เท้าเซี่ยมาแล้ว”
“ฮูหยินเซี่ยก็มาแล้ว”
“พวกเราเข้าไปด้วยกันเถอะ”