ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 72 เอ้อร์เป่าโดนตบ
ตอนที่ 72 เอ้อร์เป่าโดนตบ
แววตาของลู้กุ้ยฉายประกายแสง ได้ ทำไมจะไม่ได้ หนึ่งปีได้ออมเงินสิบกว่าตำลึงแน่ะ ดีมากกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
“พี่เจียว พวกเราจะฟังท่านทุกอย่าง”
ลู่เจียวหันไปมองเถียนซื่อ “ท่านแม่ เช่นนั้นก็ตามนี้”
เถียนซื่อรู้สึกหัวใจชุ่มฉ่ำไปทั้งดวง ดวงตาเคล้าด้วยรอยยิ้มอันอ่อนโยน “ได้ แม่จะทำตามที่เจียวเจียวพูดทุกอย่างเลย”
ลู่เจียววางแผนแทนเถียนซื่อเช่นนี้ ก็เพราะไม่อยากให้คนตระกูลลู่โวยวายเพราะเรื่องเงินอีก ไม่อย่างนั้นสุดท้ายย่อมเกิดเรื่องบาดหมางใจกัน
“ท่านแม่ ข้าคำนวณดูก่อน ถั่วหนึ่งจินสี่เหวิน ทำเต้าหู้ได้ประมาณสามจิน เต้าหู้หนึ่งจินขายได้สามเหวิน เท่ากับท่านได้เก้าเหวิน ส่วนเศษเต้าหู้ ถ้ามีคนซื้อก็ขายให้หนึ่งเหวิน แต่ถ้าไม่มีใครซื้อ ก็เอาไปให้อาหารหมู”
ลู่เจียวคำนวณต้นทุนและรายได้ทั้งหมด เถียนซื่อและลู่กุ้ยตาลุกวาว สวรรค์ เช่นนี้ก็ได้เงินเยอะแยะน่ะสิ
เจียวเจียวช่วยพวกนางสร้างรายได้ทั้งตระกูลจริงๆ
เถียนซื่อมองลู่เจียวพร้อมด้วยความอ่อนโยน “เจียวเจียว ถึงเวลาข้าจะแบ่งเงินส่วนกลางให้เจ้าหนึ่งส่วนนะ”
ลู่กุัยพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าเห็นด้วย”
ลู่เจียวกลับปฏิเสธกลับ “ท่านแม่ ไม่ต้องหรอก ข้าไม่ต้องการ”
เถียนซื่อยังอยากพูดอะไรต่อ แต่ลู่เจียวกุมมือนางไว้ “ท่านแม่ ข้าเก็บสมุนไพรมารักษาโรคให้ผู้ป่วยได้ ข้ายังมีงานอย่างอื่นให้ทำอีกเยอะ ท่านไม่ต้องกังวลว่าข้าจะไม่มีเงิน อย่างไรขอเพียงท่านมีชีวิตสุขสันต์ ข้าก็ดีใจแล้ว”
“สำหรับวิธีทำเต้าหู้ วันข้างหน้าถ้าพวกเขากตัญญูต่อท่าน ท่านค่อยสอนพวกเขาทำ ถ้าไม่มีใครกตัญญู ก็ไม่ต้องสอนหรอก”
เถียนซื่อพยักหน้าด้วยดวงตาแดงระเรื่อ ยกมือลูบศีรษะลู่เจียว นางมีอะไรดี เหตุใดถึงมีลูกสาวที่รักและเป็นห่วงนางมากเช่นนี้
ลู่กุ้ยตบอกให้สัญญาเป็นมั่นเหมาะ “พี่เจียว วางใจเถอะ ข้าสัญญาว่าจะกตัญญูต่อท่านแม่ จะไม่ทำให้ท่านแม่เสียใจเลย”
ลู่เจียวแค่นเสียง “ทำให้ได้อย่างที่พูดเถอะ”
พูดจบนางก็ไม่สนใจลู่กุ้ยอีก หันไปพูดกับเถียนซื่อด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ เช้าวันพรุ่งนี้ ข้าจะสอนทำเต้าหู้”
“ดี ดีเลย”
“ตอนนี้พวกเราทำอาหารค่ำกันเถอะ เย็นมากแล้ว”
เถียนซื่อทำอาหารค่ำด้วยความดีอกดีใจ ลู่เจียวสั่งให้ลู่กุ้ยไปขนเตียงเก่าสามขาไปที่ห้องเล็กในเรือนตะวันตก จะได้ใช้นอนตอนกลางคืน
ลู่กุ้ยรีบไปขนอย่างมีความสุข
ลู่เจียวและเถียนซื่อเตรียมมื้อค่ำในครัว คืนนี้กินปลาน้ำแดงและขนมทอด ลู่เจียวยังทำยำแตงกวาหนึ่งจาน ผัดไข่กับกุ้ยช่ายอีกหนึ่งจาน ผักพวกนี้ล้วนได้จากผู้ใหญ่บ้าน
อันที่จริงลู่เจียวจะใช้ขาหมูต้มกับถั่วเหลือง แต่หม้อใบเดียวไม่พอใช้ ฟ้าก็มืดแล้วด้วย นางจึงไม่ได้ทำ
ดูๆ แล้ว ซื้อหม้อเพิ่มอีกสองใบน่าจะเป็นเรื่องสำคัญที่สุด
ลู่เจียวกำลังครุ่นคิด จู่ๆ ก็มีเสียงร้องไห้ของเด็กน้อยดังขึ้นจากนอกเรือน
นางตั้งใจฟัง ที่แท้เป็นเสียงของหนึ่งในแฝดสี่
ลู่เจียวหน้าเปลี่ยนสี เดินออกจากห้องครัว
เสียงร้องไห้ดังจากนอกรั้ว ลู่เจียวเดินออกไป มองไปที่มุมรั้วบ้าน
หนึ่งในแฝดสี่ล้มอยู่บนพื้น อีกสองคนกำลังพยุงคนที่ร้อง ส่วนอีกคนกำลังชี้เด็กที่เดินไปไกล พลางตะคอกด้วยความโมโห
“ไช่โต้ว เจ้ากล้าตีเอ้อร์เป่า คอยดูนะ ไว้ข้าจะคิดบัญชีเจ้า”
ลู่เจียวเดินไปใกล้ เห็นเอ้อร์เป่าที่อยู่ท่ามกลางแฝดสามโดนตบ มีรอยมือสีแดงประทับอยู่บนแก้มบวมแดง
สีหน้าของลู่เจียวเย็นชาขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันก็นึกถึงคำพูดเมื่อครู่นี้ของต้าเป่า
ไช่โต้วคือลูกชายคนรองของครอบครัวลูกคนโตตระกูลเซี่ย เขาถึงกับกล้ามาตีลูกนาง
“ต้าเป่า อยู่ดีๆ ไช่โต้วก็วิ่งมาตบเอ้อร์เป่าหรือ”
ต้าเป่าหันไปมองลู่เจียว ใบหน้าซูบผอมของเขาเต็มไปด้วยโทสะ
“เมื่อครู่เขามาโบกไม้โบกมือที่นอกบ้านพวกเรา พวกเรานึกว่าเกิดอะไรขึ้น จากนั้นเขาก็บอกให้พวกเรางอแงกับท่านพ่อว่าจะขอกลับไปอยู่บ้านท่านปู่ ทว่าพวกเราไม่เห็นด้วย เขาเลยโกรธ ตบหน้าเอ้อร์เป่าไปหนึ่งที”
แฝดสี่นึกไม่ถึงว่าไช่โต้วจะลงมือกะทันหัน เอ้อร์เป่าเลยโดนตบไปหนึ่งฉาดอย่างไม่ทันตั้งตัว
ต้าเป่าพูดจบ เอ้อร์เป่าก็หันไปพูดกับลู่เจียวอย่างเศร้าโศก “ท่านแม่ ข้าเจ็บหน้า”
ลู่เจียวพลันควักยาออกจากแขนเสื้อแล้วทาให้ทันที เอ้อร์เป่ารู้สึกเย็นตรงแก้ม ไม่ได้เจ็บมากเหมือนตอนแรกแล้ว
เขาหยุดร้องแล้วมองลู่เจียว “ท่านแม่ ข้าสู้เขาไม่ไหว”
ลู่เจียวมองเด็กชายตัวน้อยทั้งสี่ที่ทั้งผอมทั้งเตี้ย ไม่มีแรงแม้แต่น้อย วันหลังหากออกไปเล่นกับเด็กๆ คนอื่น แล้วจะไม่โดนรังแกได้อย่างไร
ลู่เจียวอดเป็นห่วงไม่ได้
“พรุ่งนี้ข้าจะสอนพวกเจ้าป้องกันตัวเอง ถ้าวันหลังใครมารังแกพวกเจ้า พวกเจ้าก็สู้กลับไปเลย พวกเราไม่รังแกคนอื่น แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้คนอื่นมารังแก”
ลู่เจียวเกิดเป็นหมอทหาร รู้ว่าจะทำให้คนอื่นเจ็บตัวได้อย่างไร ต่อให้พวกเขายังเด็ก แต่ถ้าฝึกได้ดี ก็ไม่มีทางโดนใครเอารัดเอาเปรียบแน่นอน
แฝดสี่ได้ยินคำพูดของลู่เจียวก็ตาลุกวาว “ท่านแม่ เรื่องจริงหรือ เช่นนั้นพวกเราจะรอฝึกพรุ่งนี้”
ลู่เจียวพยักหน้า เห็นว่าแก้มของเอ้อร์เป่ายังคงมีรอยฝ่ามือ นางก็อัดอั้นความโกรธเคืองนี้ไว้ไม่ได้ จะปล่อยให้คนอื่นมาตบง่ายๆ เช่นนี้หรือ
ลู่เจียวคิดพลางประคองเอ้อร์เป่าลุกขึ้น พูดด้วยสีหน้าหม่นหมอง “ไป พวกเราไปถามลุงใหญ่ดูว่าพวกเขาสอนบุตรอย่างไร ถึงกล้าลงมือกับคนอื่นเช่นนี้”
วันนี้นางจะสั่งสอนไอ้เด็กนั่นให้สาสม
แฝดสี่ได้ยินเช่นนี้ก็พยักหน้าเต็มแรง “อืม ไปคิดบัญชีกับเขา”
แฝดสี่มีศัตรูคนเดียวกัน ส่วนเถียนซื่อและลู่กุ้ยที่เพิ่งเดินออกมา พอรู้ว่าแฝดสี่โดนตี สีหน้าก็ไม่ค่อยดีนัก
เถียนซื่อกัดฟันกรอด “ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นจริงๆ อยู่กับหมาก็ย่อมเป็นหมาโดยแท้”
เถียนซื่อพูดจบก็จูงมือต้าเป่าไว้ “ไป ยายจะไปกับพวกเจ้าเอง”
ลู่กุ้ยก็เอ่ยขึ้น “น้าก็จะไปเป็นเพื่อนพวกเจ้า”
ลู่เจียวเป็นห่วงเซี่ยอวิ๋นจิ่น จึงหันไปมองลู่กุ้ย “เจ้าไปดูแลพี่เขยเถอะ ข้ากับท่านแม่จะพาเด็กๆ ไปที่บ้านใหญ่เซี่ยเอง”
ลู่กุ้ยกำชับอย่างกังวใจ “พวกท่านระวังตัวด้วย”
เถียนซื่อแค่นเสียงเย็นชา “พวกนางกล้าตบตีพวกเราหรือ”
ลู่เจียวไม่พูดอะไรอีก เพียงหันหลังพาเถียนซื่อและแฝดสี่เดินไปที่บ้านใหญ่เซี่ย
ตลอดทางมีคนเห็นก็ไล่ถามขึ้น ลู่เจียวไม่คิดปิดบัง ซ้ำยังป่าวประกาศให้รู้กันถ้วนหน้า
“ข้าจะไปถามพี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่ว่าสั่งสอนลูกอย่างไร จู่ๆ ก็ปล่อยให้เด็กวิ่งมาบอกแฝดสี่ให้ไปงอแงกับอวิ๋นจิ่นว่าอยากจะย้ายกลับไปอยู่บ้านใหญ่ แฝดสี่ไม่เห็นด้วย ไช่โต้วก็ตบหน้าเอ้อร์เป่าของพวกเราทันที เจ้าดูสิ หน้าของเขาบวมแค่ไหน”
หน้าของเอ้อร์เป่าบวมจริงๆ แล้วยังมีรอยนิ้วมือด้วย
ไม่มีใครบอกว่าเซี่ยต้าเฉียงและเฉินหลิ่วดีเลยแม้แต่คนเดียว น้องสามเซี่ยอวิ๋นจิ่นเคยเข้าข้างพวกเขา ทั้งยังเชิดชูพวกเขาต่อหน้าคนในหมู่บ้าน ตอนนี้พวกเขากลับไปรังแกน้องสาม สมองของพวกเขามีปัญหาจริงๆ
พอเห็นว่าอวิ๋นจิ่นมีทางรักษาขาให้หาย พวกเขาไม่ใช่ว่าควรสานความสัมพันธ์อันดีกับน้องสามหรือ เหตุใดถึงปล่อยให้ลูกชายมารังแกลูกน้องสามอย่างนี้
ตลอดทาง คนในหมู่บ้านเซี่ยทยอยเดินตามลู่เจียวและเถียนซื่อไปที่บ้านใหญ่ตระกูลเซี่ย
เวลานี้ทั้งครอบครัวตระกูลเซี่ยกำลังสั่งสอนไช่โต้ว เรื่องแค่นี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ
เฉินหลิ่วใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากของบุตรชายตัวเองแรงๆ “เลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ เจ้าไม่รู้จักเกลี้ยกล่อมแฝดสี่เลยหรือ ไม่รู้จักบอกว่าถ้าอาสามกลับมา พวกเราจะให้กินของอร่อยเลยหรือ”