ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 716 กตัญญู
ตอนที่ 716 กตัญญู
ลู่อันมองลู่กุ้ยที่กำลังเอ่ยหยอกล้อด้วยสีหน้าเย็นเยียบ มีความสามารถเอาอกเอาใจจริง
ขอบตาสะใภ้รองลู่แดงก่ำ ยิ่งมองทุกอย่างด้วยความรู้สึกคับข้องใจ เหตุใดน้องสามีจึงรับลูกสาวเซี่ยเอ้อร์จู้สองคนมาอบรมข้างกาย ตอนนี้ยังจะรับเสี่ยวอวี๋ไปเมืองหลวงด้วยอีก มีแต่เถาจื่อบุตรสาวพวกนางที่ไม่ได้สิทธิพิเศษนี้
สะใภ้รองลู่อดส่งเสียงเรียกร้องไม่ได้ “น้องเจียว เจ้าไม่ยุติธรรม”
ลู่เจียวได้ฟังสะใภ้รองลู่ก็หันไปมองนาง เริ่มแรกใบหน้ายังมีรอยยิ้มอยู่บ้าง แต่ก็ค่อยๆ เย็นเยียบลง นางเอ่ยถามอย่างไม่เกรงใจว่า “พี่สะใภ้รอง ไม่รู้หรือว่าเหตุใดข้าทำเช่นนี้”
น้ำเสียงนางเย็นเยียบราวกับน้ำค้างแข็ง ชัดเจนก้องหูดุจไข่มุกกระทบจาน
สะใภ้รองลู่รู้สึกหนาวยะเยือกขึ้นมาทันที
ลู่เจียวไม่คิดสนใจนางอีก ลู่เจียวรังเกียจพี่รองลู่มาก ครอบครัวสะใภ้รองลู่คิดวางอุบายนาง ยังมาหาว่านางไม่ยุติธรรมอีก คู่ควรหรือ
ลู่เจียวหันไปมองพี่ใหญ่ลู่กับสะใภ้ใหญ่กล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่ หู่จื่อเองก็ควรได้เวลามองหาคู่ครองแล้ว ข้าเตรียมของไว้ให้เขาแล้ว ถึงตอนนั้นจะเชิดหน้าชูตาให้ตาหู่จื่อสักหน่อย”
พี่ใหญ่ลู่กับสะใภ้ใหญ่ดีใจมาก สองสามีภรรยาลุกขึ้นเอ่ยขอบคุณ “ขอบคุณ น้องเจียว”
แม้ว่าพวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทองแต่ขาดหน้าตา น้องเจียวเป็นฮูหยินขุนนาง ของขวัญที่มอบให้ ไม่เอ่ยถึงราคา แต่ย่อมเป็นของหายาก ที่สำคัญที่สุดก็คือสถานะนาง
หลายปีนี้ลู่เจียวดีกับพี่ใหญ่ลู่และสะใภ้ใหญ่มาก มักมอบของให้พวกเขา สาเหตุเพราะพวกเขาดีกับเถียนซื่อ ดูแลเถียนซื่อราวกับบรรพชนที่เคารพรัก ดังนั้นลู่เจียวจึงดีต่อพวกเขา
กลับกัน พี่รองลู่กับสะใภ้รองไม่เพียงแต่วางอุบายนาง ยังไม่ค่อยกตัญญูต่อเถียนซื่อ ทำให้ลู่เจียวยิ่งไม่พอใจพวกเขา
ในห้อง ลู่เจียวโบกมือ ยิ้มกล่าวว่า “พี่ใหญ่ พี่สะใภ้ใหญ่อย่าได้เกรงใจ พวกพี่ดีกับท่านพ่อท่านแม่ก็เหมือนเป็นการตอบแทนข้าที่ดีที่สุดแล้ว”
พี่ใหญ่ลู่และสะใภ้ใหญ่รู้นานแล้วว่าที่ลู่เจียวดีต่อพวกเขาเพราะพวกเขากตัญญูต่อเถียนซื่อ ดังนั้นน้องสาวจึงดีต่อเขาเช่นนี้
พี่ใหญ่ลู่กับสะใภ้ใหญ่ก็ย่อมยิ่งแน่ใจเรื่องหนึ่ง นั่นก็คือยิ่งต้องดีต่อมารดา
เถียนซื่อได้ยินลู่เจียว ในใจก็ซาบซึ้งยากบรรยาย ในบรรดาลูกของนาง คนที่กตัญญูต่อนางที่สุดก็คือบุตรสาวคนนี้
หากไม่มีบุตรสาวค่อยจัดการทุกอย่างให้นาง ลูกชายคนโตและใภ้ใหญ่จะกตัญญูเช่นนี้หรือ จะว่าไป นางมีบุตรสาวดี
เถียนซื่อมองลู่เจียวอย่างรู้สึกพึงพอใจ ลู่เจียวยื่นมือไปดึงมือนางมากำชับว่า “ท่านแม่ รอให้หลานชายท่านแต่งภรรยา ข้าจะให้คนมารับท่านแม่เข้าเมืองหลวง ถึงตอนนั้นท่านก็อยู่เมืองหลวงนานหน่อย”
“ได้ แม่ฟังเจ้า”
ทุกคนในห้องต่างยิ้มแย้ม สีหน้าแต่ละคนมีแต่รอยยิ้ม มีเพียงพี่รองลู่และสะใภ้รองลู่ที่ในใจไม่พอใจ แต่ไม่มีคนสนใจพวกเขา
นอกประตู ติงเซียงผลักประตูเดินเข้ามารายงาน “ฮูหยิน นำของขึ้นรถม้าส่งไปแล้ว ใต้เท้าให้คนมาบอกว่า ได้เวลาพอสมควรแล้ว พวกเราควรออกเดินทางได้แล้ว หากยังไม่ออกเดินทาง คืนนี้เรือต้องจอดระหว่างทาง”
บนคลองเดินเรือ มีท่าเรือสำหรับจอดเรือใหญ่ค้างคืนโดยเฉพาะ ท่าเรือเหล่านี้มีทหารเฝ้ายาม ดังนั้นปลอดภัยมาก ไม่มีอันตรายใด แต่หากจอดเรือระหว่างทาง ก็จะถูกปล้นได้ง่าย แม้ว่าคนตระกูลเซี่ยไม่กลัวโจร แต่ครั้งนี้เข้าเมืองหลวง พวกเขานำของมาไม่น้อย หากพบเจอโจร เกรงว่าของจะเสียหายหมด
ดังนั้นเซี่ยอวิ๋นจิ่นจึงได้ให้คนมาตามลู่เจียว
ลู่เจียวเห็นว่าที่ควรพูดก็พูดหมดแล้ว ก็ไม่คิดอยู่ต่อ นางลุกขึ้นมองไปยังคนบ้านเดิมตระกูลเซี่ยทุกคน แล้วก็บอกคนตระกูลลู่ทุกคน “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้าคงไม่เชิญพวกท่านอยู่กินข้าว พวกข้าควรออกเดินทางเข้าเมืองหลวงแล้ว”
“ได้”
ในบรรดาคนทั้งหมด คนที่อาลัยอาวรณ์ที่สุดก็คือเถียนซื่อ เถียนซื่อดึงมือบุตรสาวมากุมไว้ ในใจยากตัดใจยิ่ง เดิมตอนอยู่เมืองหนิงโจว นางยังมาเยี่ยมบุตรสาวบ่อยๆ ได้ บุตรสาวไปครานี้ เกรงว่าคงไม่ได้พบกันอีกหลายปี
“เจียวเจียว เจ้าอยู่เมืองหลวงต้องรักษาเนื้อรักษาตัวนะ”
ในบทละครมักแสดงว่าอยู่ร่วมกับคนเมืองหลวงพวกนั้นยาก
ลู่เจียวมองออกว่าเถียนซื่อเป็นห่วงนาง ก็อมยิ้มกล่าวว่า “ท่านแม่วางใจได้ ข้าจะระมัดระวัง บุตรสาวท่านฉลาดอยู่แล้ว”
วาจาซุกซนประโยคสุดท้ายหยอกเอาเถียนซื่อรู้สึกขำ นางยิ้มมองลู่เจียวกล่าวว่า “มีแต่เจ้าที่ซุกซน”
ทุกคนเดินออกมาหน้าประตูจวนตระกูลเซี่ยก็มืดไปหมด นอกจากขุนนางจากที่ว่าการเมืองหนิงโจว ยังมีชาวบ้านเมืองหนิงโจวและคนในวงศ์ตระกูลเซี่ยที่พากันมาส่ง
พอลู่เจียวออกมา คนในที่นั้นไม่น้อยก็ส่งเสียงเรียก “ฮูหยินเซี่ย”
หลายปีมานี้เซี่ยอวิ๋นจิ่นมีชื่อเสียง ลู่เจียวเองก็มีชื่อเสียง นางมักช่วยรักษาโรคให้ผู้อื่น และรักษาคนจนไม่เก็บเงิน ทำให้ทุกคนต่างรู้ว่าฮูหยินเซี่ยจิตใจดีงาม เป็นคนเมตตาอารีที่หาได้ยากยิ่ง
หมอเซี่ยน้อยบุตรชายนาง อายุน้อยๆ ก็ติดตามเรียนหมอกับนางจนวิชาการแพทย์ยอดเยี่ยม ประเด็นสำคัญก็คือเป็นคนจิตใจดีมาก
ลู่เจียวพยักหน้าให้คนตรงหน้าทีละคน จากนั้นก็เดินไปข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่น แต่ก่อนจะปล่อยมือเถียน ซื่อ ยังยัดตั๋วแลกเงินใส่มือเถียนซื่อห้าร้อยตำลึง เพราะไม่มีเวลาอยู่กันตามลำพัง นางได้แต่แอบยัดใส่มือเถียน ซื่อ
เถียนซื่อก้มหน้าลงมองก็คิดจะส่งคืนลู่เจียว แต่พอเห็นคนโดยรอบมากมายแล้วก็ได้แต่เก็บเอาไว้
ตอนลู่เจียวมอบเงินให้เถียนซื่อ คนบ้านตระกูลลู่ต่างเห็น
ในใจพี่ใหญ่ลู่และสะใภ้ใหญ่ดีใจบอกไม่ถูก พวกเขากตัญญูต่อมารดา มารดาก็ดีต่อพวกเขาด้วยใจจริง ก่อนหน้านี้เคยบอกแล้วว่าของมารดาวันหน้าก็จะเป็นของบ้านใหญ่พวกเขา ดังนั้นวันหน้าพวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทองแล้ว ขอเพียงพวกเขาปรนนิบัติบิดามารดาให้ดีก็พอ
พี่รองลู่กับสะใภ้รองเห็นแล้ว ในใจก็ปวดปลาบบอกไม่ถูก แม้ว่าตอนนี้พวกเขาไม่ขาดแคลนเงินทองแต่คิดถึงว่าวันหน้าของท่านพ่อกับท่านแม่จะมอบให้พี่ใหญ่ลู่กับสะใภ้ใหญ่ทั้งหมด พี่รองลู่กับสะใภ้รองลู่ก็อารมณ์ไม่ดี
ลู่กุ้ยกลับไม่คิดเช่นนี้ เพราะปีก่อนลู่เจียวมอบร้านอาหารในอำเภอชิงเหอร้านนั้นให้เขาคนเดียว ตอนนี้เขาไม่ขาดแคลนเงินทอง และไม่คิดเล็กคิดน้อยหากเงินในมือท่านพ่อกับท่านแม่จะมอบให้พี่ใหญ่กับสะใภ้ใหญ่ สมควรแล้ว อย่างไรพี่ใหญ่กับสะใภ้ใหญ่ก็ดูแลท่านพ่อท่านแม่
ไม่พูดถึงความคิดของคนตระกูลลู่ กลับมาพูดถึงเพียงแค่ลู่เจียว นางเดินมาข้างกายเซี่ยอวิ๋นจิ่น แล้วก็เรียกให้คนข้างกายเขามารวมกัน สุดท้ายตอนพวกเขาจะจากไป ลู่เจียวยังมอบตั๋วแลกเงินสามร้อยตำลึงให้เซี่ยเหล่าเกินต่อหน้าทุกคน ทำให้พวกเขาได้รับคำสรรเสริญจากผู้คนอีกครั้ง
สุดท้ายรถม้าตระกูลเซี่ยจากไปอย่างยิ่งใหญ่ คนด้านหลังโบกมือส่งไม่หยุด ในกลุ่มคนเหล่านี้ ที่ไม่อยากให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นจากไปมากที่สุดก็คือชาวบ้าน
แต่ใต้เท้าเซี่ยเข้าเมืองหลวงไปรับตำแหน่ง พวกเขาไม่อาจขวางอนาคตใต้เท้าเซี่ยได้
ขบวนรถม้ายิ่งใหญ่มุ่งตรงสู่ท่าเรือเมืองหนิงโจว เซี่ยอวิ๋นจิ่นในรถม้ากุมมือลู่เจียว ยิ้มกล่าวว่า “ครั้งนี้เข้าเมืองหลวง เกรงว่าคงต้องอยู่นานหลายปี”
ลู่เจียวพยักหน้า พลันคิดถึงเรื่องชาติกำเนิดซื่อเป่า นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวเบาๆ ว่า “ครั้งนี้เข้าเมืองหลวง เจ้าบอกเรื่องชาติกำเนิดซื่อเป่ากับองค์ชายรัชทายาทดีกว่า หากรัชทายาทไม่คิดรับเขาไว้ วันหน้าเขาก็คือบุตรชายตระกูลเรา พวกเราจะได้วางแผนให้เขา หากรัชทายาทคิดรับเขากลับไป ก็ต้องจัดการวางแผนชีวิตเขาใหม่”