ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 675 ชั่วร้าย
ตอนที่ 675 ชั่วร้าย
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพอได้ฟังก็ฟังออกว่าท่านพ่อเมี่ยวเมี่ยวคือผู้ใด เป็นเจิ้งจื้อซิ่งผู้นั้น
เซี่ยอวิ๋นจิ่นแปลกใจเลิกคิ้ว “เจ้าเจอเจิ้งจื้อซิ่งหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้า มองเขากล่าวว่า “เจ้าลองเดาว่าตอนนี้เขามาทำอันใดที่นี่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นไตร่ตรองคิดอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า “เขาคงไม่ใช่นายอำเภอชิงเหอคนใหม่กระมัง”
ลู่เจียวเลิกคิ้วแปลกใจ “เจ้าร้ายกาจเกินไปแล้วกระมัง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเดิมก็แค่คาดเดาไปตามท่าทีลู่เจียวอย่างไม่ได้คิดอันใด คิดไม่ถึงว่าเขาจะเดาถูก
สีหน้าเขาพลันเย็นเยียบ แววตาเต็มไปด้วยรังสีราวกับน้ำค้างแข็ง เจิ้งจื้อซิ่งเป็นสหายร่วมชั้นเรียนของเขา ปกติสายสัมพันธ์ไม่เลว เขาย่อมรู้ว่าเขากับเซี่ยต้าเฉียงสายสัมพันธ์ไม่ดี แต่ตอนนี้เขากลับตีสนิทกับเซี่ยต้าเฉียง เห็นชัดว่าคิดล่อลวงเซี่ยต้าเฉียงทำเรื่องอันใด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดสีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่ เป็นนานก่อนจะเอ่ยเยาะขึ้นว่า “เขาก็ช่างวางแผน ถึงกับขึ้นเป็นนายอำเภอระดับเจ็ดได้”
ตามกฎแคว้นต้าโจวถงจิ้นซื่อต้องไปเป็นอาจารย์ที่สำนักศึกษาสามปี จากนั้นยังต้องผ่านการสอบจากสำนักศึกษาฮั่นหลิน สอบผ่านจึงได้ได้เป็นขุนนางท้องถิ่น ตอนนี้เจิ้งจื้อซิ่งกลับใช้สถานะถงจิ้นซื่อได้ตำแหน่งนายอำเภอท้องถิ่น นี่แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเขามีคนหนุนหลัง
ลู่เจียวแค่นเสียงฮึเยียบเย็นกล่าวว่า “ก็วางแผนลดภรรยาตนเองไปเป็นอนุ แต่งหญิงตระกูลสูงศักดิ์มาแทน เจ้ารู้ไหมเขาแต่งกับผู้ใด บุตรีอนุในจวนหนานหยางป๋อ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมุมปากฉายแววยิ้มเยาะยิ่งขึ้น เขามองข้ามความไร้ยางอายของคนผู้นี้ไปเสียแล้ว
เมื่อก่อนรู้แค่ว่าเขาเป็นคนช่างริษยา อารมณ์ไม่แน่นอน ตอนนี้จึงได้รู้ที่แท้ยังหน้าด้านไร้ยางอาย
ในรถม้า ลู่เจียวเล่าถึงตรงนี้ก็คิดถึงจู้เป่าจูที่ถูกทำร้าย ตอนนั้นนางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสามีตนจะสอบได้ ปรากฏพอวันที่สามีตนสอบได้ กลับลดนางเป็นอนุ แค่คิดก็รู้ว่าเรื่องนี้ทำร้ายจิตใจนางเพียงใด
ลู่เจียวยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าหญิงในยุคสมัยนี้ไม่ง่ายเลย นางพลันมองไปยังเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “อวิ๋นจิ่น ข้าอยากบอกเจ้าเรื่องหนึ่ง”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นรู้ว่าลู่เจียวชอบจู้เป่าจูมาก ตอนนี้จู้เป่าจูตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ในใจนางย่อมเศร้าเสียใจ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองนางอ่อนโยน “เจ้าว่ามา”
“ข้าอยากขอตั้งกฎของบ้านเรา”
“กฎอันใด”
“ชายสี่สิบไร้บุตรชาย จึงรับอนุได้”
ความจริงลู่เจียวอยากบอกว่าชั่วชีวิตไม่ให้รับอนุ แต่นางรู้เรื่องสำคัญของการมีบุตรชายในยุคสมัยนี้ คนที่ไม่มีบุตรชายจะถูกคนด่าว่าจนสิ้นตระกูล ถึงกับว่าร้ายเจ้าทำชั่วมามาก ดังนั้นจึงไม่มีบุตรชาย บางตระกูลเพราะไม่มีบุตรชาย แม้แต่สมบัติก็รักษาไว้ไม่ได้ เห็นได้ว่าบุตรชายสำคัญอย่างยิ่ง
ดังนั้นนางจึงกำหนดแค่ว่าชายสี่สิบไร้บุตรชาย จึงจะรับอนุได้ ผู้ชายหลังอายุสี่สิบยังมีลูกได้
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ฟังคำพูดลู่เจียว ก็ไม่ได้คัดค้านแม้แต่น้อย เขาเองก็ไม่รับอนุ บุตรชายไม่รับอนุก็สมควรแล้ว
เขากล่าวจบหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ในรถม้า “ท่านแม่พวกเจ้ากำหนดกฎประจำตระกูลเช่นนี้ พวกเจ้าได้ยินหรือไม่ กฎประจำตระกูลเราก็คือชายอายุสี่สิบไม่มีบุตรชายจึงจะรับอนุได้ หากพวกเจ้ากล้ารับอนุตามใจชอบ หรือไปข้องเกี่ยวกับคนที่ไม่ควรข้องเกี่ยว ก็ออกจากตระกูลเซี่ยไปเสีย”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นสีหน้าเคร่งขรึม เอ่ยน้ำเสียงจริงจัง
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ย่อมจดจำกฎข้อนี้ไว้แล้ว พร้อมใจกันตอบว่า “ท่านพ่อ พวกเราได้ยินแล้ว พวกเราจะต้องทำให้ได้”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าอย่างพอใจ ลู่เจียวออกกฎหนักหนาไปแล้วก็ให้ของหวานตามมา ยิ้มกล่าวว่า “แต่พวกเจ้าแต่งภรรยาที่ตนเองชอบได้ หากพวกเจ้าไม่ชอบ ท่านพ่อกับแม่จะไม่บังคับพวกเจ้า วันหน้าหากพวกเจ้าได้เจอคนที่ชอบก็มาบอกท่านพ่อกับแม่ พวกเราก็จะช่วยพวกเจ้าดู ถ้าได้ ก็จะให้พวกเจ้าแต่ง”
อย่าได้ไปต้องตาต้องใจคนที่ไร้การอบรม เช่นนั้นก็ไม่ได้
แต่นางกล่าวเช่นนี้ เจ้าหนูน้อยทั้งสี่กลับเบิกบานใจ ยิ้มดีใจทันที “ท่านแม่พวกเรารู้แล้ว”
ทั้งครอบครัวไม่พูดเรื่องตระกูลเจิ้งอีก เล่าเรื่องต่างๆ นานาในงานมงคลในวันนี้
ตกค่ำ เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวเพิ่งจะกลับถึงตระกูลเซี่ย จ้าวเหิงก็ตามกลับมาติดๆ
จ้าวเหิงขี่ม้า เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวสองคนนั่งรถม้า เพราะลู่เจียวตั้งครรภ์ หลินต้าขับรถม้าช้ามาก ดังนั้นพอพวกเขากลับมา จ้าวเหิงก็ตามกลับมาติดๆ
พอกลับมาก็มารายงานว่า “ฮูหยิน อนุจู้ขอบคุณความเมตตาของฮูหยินมาก เพียงแต่นางคืนเงินกลับมาทั้งหมด นางบอกว่าตอนนี้นางอยู่จวนเจิ้งราวกับนักโทษ นอกจากในเรือนตนเอง ออกไปไหนไม่ได้ ถึงมีเงินก็ใช้ไม่ได้”
จ้าวเหิงกล่าวจนสุดท้ายในใจฝืดเฝื่อน เห็นหญิงสาวที่เคยร่าเริง ตอนนี้ราวกับท่อนไม้ไร้ความรู้สึก เขารู้สึกเพียงแค่ในใจเจ็บปวดบอกไม่ถูก หากเป็นบุตรสาวเขา เขาจะทนได้อย่างไร
ลู่เจียวได้ฟังจ้าวเหิง ก็รู้สภาพจู้เป่าจูเลวร้ายกว่าที่นางคิดไว้มาก
เห็นชัดว่าฟางซื่อต้องการทรมานจู้เป่าจูให้ตาย หากจู้เป่าจูอยู่ตระกูลเจิ้งต่อ นางต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “อวิ๋นจิ่น หากข้าเข้ายุ่งเรื่องนี้ จะนำความยุ่งยากมาสู่เจ้าหรือไม่”
“ขอเพียงเจ้าอยากทำ ก็ทำไปได้เลย” เซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าว
ลู่เจียวพยักหน้า มองไปยังจ้าวเหิงสั่งการว่า “เจ้าไปตระกูลจู้ ถามความเห็นพวกเขาหน่อย จะมองดูบุตรสาวตายไปเช่นนี้ หรือคิดจะช่วยชีวิตบุตรสาว หากพวกเขาคิดช่วยบุตรสาวก็ให้พวกเขาเขียนคำร้องมา”
ลู่เจียวกล่าวถึงตรงนี้ หันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “เจ้าเป็นถงจือ เหมือนว่าไม่ได้ดูแลคดีความ ใต้เท้าหูดูแลคดีความใช่หรือไม่”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้าเล็กน้อยกล่าวว่า “ไม่เป็นไร ข้าจะไปบอกกับใต้เท้าหูสักคำ เขาจะรับคำร้องของตระกูลจู้ไว้”
ลู่เจียวพยักหน้าเล็กน้อยมองไปยังจ้าวเหิงกล่าวว่า “ให้ตระกูลจู้เขียนคำร้องยื่นมาที่หูทงพั่น หูทงพั่นส่งคนไปตระกูลเจิ้งนำตัวอนุจู้ออกมา เช่นนี้ก็จะรักษาชีวิตอนุจู้ไว้ได้”
“ขอรับ ฮูหยิน”
จ้าวเหิงรับคำไปจัดการเรื่องนี้
ลู่เจียวหันไปมองเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ขอบคุณท่านพี่”
แม้ว่านางและเขาเริ่มแรกจะขัดแย้งกัน แต่กล่าวตามตรง การได้พบผู้ชายเช่นเซี่ยอวิ๋นจิ่นถือเป็นโชคดีของนาง หญิงในยุคสมัยนี้ลำบากจริง
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกุมมือนาง “เอาละ อย่าได้เป็นกังวลเรื่องผู้อื่น รีบไปเข้านอนได้แล้ว”
ลู่เจียวยิ้มให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น ก่อนจะกลับห้องไปนอน
ความจริงตระกูลจู้รักจู้เป่าจูมาก ไม่เช่นนั้นก็คงไม่เลี้ยงดูนางจนมีนิสัยสดใสร่าเริงมองโลกแง่ดีได้เช่นนี้
ตระกูลพวกเขากับตระกูลเจิ้งนับว่าเหมาะสมกัน พวกเขาให้จู้เป่าจูแต่งกับเจิ้งจื้อซิ่ง ก็เพราะเห็นว่าเจิ้งจื้อซิ่งมีอนาคต และเจิ้งจื้อซิ่งก็เป็นคนที่พวกเขาเห็นมาแต่เล็ก นับว่าเป็นคนเรียบร้อย
คนตระกูลจู้ไม่คิดไม่ฝันว่า พวกเขาจะมองเจ้าหมอนี่พลาดไป พอสอบได้ ก็ถึงกับลดสถานะบุตรสาวพวกเขาจากภรรยาเอกเป็นอนุ
ตระกูลจู้ได้รับข่าวนี้ ก็ไปขอคำอธิบายถึงที่จวน น่าเสียดายไม่ได้พบหน้าบุตรสาวตนเอง พวกเขาไม่ได้พบบุตรสาวก็ย่อมไม่รู้ว่าสภาพบุตรสาวในตอนนี้
พอจ้าวเหิงไปถึงจวนบอกเล่าสภาพจู้เป่าจู บิดามารดาที่ตระกูลจู้และพี่ชายจู้เป่าจูต่างด่าทอเจิ้งจื้อซิ่งว่าเดรัจฉาน พวกเขารีบลุกขึ้นจะบุกไปตระกูลเจิ้งช่วยจู้เป่าจูออกมา
แต่สุดท้ายถูกจ้าวเหิงรั้งไว้ ตอนนี้จู้เป่าจูเป็นอนุตระกูลเจิ้ง พวกตอนนี้เจ้าบุกเข้าไป ก็รังแต่จะแหวกหญ้าให้งูตื่น