ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 63 คึกคักกันทั้งหมู่บ้าน
ตอนที่ 63 คึกคักกันทั้งหมู่บ้าน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งคิดก็ยิ่งดีใจ ใบหน้าแทบจะส่องแสงระยิบระยับ หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่ามือของเขาสั่นเทาเล็กน้อย
เวลานี้เขาตื่นเต้นเกินไป ตื่นเต้นจนไม่เห็นเหงื่อเย็นที่ผุดเต็มหน้าหมอฉี หากเขาสงบจิตใจลงได้สักหน่อยก็ย่อมสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้ได้
ลู่เจียวกลัวว่าฉีเหล่ยจะหลุดพูดความจริง พอเห็นเซี่ยอวิ๋นจิ่นเชื่อสนิทใจจึงส่งยิ้มให้ฉีเหล่ยทันที
“หมอฉี ต้องรบกวนเจ้าแล้ว เช่นนั้นข้าส่งเจ้ากลับไปก่อนเถอะ สองวันนี้ให้อวิ๋นจิ่นบำรุงร่างกายไปก่อน จากนั้นค่อยมาผ่าตัดกัน”
ฉีเหล่ยตัวเกร็งจนพูดอะไรไม่ออก เขายืนเซ่ออยู่สักพักถึงจะก้าวเท้าเดินได้สักก้าว
ลู่เจียวส่งเขาขึ้นรถม้าที่จอดนอกรั้วบ้านเซี่ย
เวลานี้ ฉีเหล่ยดึงสติกลับมาแล้วจ้องหน้าลู่เจียวอย่างเดือดดาล “เจ้าทำเช่นนั้น ขุดหลุมฝังข้าและสามีเจ้าชัดๆ ข้าผ่าตัดไม่เป็นเสียหน่อย”
ลู่เจียวพูดด้วยความใจเย็น “ข้าเป็น เอาเถอะน่ะ อีกสองวันข้าจะไปหาเจ้าในเมือง”
สิ้นเสียง นางก็ปล่อยม่านรถม้าลงทันที
ภายในรถม้า ฉีเหล่ยยังอยากระบายอารมณ์เดือดดาลนี้ออกมา ทว่าก็นึกถึงสิ่งที่ลู่เจียวพูด
ข้าเป็น
นางเป็นอะไร
ผ่าตัดเป็นหรือ
ครั้งนี้สีหน้าของฉีเหล่ยกลับเปลี่ยนไป โอ้สวรรค์ แม่นางลู่ผ่าตัดเป็นจริงหรือ นี่เรื่องจริงหรือ
ฉีเหล่ยอยากลงจากรถม้าไปถามนางจวนใจจะขาด นางผ่าตัดเป็นจริงหรือ นั่นต้องกรีดเนื้อคนเชียวนะ ผ่าตัดเป็นจริงๆ หรือ
สตรีอ่อนแอคนหนึ่งกลับผ่าตัดได้ โอ้สวรรค์ ไม่อยากเชื่อเลยว่าใต้หล้านี้จะมีสตรีที่กล้าหาญถึงปานนี้
ในต้าโจวมีหมอผ่าตัดอยู่หลายคน ทว่าล้วนเป็นหมอทหาร ยามทหารออกรบย่อมมีผู้ที่บาดเจ็บสาหัส ก่อนที่หมอทหารจะมีฝีมือการผ่าตัดยอดเยี่ยม ล้วนผ่านการเคี่ยวกรำจากการรักษาทหารนับไม่ถ้วน
หมอทั่วไปจะมีโอกาสผ่าตัดให้ทหารมากมายเช่นนี้ได้อย่างไร แล้วจะมากประสบการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร
ทว่าตอนนี้แม่นางลู่กลับบอกว่านางทำได้
หัวใจฉีเหล่ยเต้นรัวจนแทบกระดอนออกจากอก ถ้าแม่นางลู่ผ่าตัดให้ผู้ป่วยได้ ฝีมือการแพทย์ของนางต้องยอดเยี่ยมมากล่ะสิ
ก่อนหน้านี้หลิงเฟิงอยากหาหมอมาประจำที่หอยาเป่าเหอ แต่หามาหลายคน สุดท้ายกลับไม่จ้างสักคน เพราะหมอพวกนั้นมีความสามารถไม่พอ
หากแม่นางลู่ผ่าตัดได้ ฝีมือการแพทย์ต้องไร้เทียมทานแน่นอน
ฉีเหล่ยเดินทางกลับเมืองชีหลี่ด้วยคำถามมากมายในหัว
ณ บ้านเซี่ย ลู่เจียวกลับไปแสดงความยินดีกับเซี่ยอวิ๋นจิ่น “ข้ามาแสดงความยินดีกับเจ้าก่อน ขอให้ขาของเจ้ากลับมาหายดี ขอให้เจ้าหายจากโรคภัยไข้เจ็บทั้งปวง”
ความเย็นชาในแววของเซี่ยอวิ๋นจิ่นจางลงไม่น้อย แต่เขายังคงไม่มั่นใจ เขาเงยหน้าขอให้ลู่เจียวช่วยยืนยันอีกครั้ง “ลู่เจียว เจ้าว่าหมอฉีคนนั้นจะผ่าตัดให้ข้าได้จริงๆ ใช่ไหม จะรักษาขาของข้าให้หายดีได้ใช่ไหม”
ลู่เจียวไม่ทันพูดสิ่งใด ก็มีเสียงตื่นเต้นดีใจดังจากประตู
“อวิ๋นจิ่น นี่เป็นเรื่องจริงหรือ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวหันไปมองประตู คนที่เดินเข้ามาคือผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านเซี่ย
เซี่ยฟู่กุ้ยรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด จับจ้องทั้งสองคนในเรือนอย่างไม่อยากเชื่อ
“หมอฉีจากหอยาเป่าเหอจะผ่าตัดให้อวิ๋นจิ่นจริงหรือ”
ลู่เจียวพยักหน้าด้วยแววตานิ่งเฉย “อืม หมอฉีบอกว่าเขาผ่าตัดเป็น อวิ๋นจิ่นแค่ต้องพักฟื้นสองสามเดือนหลังผ่าตัด แล้วก็จะกลับมาเดินได้ปกติแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินคำพูดลู่เจียวก็เลิกคิ้วอย่างฉงนใจ หมอฉีบอกแล้วหรือว่าหลังจากผ่าตัดเสร็จให้เขาพักฟื้นสองสามเดือนก็จะกลับมาเดินได้ปกติ เหตุใดเขาถึงไม่ได้ยินล่ะ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นครุ่นคิด เซี่ยฟู่กุ้ยสาวเท้ามาข้างเตียง เขาจับมือของเซี่ยอวิ๋นจิ่นไว้ด้วยความตื่นเต้น “ดีจริงๆ ต่อจากนี้ หมอฉีต้องกลายเป็นผู้มีพระคุณของหมู่บ้านเซี่ยแน่นอน”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นได้ยินเซี่ยฟู่กุ้ยพูดเช่นนี้ ก็ลืมเรื่องที่คิดอยู่ เขาสงบใจลง หันไปมองเซี่ยฟู่กุ้ยที่ยังคงตื่นเต้นดีใจ แล้วพูดด้วยเสียงเรียบเฉย “ต่อให้ผ่าตัด ก็ยังมีโอกาสเดินไม่ได้”
เซี่ยฟู่กุ้ยกลับหัวเราะเสียงดัง “ไหนๆ หมอฉีก็ตกลงว่าจะผ่าตัดให้เจ้า ก็ต้องเดินได้แน่นอน นี่คือเรื่องน่ายินดีของหมู่บ้านเซี่ย ข้าต้องไปบอกให้ทุกคนรู้”
เซี่ยฟู่กุ้ยพูดจบก็หันหลังเดินออกไป ไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นพูด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นและลู่เจียวอยากจะรั้งเขาไว้ เสียดายแต่เขาเดินหายไปในชั่วพริบตา
เซี่ยฟู่กุ้ยเพิ่งจะออกจากเรือน เถียนซื่อและลู่กุ้ยก็วิ่งเข้ามาอย่างร้อนรน แฝดสี่ก็วิ่งตามหลังพวกเขามา
เถียนซื่อมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นด้วยความปลื้มปีติยินดี “เจียวเจียว หมอฉีรักษาขาของอวิ๋นจิ่นได้จริงหรือ”
เถียนซื่อเอ่ยจบก็หันไปมองลู่เจียวด้วยความตื่นเต้น ลู่กุ้ยจ้องลู่เจียวตาไม่กะพริบ
สี่แฝดวิ่งวนรอบกายนางพลางเงยหน้ามอง
ลู่เจียวพยักหน้ายิ้มๆ “จริงสิ หมอฉีรักษาขาอวิ๋นจิ่นได้ แค่ได้ผ่าตัด พักฟื้นสองสามเดือนก็ลงมาเดินบนพื้นได้แล้ว”
เถียนซื่อแย้มยิ้มอย่างตื่นเต้นดีใจ “ดีจริงๆ”
ลู่กุ้ยก็พยักหน้าไม่หยุด “พี่เขยกลับมาเดินได้ เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ”
แฝดสี่วิ่งไปหาเซี่ยอวิ๋นจิ่น แย่งกันพูด ราวกับกลัวว่าตัวเองจะรั้งท้ายคนอื่น
“ท่านพ่อ ต่อไปถ้าท่านเดินได้ ก็ได้ไปเรียนหนังสือในเมืองแล้วสิ”
“ท่านพ่อ ท่านต้องอุ้มพวกเราด้วย”
“ท่านสัญญาว่าจะพาพวกเราไปเที่ยวที่สถาบันของท่าน”
“ท่านบอกว่าอนาคตท่านจะเป็นขุนนางตำแหน่งสูง”
ซื่อเป่ายื่นแขกเล็กๆ ขึ้นมาให้ดูว่าตำแหน่งสูงแค่ไหน
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นคนรอบข้างดีอกดีใจ ก็อดรื่นเริงยินดีตามไปด้วยไม่ได้ ใบหน้าหล่อเหลาอ่อนโยน งดงามราวกับป่าเขียวน้ำใส นัยน์ตาลุ่มลึกสะท้อนให้เห็นถึงคลื่นน้ำสดใสในวสันต์ ดูน่าหลงใหลเย้ายวนใจ
ลู่เจียวเห็นทุกอย่างในเรือน ก็อดยกมุมปากขึ้นไม่ได้ ดีเหลือเกิน
เถียนซื่อที่อยู่ด้านข้างก็มองภาพตรงหน้าอย่างมีความสุข แต่ตอนที่นางกวาดตามองลูกสาว ก็รู้สึกกระวนกระวายใจอีกครั้ง
หลังจากขาของบุตรเขยหาย เขาคงจะสอบขุนนางแล้วเข้ารับราชการ แล้วเขาจะทิ้งลูกสาวคนนี้ไปหรือไม่
แม้เถียนซื่อจะกังวลใจ แต่ก็ไม่ทำอะไรให้เสียบรรยากาศ “นี่เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ วันนี้คงต้องเตรียมอาหารดีหน่อยแล้ว”
“ได้”
ลู่เจียวก็คิดว่าเที่ยงนี้ควรทำอหารเยอะหน่อย จะได้เฉลิมฉลอง
สองแม่ลูกไปทำอาหารในห้องครัว แฝดสี่อยู่คุยเป็นเพื่อนเซี่ยอวิ๋นจิ่น
ผู้ใหญ่บ้านออกจากบ้านเซี่ยก็เดินประกาศทั่วหมู่บ้านด้วยความตื่นเต้น ทั้งหมู่บ้านก็รู้เรื่องนี้กันถ้วนหน้า
หมอฉีในหอยาเป่าเหอจะผ่าตัดให้เซี่ยอวิ๋นจิ่นแล้ว
หลังจากผ่าตัดเสร็จ พักฟื้นสองสามเดือนก็จะกลับมาเดินได้ปกติ
นี่ก็แสดงว่าเซี่ยอวิ๋นจิ่นจะได้กลับไปเรียนหนังสือต่อ จะได้สอบคัดเลือกขุนนางและเข้ารับราชการได้ในที่สุด
โอ้สวรรค์ ช่างดีเหลือเกิน
ทั้งหมู่บ้านเซี่ยคึกคักขึ้นมาทันที บ้างหยุดทำอาหาร มาจับกลุ่มคุยเรื่องนี้