ทะลุมิติมาเป็นภรรยาของตัวร้าย - ตอนที่ 607 อบรมบุตรชายแบบนี้ดีจริงหรือ
ตอนที่ 607 อบรมบุตรชายแบบนี้ดีจริงหรือ
เซี่ยอวิ๋นจิ่นยิ่งฟัง แววตาก็ยิ่งเปล่งประกาย สุดท้ายจ้องมองลู่เจียวอย่างตื่นเต้น กล่าวว่า “ข้าจะอ่าน ข้าจะอ่านให้หมด”
ลู่เจียวยิ้มกล่าวว่า “ได้สิ”
นางกล่าวจบคิดถึงว่าอักษรในหนังสือที่ไม่เหมือนอักษรตัวเต็มในตอนนี้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่รู้จัก
“แต่อักษรในหนังสือไม่เหมือนกับอักษรที่เจ้ารู้จักในตอนนี้”
นางกล่าวจบก็เหมือนครุ่นคิดแล้วก็กล่าวว่า “ข้าช่วยเจ้าแปลก็แล้วกัน”
แต่คิดถึงความหนาของหนังสือ หากต้องแปลเป็นอักษรตัวเต็มในยุคสมัยนี้ ลู่เจียวก็รู้สึกว่าปวดหัว นางมองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “หรือว่าข้าสอนให้เจ้ารู้อักษรในยุคข้า เช่นนี้ เจ้าก็จะอ่านหนังสือของข้าได้ทั้งหมด หากเป็นเช่นนี้ก็ยังเป็นประโยชน์อีกอย่างหนึ่ง วันหน้าเจ้ายังแปลหนังสือพวกนี้เป็นอักษรในตอนนี้มอบให้เจ้าหนูน้อยทั้งสี่”
มีหนังสือพวกนี้ ไม่ว่าเจ้าหนูน้อยทั้งสี่จะทำอันใดล้วนราวกับพยัคฆ์ติดปีก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเห็นด้วยทันที “ได้ วันหน้าทุกวันตอนค่ำ เจ้าสอนหนังสือข้าครึ่งชั่วยาม”
“ตกลง” ทั้งสองคนตกลงกันเรื่องนี้เสร็จ ก็เข้าไปนั่งลงพักในห้องโถงกลางเรือนตะวันออก
นอกประตูพ่อบ้านเซียวรอพวกเขาพักผ่อนสักครู่ก็ค่อยเข้ามารายงาน “ใต้เท้า ฮูหยิน สายแล้ว อาหารที่เรือนข้างจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นพยักหน้า “อืม”
กล่าวจบ เขาก็มองไปยังพ่อบ้านเซียว บอกว่า “พรุ่งนี้เช้า เจ้าจัดหาคนไปสืบความสถานการณ์ทั่วไปในเมืองหนิงโจว เช่น ขุนนางในเมืองหนิงโจวมีผู้ใดบ้าง นอกจากขุนนาง ยังมีตระกูลใดที่สถานะไม่ธรรมดา สรุปก็คือต้องสืบสายสัมพันธ์ของผู้คนในเมืองหนิงโจวมาให้ละเอียด พวกเราจะได้เตรียมพร้อม”
เมืองหนิงโจวไม่เหมือนอำเภอชิงเหอที่มองปราดเดียวก็รู้ได้หมด นี่เป็นเมืองใหญ่ ไม่เอ่ยถึงขุนนางใหญ่น้อยที่มีมากมาย ยังมีคนสถานะสูงศักดิ์ไม่น้อยที่ตั้งรกรากวงศ์ตระกูลกันที่นี่ ตระกูลเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีเงินทอง ยังมีลูกศิษย์ในราชสำนักหรือไม่ก็อยู่ประจำท้องที่อื่น
แม้พวกเขาไม่ได้อยู่เป็นขุนนางในเมืองหนิงโจว ก็ไม่อาจล่วงเกินได้ เซี่ยอวิ๋นจิ่นไม่กลัวพวกเขา อย่างไรเบื้องหลังเขายังมีอ๋องเยียน แต่หากไม่ใช่ยามจำเป็นต้องล่วงเกิน ก็อย่าได้ล่วงเกินเป็นดี ดังนั้นสืบความให้กระจ่างจึงดีที่สุด
เซี่ยอวิ๋นจิ่นเพิ่งกล่าวจบ พ่อบ้านเซียวก็ควักกระดาษปึกหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อส่งให้เซี่ยอวิ๋นจิ่น กล่าวว่า
“ใต้เท้า สามวันก่อน บ่าวมาถึงเมืองหนิงโจวก็ส่งหลี่หนานเทียนกับโจวเส้ากงสองคนไปตรวจสอบพื้นที่และผู้คนในเมืองหนิงโจว นี่คือรายงานที่สืบความมาได้ บ่าวได้จัดการเรียบเรียงออกมาให้ใต้เท้าอ่านแล้ว”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกวาดตามอง ถึงกับเรียบเรียงได้อย่างมีขั้นมีตอน กวาดตามองก็เข้าใจทันที
เขาอดไม่ได้ต้องมองเซียวซานใหม่ พ่อบ้านผู้นี้ดูท่าสามารถรับภาระใหญ่ได้
“ไม่เลว พ่อบ้านเซียวทำงานมีความสามารถมาก วันหน้าเรื่องในจวนมีเจ้าช่วย ข้าวางใจมาก”
พ่อบ้านเซียวยิ้ม ก่อนหน้านี้ตอนเขามาเป็นพ่อบ้าน เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังไม่ยอมรับเขาเท่าไร ตอนนี้เขายอมรับแล้ว นี่คืองานของพ่อบ้านแท้จริง
อีกอย่างตอนนี้ในใจเขารู้สึกมั่นใจแล้วว่า เจ้านายทั้งสองของเขาไม่ใช่เจ้านายที่เจ้าฟังคำสั่งข้าก็พอ เจ้านายต้องการให้เจ้าช่วยพวกเขาทำงาน ขอเพียงทำงานได้ดี แม้ว่าเจ้าคิดทำไปเอง พวกเขาก็ไม่ตำหนิเจ้า
ความใจกว้างเช่นนี้ให้อิสระเซียวซาน ในใจเซียวซานเบิกบานใจอย่างมาก
ห้องโถงกลาง ลู่เจียวมองไปยังพ่อบ้านเซียว กล่าวว่า “พรุ่งนี้เจ้าจัดหาคนมาเพิ่มในบ้านเรา เรือนหลังขาดคนหรือไม่ เจ้าถามยายเฒ่าชิว เรือนด้านหน้าเจ้าก็จัดการเอาเอง ที่ไหนต้องการคนก็จัดหามาเพิ่ม วันหน้าอวิ๋นจิ่นเป็นถงจือ จวนเราย่อมต้องต้อนรับแขก ดังนั้นคนขาดจะต้องรีบหามาเพิ่ม อย่าได้ถึงตอนนั้นคนไม่พอใช้งาน”
“อีกอย่าง พื้นที่ว่างด้านหลังก็ก่อสร้างเรือนแถวให้บ่าวรับใช้ พื้นที่ที่เหลือค่อยสร้างโรงฝึกยุทธขนาดเล็กให้คุณชายน้อยทั้งสี่”
“ขอรับ ฮูหยิน ข้าน้อยทราบแล้ว พรุ่งนี้จะไปจัดการ”
ลู่เจียวพยักหน้า “อืม”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นดึงนางลุกออกไปกินอาหารเย็น ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินออกไป ที่ระเบียงทางเดินไม่ไกลนักก็มีเสียงเดินมาพลางพูดคุยกันอย่างดีอกดีใจของเจ้าหนูน้อยทั้งสี่
พอเห็นพวกเขาสองคน เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ยิ้มหน้าบาน ส่งเสียงเรียกอย่างเบิกบานใจ “ท่านพ่อ ท่านแม่ กินข้าวกัน”
“อืม ไปกัน”
เรือนด้านข้างสำหรับกินข้าวแยกเดี่ยวออกมา อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเรือนด้านหลัง มีประตูกั้นไว้บานหนึ่ง เปิดไปทางตะวันตก แยกออกเป็นสองส่วน ด้านหน้าเป็นสี่ห้องเรียงกัน ทางเหนือเป็นห้องครัว ด้านหน้าสามห้องเป็นเรือนด้านข้าง ไว้ให้เจ้านายกินข้าว จัดโต๊ะสามตัวได้ มีสิ่งของเครื่องใช้ครบครัน
มุมทางเหนือมีห้องเล็กๆ สี่ห้อง นั่นเป็นห้องครัวบ่าวรับใช้ บ่าวรับใช้ห้องครัวมีห้องครัวกับห้องกินข้าวติดกัน ดูแล้วกว้างใหญ่ ด้านในสะอาดสะอ้านอย่างมาก
เซี่ยอวิ๋นจิ่นกับลู่เจียวทั้งครอบครัวเดินเข้าในเรือนด้านข้าง อาหารบนโต๊ะวางไว้เรียบร้อย ทั้งครอบครัวลงนั่งกินข้าว
ลู่เจียวมองไปยังพ่อบ้านเซียวกับพวกเฝิงจือ กล่าวว่า “พวกเจ้าเองก็ไปกินข้าวเถอะ ไม่ต้องคอยดูแลพวกเรา”
พ่อบ้านเซียวรู้ว่าเจ้านายตนมีเมตตา ก็รีบรับคำถอยออกจากเรือนด้านข้าง ทั้งครอบครัวกินไปคุยกันไปหัวเราะเฮฮา
ลู่เจียวถามอย่างห่วงใยเจ้าหนูน้อยทั้งสี่ว่า “เป็นอย่างไรบ้าง ในห้องพวกเจ้าต้องการของตกแต่งอันใดอีกหรือไม่ หากต้องการ ก็บอกกับท่านอาเซียว ให้เขาส่งคนไปซื้อมาให้พวกเจ้า”
“อืม อีกสักครู่พวกเรากลับไปจะลองคิดดูว่าต้องเพิ่มเติมสิ่งใด พรุ่งนี้ให้ท่านอาเซียวช่วยไปซื้อมาให้พวกเรา”
เด็กทั้งสี่อารมณ์ดีคึกคักกันอย่างมาก สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
ลู่เจียวเห็นแล้วก็อดหยอกพวกเขาไม่ได้ “เดิมแม่ยังเป็นห่วงพวกเจ้า ไม่นอนกับพวกเจ้าแล้วพวกเจ้าจะไม่เบิกบานใจหรือไม่ คิดไม่ถึงว่าพวกเจ้าถึงกับดีใจเช่นนี้ หากเป็นเช่นนี้แสดงว่าพวกเจ้ารังเกียจแม่ใช่หรือไม่”
พอลู่เจียวกล่าว เจ้าหนูน้อยทั้งสี่ก็ ร้อนใจกล่าวว่า “ท่านแม่ พวกเราไหนเลยจะรังเกียจท่านแม่ พวกเราโตแล้วเท่านั้น”
“อีกอย่าง ทุกครั้งพวกเราจะนอนกับท่านแม่ ท่านพ่อก็จะร้อนใจ พวกเราไม่ใช่ว่าแย่งท่านแม่ไปจากท่านพ่อหรือ”
เอ้อร์เป่าโยนแพะไปให้ท่านพ่อรับบาปทันที
เซี่ยอวิ๋นจิ่นมองเขาไร้วาจาจะกล่าว
ซานเป่ารีบกล่าวทันทีว่า “ท่านแม่ หากท่านคิดถึงพวกเรา ก็มานอนกับพวกเราทางนี้ได้”
ซื่อเป่าสองตาเปล่งกระกายวาวจ้องมองลู่เจียว “ท่านแม่ คืนนี้ท่านคิดนอนกับพวกเราหรือไม่ ความจริงพวกเรานอนด้วยกันได้นะ”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นตัดบทอย่างไม่เกรงใจทันที “ฝันไปเถอะ รีบกินข้าวไปอาบน้ำ วันหน้าอย่าได้เอาแต่คิดจะมานอนกับท่านแม่ โตกันขนาดไหนแล้ว”
ซื่อเป่าแสดงท่าทีไม่ยอมอ่อนข้อ “ท่านพ่อ พวกเราโตขนาดไหน ก็ไม่เท่าท่านพ่อ ท่านพ่อโตแล้ว ทำไมวันๆ เอาแต่จะนอนกับท่านแม่เล่า”
เซี่ยอวิ๋นจิ่นส่งสายตาจ้องใส่เขาทีหนึ่ง “ท่านแม่เป็นภรรยาข้า ย่อมต้องนอนกับข้าสิ เจ้าเป็นบุตรชายนาง มีบุตรชายที่ไหนเอาแต่นอนกับมารดา หากเจ้าขาดคนนอนด้วย ไว้ข้าหาภรรยามานอนเป็นเพื่อนเจ้า”
ซื่อเป่ามีสีหน้าตกใจ จ้องมองท่านพ่อตนเอง มีที่ไหนอบรมสั่งสอนบุตรชายเช่นนี้กัน
ลู่เจียวไร้วาจาจะกล่าว มองเซี่ยอวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “มีที่ไหนอบรมสั่งสอนบุตรชายเช่นนี้กัน”
นางกล่าวจบหันไปมองเจ้าหนูน้อยทั้งสี่อบรมสั่งสอนกล่าวว่า “บุตรชายของเรายังเล็ก ไม่ต้องร้อนใจหาภรรยา รอให้พวกเจ้าโตรู้ความก่อน จึงจะหาภรรยาได้ รู้ไหม”
เจ้าหนูน้อยทั้งสี่รีบพยักหน้า “ท่านแม่ พวกเราทราบแล้ว”
เพราะวันนี้ทุกคนเหน็ดเหนื่อยมากันทั้งวัน ดังนั้นกินอาหารเย็นเสร็จ พักผ่อนครู่หนึ่ง ทั้งครอบครัวก็อาบน้ำแปรงฟันเข้านอน
ก่อนนอน เซี่ยอวิ๋นจิ่นยังกำชับไม่หยุด “เจียวเจียว พรุ่งนี้จะต้องสอนข้าเรียนหนังสือนะ”
เขาแทบทนไม่ไหว อยากจะรู้ว่าอักษรในยุคเจียวเจียวเป็นอย่างไร เช่นนั้นเขาก็จะได้อ่านหนังสือในห้วงอากาศของเจียวเจียวให้หมด หนังสือพวกนั้นต้องทรงคุณค่าอย่างแน่นอน